ครม. เคาะค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน 3 กลุ่มอาชีพ 16 สาขา มีผล 90 วัน หลังประกาศในราชกิจจาฯ อนุมัติ ร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ปรับสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคม สามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อน
11 พ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล รายงานผลการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำวันที่ 10 พ.ค. โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม โดยมีมติที่น่าสนใจเกี่ยวกับสิทธิแรงงาน 2 ประเด็นคือเรื่องการกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 3 กลุ่มสาขาอาชีพ 16 สาขา และร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
เคาะ ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน 3 กลุ่มอาชีพ 16 สาขา มีผล 90 วัน หลังประกาศในราชกิจจาฯ
รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุ ครม. เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 ว่า ครม.เห็นชอบกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 3 กลุ่มอาชีพ 16 สาขา ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งมาตรฐานฝีมือแรงงาน เป็นข้อกำหนดทางวิชาการที่ใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับฝีมือ ความรู้ ความสามารถและทัศนคติในการทำงานของผู้ประกอบอาชีพสาขาต่างๆ ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยแบ่งเกณฑ์วัดระดับฝีมือแรงงาน เป็น 3 ระดับ และมีเกณฑ์มาตรฐานฝีมือแรงงานที่แตกต่างกันในแต่ละสาขา ซึ่งผู้ที่ผ่านการทดสอบจะได้ใบรับรองผ่านการทดสอบของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
การกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือในครั้งนี้ มีการกำหนดเพิ่มเติมขึ้นใหม่ 1 กลุ่มสาขาอาชีพ รวม 4 สาขา โดยมีอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานดังนี้
กลุ่มสาขาอาชีพช่างก่อสร้าง (กลุ่มสาขาอาชีพเดิม) รวม 5 สาขา คือ
1.สาขาช่างติดตั้งยิปซั่ม มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 450 บาท/วัน ระดับ 2 ค่าจ้าง 595 บาท/วัน
2.สาขาช่างเขียนแบบก่อสร้างด้วยคอมพิวเตอร์ มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 645 บาท/วัน
3.สาขาช่างปูกระเบื้องผนังและพื้น มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 450 บาท/วัน ระดับ 2 ค่าจ้าง 550 บาท/วัน ระดับ 3 ค่าจ้าง 650 บาท/วัน
4.สาขาช่างสีอาคาร มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 465 บาท/วัน ระดับ 2 ค่าจ้าง 600 บาท/วัน
5.สาขาช่างก่อและติดตั้งคอนกรีตมวลเบา มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 475 บาท/วัน ระดับ 2 ค่าจ้าง 575 บาท/วัน
กลุ่มสาขาอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์ (กลุ่มสาขาอาชีพที่กำหนดขึ้นใหม่) รวม 4 สาขา คือ
1.สาขาช่างเครื่องประดับ (รูปพรรณ) มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 450 บาท/วัน ระดับ 2 ค่าจ้าง 550 บาท/วัน ระดับ 3 ค่าจ้าง 650 บาท/วัน
2.สาขาช่างประกอบติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 430 บาท/วัน ระดับ 2 ค่าจ้าง 550 บาท/วัน
3.สาขาช่างฝีมือเครื่องประดับแนวอนุรักษ์ (เทคนิคโบราณ) มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 525 บาท/วัน
4.สาขาช่างเครื่องถม มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 625 บาท/วัน
กลุ่มสาขาอาชีพภาคบริการ (กลุ่มสาขาอาชีพเดิม) รวม 7 สาขา คือ
1.สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (หัตถบำบัด) มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 460 บาท/วัน ระดับ 2 ค่าจ้าง 475 บาท/วัน
2.สาขาผู้ประกอบขนมอบ มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท/วัน ระดับ 2 ค่าจ้าง 505 บาท/วัน
3.สาขาพนักงานต้อนรับส่วนหน้า มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 440 บาท/วัน ระดับ 2 ค่าจ้าง 565 บาท/วัน
4.สาขาพนักงานแผนกบริการอาหารและเครื่องดื่มในธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 440 บาท/วัน
