Skip to main content
sharethis

‘อนุสรณ์ ธรรมใจ’ อดีตกรรมการ ธปท. และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต หนุนเก็บภาษีแพลตฟอร์มบรรษัทข้ามชาติและลดภาษีรถยนต์ EV แต่ขอให้ดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อเลี่ยงผลกระทบต่อกิจการอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ยังคงใช้เทคโนโลยีแบบเดิมซึ่งเป็นฐานการจ้างงานและฐานการผลิตเพื่อส่งออกขนาดใหญ่ของไทยตลอดช่วงสามสี่ทศวรรษที่ผ่านมา


รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต

8 พ.ค. 2565 รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต เปิดเผยว่าหากในการประชุมครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในวันที่ 14-15 มิถุนายน ศกนี้ มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% พร้อมกับการปรับลดงบดุล (Quantitative Tightening – QT) ฉุดสภาพคล่องในระบบการเงินโลก ส่งผลทำให้เงินทุนระยะสั้นไหลออกจากตลาดการเงินไทย ทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรเพิ่มเติมและกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับ 35.50-36.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ หากปรับขึ้นเพียง 0.25-0.50% คงไม่ส่งผลต่อความผันผวนในตลาดการเงินของโลกและของไทยมากนัก การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางหลายประเทศตามธนาคารกลางสหรัฐฯเป็นการแสดงถึงความวิตกกังวลต่อปัญหาเงินเฟ้ออย่างชัดเจนและเป็นการส่งสัญญาณถึงช่วงเวลาของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นมาถึงแล้วแม้นเศรษฐกิจบางประเทศยังชะลอก็ตาม ทางการไทยควรเข้าแทรกแซงเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทไม่ให้อ่อนค่าเร็วและแรงเกินไป แม้นว่าการอ่อนค่าของเงินบาทจะช่วยสนับสนุนการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่การอ่อนลงไปในระดับดังกล่าวในระยะเวลาอันสั้น จะทำให้ค่าครองชีพและอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงมากในภาวะที่ราคาพลังงานและอาหารทรงตัวในระดับสูง ทำให้ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและธุรกิจขนาดย่อมขนาดเล็กปรับตัวไม่ทัน การใช้มาตรการ Open Market Operation แทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา ซื้อเงินบาท ขายดอลลาร์ น่าจะเพียงพอในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะ 2-3 เดือนข้างหน้าโดยยังไม่จำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมระหว่างประเทศพึงตระหนักถึงความจำเป็นต้องบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และ ต้องบริหารความเสี่ยงการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศให้ดีในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น

การปล่อยเงินเข้ามาในระบบจากการทำ QE 5 ล้านล้านดอลลาร์และทำให้ ราคาหุ้น ราคาคริปโต ราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงกว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมากๆในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เวลาจะดูดเงินออกเพื่อชะลอฟองสบู่ก็ต้องทยอยทำด้วยความระมัดระวังเพราะฟองสบู่อาจแตกรุนแรงได้ ที่หวังจะให้ Soft Landing ก็จะกลายเป็น Hard Landing แทน การกู้เงินในโครงการต่างๆและขยายกิจการอันเป็นผลจากภาพลวงตาของฟองสบู่ก็อาจได้เวลาเห็นความเป็นจริงว่า โครงการต่างๆหรือกิจการต่างๆเหล่านี้ดีจริงหรือไม่ภายใต้สถานการณ์ที่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นจากระดับที่เคยต่ำมากๆ ส่วนสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆที่น่าจะกระทบหนักสุดน่าจะเป็น คริบโตเคอเรนซี่ทั้งหลายหากธนาคารกลางสหรัฐฯขึ้นดอกเบี้ยเดือน มิ.ย. 0.75% และดูดเงินออกจากระบบด้วยการทำ QT บิตคอยน์อาจหลุดลงไปต่ำกว่า 32,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิตคอยน์ได้ ส่วน Ethereum-E อาจปรับลดลงต่ำกว่า 2,400  

รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่ากรณีของประเทศไทย หากการเปิดประเทศส่งผลให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น อุปสงค์มวลรวมขยายตัวเพิ่มขึ้น ช่วงปลายปี คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินอาจต้องเริ่มทบทวนการปรับเปลี่ยนทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบายหากอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงกว่ากรอบเป้าหมายทางนโยบายด้านบนมากๆ แต่เชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจะไม่เผชิญปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงเหมือนบางประเทศ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องเข้าแทรกแซงราคาพลังงานหากราคาน้ำมันเบนซินสูงเกินกว่า 50-55 บาทต่อลิตร และ ราคาดีเซลเกินกว่า 35-40 บาทต่อลิตร ส่วนการเก็บภาษีธุรกิจแพลตฟอร์มของบรรษัทข้ามชาติควรดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อนำรายได้ส่วนนี้มาส่งเสริมให้เกิด Digital Transformation ในประเทศ ขณะเดียวกัน สนับสนุนการลดภาษีรถยนต์ EV แต่ขอให้ดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อเลี่ยงผลกระทบต่อกิจการอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ยังคงใช้เทคโนโลยีแบบเดิมซึ่งเป็นฐานการจ้างงานและฐานการผลิตเพื่อส่งออกขนาดใหญ่ของไทยตลอดช่วงสามสี่ทศวรรษที่ผ่านมา

การอ่อนตัวของค่าเงินและราคาพลังงานทรงตัวในระดับสูง ผลกระทบจากสงครามยูเครน และ การชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานจะทำให้ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอย่างมาก โดยภาคผลิตภาคบริการที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ ภาควัสดุก่อสร้าง ภาคอสังหาริมทรัพย์ ภาคโลจีสติกส์และการขนส่ง ภาคยานยนต์ ภาคบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์พลาสติก กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ภาคสาธารณูปโภค เป็นต้น ผลการดำเนินงานและกำไรของกลุ่มบริษัทเหล่านี้ในตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาสสองไตรมาสสามจะลดลง หากรัฐบาลไม่สามารถสกัดการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าและบริการต่างๆได้จะส่งผลกระทบต่อครอบครัวผู้มีรายได้น้อย ข้าราชการชั้นผู้น้อย แรงงานรับจ้างอิสระนอกระบบ ผู้ค้ารายย่อย และ มีแนวโน้มยากที่จะรับมือต่อภาวะค่าครองชีพพุ่งสูงได้ จำเป็นต้องก่อหนี้เพิ่ม ปัจจัยเงินเฟ้อสูงกดดันต่อปัญหาหนี้ครัวเรือน ตัวเลขล่าสุดของสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลยังคงขยายตัวสูงจากการกู้ยืมมาเพื่อทดแทนสภาพคล่องจากรายได้ครัวเรือนที่ยังไม่ฟื้นตัว คาดหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี อาจทะลุระดับ 100 ได้ในช่วงปลายปีหากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่า 3%  การช่วยเหลือทางด้านสวัสดิการต่างๆเพื่อลดรายจ่ายของประชาชนจำเป็นต้องทำให้ทั่วถึงครอบคลุมผู้เดือดร้อนทางเศรษฐกิจ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net