5.สาขาช่างแต่งผมสตรี มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 440 บาท/วัน ระดับ 2 ค่าจ้าง 510 บาท/วัน ระดับ 3 ค่าจ้าง 650 บาท/วัน
6.สาขาช่างแต่งผมบุรุษ มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 430 บาท/วัน ระดับ 2 ค่าจ้าง 500 บาท/วัน ระดับ 3 ค่าจ้าง 630 บาท/วัน
7.สาขาการดูแลผู้สูงอายุ มาตรฐานฝีมือระดับ 1 ค่าจ้าง 500 บาท/วัน
ทั้งนี้ อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานจะมีผลใช้บังคับ 90 วัน หลังจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
อนุมัติ ร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ปรับสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคม สามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อน
ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยเป็นการปรับปรุงแก้ไขสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคม กรณีชราภาพ ให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อน (ขอเลือก ขอคืน และขอกู้) รวมทั้งการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีอื่น อาทิ เพิ่มเงินทดแทนกรณีขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ จากร้อยละ 50 ของค่าจ้าง เป็นร้อยละ 70 ของค่าจ้าง เพิ่มจ่ายเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรจากเดิม 90 วันเป็น 98 วัน เป็นต้น รวมทั้งแก้ไขขยายอายุขั้นสูงของผู้ประกันตนที่เป็นลูกจ้าง จากเดิม "อายุ 60 ปีบริบูรณ์ " เป็น "อายุ 65 ปีบริบูรณ์"
ทั้งนี้
1. การปรับปรุงแก้ไขสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคม กรณีชราภาพให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อน (ขอเลือก ขอคืนและขอกู้ )ดังนี้
-กรณีให้ผู้ประกันตนที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ สามารถเลือกรับเงินบำนาญชราภาพหรือเงินบำเหน็จชราภาพ (ขอเลือก) / กรณีให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนมาใช้ก่อนมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ (ขอคืน) และ/ กรณีให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักค้ำประกันการกู้เงินกับธนาคารหรือสถาบันการเงินได้ (ขอกู้)
2. การเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีอื่น
- ประโยชน์ทดแทนในกรณีทุพพลภาพเพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพจากร้อยละ 50 ของค่าจ้าง เป็นร้อยละ 70 ของค่าจ้าง
- ประโยชน์ทดแทนในกรณีคลอดบุตร เพิ่มระยะเวลาในการจ่ายเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรโดยเหมาจ่ายในอัตราครั้งละร้อยละ 50 ของค่าจ้างจากเดิมเป็นระยะเวลา 90 วันเป็นระยะเวลา 98 วันหรือระยะเวลาตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
- ประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรโดยให้ผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง และภายหลังการสิ้นสภาพเป็นผู้ประกันตน ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรต่อไปอีก 6 เดือน
ทั้งนี้ การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะทำให้ผู้ประกันตนที่เป็นผู้สูงอายุจะได้รับความคุ้มครองภายใต้ระบบสามารถ เลือกเข้าถึงแหล่งเงินฉุกเฉินได้เพิ่มเติมโดยใช้เงินกรณีชราภาพที่ตนจะได้รับในอนาคตเป็นเงินทุนแต่จะทำให้ผู้ประกันตนมีหลักประกันรายได้ยามเกษียณที่ลดลง อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกันตนนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนเอามาใช้ก่อนขอเลือกขอคืนและขอกู้ อาจทำให้กองทุนประกันสังคมมีความมั่นคงทางเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมลดลง แต่จะช่วยให้กองทุนมีค่าใช้จ่ายลดลงในระยะยาว
"การแก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม 2533 เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันรวมทั้งเป็นการรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยเพื่อให้ผู้ประกันตนที่สูงอายุได้รับความคุ้มครองและได้รับสิทธิประโยชน์ในระบบประกันสังคมสร้างหลักประกันทางสังคมที่เพิ่มมากขึ้นกับผู้สูงอายุที่อยู่ในระบบประกันสังคมด้วย" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)