Skip to main content
sharethis

สุชาติ ธาดาธำรงเวช ชี้ระบบขุนนางขุนศึก​ ยังครอบงำนักเรียนและเยาวชนกว่า 10 ล้านคน ควรเลิกบังคับชุดและทรงผมนักเรียน เพื่อให้เด็กๆ มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก 'เพื่อไทย' จี้ลดภาษีดีเซลลิตรละ 5 บาทตามที่เคยแนะไว้แล้ว ชี้ ราคาน้ำมันปาล์มพุ่ง เลิกผสมไบโอดีเซลลดราคาลงได้

16 พ.ค.2564 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทยรายงานต่อสื่อมวงชนว่า สุชาติ ธาดาธำรงเวช ศาสตราจารย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า

1.ตามที่มีข่าวว่าโรงเรียนอนุบาลแถวกาญจนบุรี ให้นักเรียนใส่ชุดทหาร เพื่อทำให้เด็กเกิดความรู้สึกรักประเทศ และยังมีชุดต่างๆอีกหลายชุด ดูแล้วนอกจากจะทำให้ผู้ปกครองที่ยากจนเสียเงินเสียทองมากขึ้นอีกแล้ว ยังอาจมีกระบวนการหาผลประโยชน์จากการขายชุดเหล่านั้น การสร้างระเบียบแบบครอบงำ คงไม่สามารถทำคนให้รักชาติได้

2.การใช้กรอบคิดศักดินาครอบงำเยาวชน จะทำให้ประเทศล้าหลัง ไม่มีอนาคต เพราะโลกในปัจจุบันก้าวไกลไปในยุคดิจิทัล และยุคควอนตัม (Quantum Computing) แล้ว เด็กๆ และเยาวชนจะต้องมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น จะต้องมีโอกาสตามเทคโนโลยีให้ทัน ต้องคิดนอกกรอบได้

3.ดังนั้น การบังคับให้มีชุดนักเรียนก็ดี ชุดต่างๆ รายวันก็ดี ให้มีทรงผมนักเรียนตามที่ผู้ใหญ่กำหนดก็ดี ล้วนเป็นการครอบงำให้สังคมหยุดอยู่กับที่ เป็นกรอบความคิดระหว่างนายกับบ่าว เป็นระบอบเจ้าขุนมูลนายศักดินา จะทำให้ประเทศล้าหลังไม่พัฒนา ไม่มีอนาคต

4.ประเทศไทยควรดูตัวอย่างประเทศเอสโตเนีย เมื่อ 30 ปีที่แล้วยังเป็นประเทศสังคมนิยม มีรายได้ต่อหัวเท่าๆ กับไทย เพิ่งจะแยกออกมาจากระบบสังคมนิยมสหภาพโซเวียตที่ล้าหลัง ในตอนนั้น ประเทศเอสโตเนีย มีรัฐบาลใหม่ที่ทันสมัย นายกรัฐมนตรีอายุเพียง 31 ปี ได้เปลี่ยนประเทศ จากเกษตรกรรม ยากจน กลายเป็นประเทศก้าวหน้า มีรายได้ต่อหัวกว่า 38,000 เหรียญฯ ต่อคนต่อปี เป็น 5.5 เท่าของรายได้ต่อหัวไทยในปัจจุบัน

5.รัฐบาลเอสโตเนีย ได้เลิกระบบรัฐการแบบเผด็จการ เปลี่ยนจากรัฐบาลที่เป็นนายประชาชน มาเป็นรับใช้ประชาชน ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลทั่วประเทศ เป็นระบบ E-Government, E-Nation, การศึกษาดิจิทัล (E-Education) มีผลสัมฤทธิ์อันดับต้นๆ ของโลก ฟรีอินเตอร์เน็ตทั่วประเทศ โดยให้ถือเป็นสิทธิมนุษยชนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญของประเทศ  ประชาชนทุกคนมีคอมพิวเตอร์ในราคาที่ถูก รัฐบาลสอนคอมพิวเตอร์ให้ประชาชนฟรีทั่วประเทศ ปัจจุบัน เอสโตเนียเป็นประเทศที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส เป็นประเทศที่ก้าวหน้าล้ำสมัยของโลก

6.กระผมจึงอยากเห็นประเทศไทย ได้ปรับเปลี่ยนวิธีคิดจากสังคมศักดินา เป็นสังคมที่ประชาชนมีประชาธิปไตย มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น มีรัฐบาลที่รับใช้ประชาชน มีเทคโนโลยีก้าวหน้าล้ำสมัย ประเทศไทยจึงจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ประชาชนไทยทุกคนมีฐานะดี มีความใฝ่ฝัน มีอนาคตที่สดใส

จี้ลดภาษีดีเซล ชี้ราคาน้ำมันปาล์มพุ่ง เลิกผสมไบโอดีเซลลดราคาลงได้

เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย กรรมการบริหารและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 3 บาทเป็นเวลา 3 เดือนและกำลังจะสิ้นสุด จึงมีแนวคิดที่จะขยายต่อการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลนี้ในจำนวนเท่าเดิมคือลดลิตรละ 3 บาทหรือจะลดภาษีลงลิตรละ 5 บาท ดังนั้น คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยจึงอยากเรียกร้องให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท ตามที่ได้เรียกร้องและเสนอไว้นานแล้ว ซึ่งจะช่วยลดราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เป็นภาระของประชาชนที่กำลังลำบากกันมากได้ ซึ่งหากดำเนินการตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้แนะนำมาเกือบปีแล้ว พี่น้องประชาชนคงคงได้ลดค่าใช้จ่ายและลดภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงลงได้ จึงเสนอให้เร่งลดภาษีลงลิตรละ 5 บาทโดยทันที อีกทั้งจะได้ไม่ต้องขึ้นราคาน้ำมันดีเซลอีกลิตรละ 1 บาทตามที่เป็นข่าว 

นอกจากนี้ ปัจจุบันราคาน้ำมันปาล์มมีราคาสูงมากพุ่งทะลุเกินลิตรละ 70 บาท สาเหตุหลักมาจากประเทศอินโดนีเชียที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ได้ห้ามการส่งออกน้ำมันปาล์มทำให้ราคาพุ่งสูง ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องลดการผสมน้ำมันปาล์มในน้ำมันไบโอดีเซล หรือไม่ต้องผสมเลยก็ได้ เพราะไม่มีความจำเป็นต้องผสมแล้ว จุดประสงค์หลักของการผสมน้ำมันปาล์มในไบโอดีเซลก็เพื่อจะช่วยพยุงราคาผลผลิตปาล์มของเกษตรกรชาวสวนปาล์มแต่ปัจจุบันราคาได้พุ่งสูงมากแล้ว ถึงไม่ผสม ราคาปาล์มก็ไม่ตกลงมา การลดการผสมหรือการไม่ผสมน้ำมันปาล์มจะช่วยลดราคาน้ำมันดีเซลได้มาก จึงไม่จำเป็นที่จะเอาน้ำมันปาล์มราคา 60-70 บาทไปผสมน้ำมันดีเซลที่ราคา 30 กว่าบาทให้ราคาเพิ่มขึ้น โดยไม่มีเหตุผล จนเกิดข้อกังขาว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนบางกลุ่มเท่านั้น ดังนั้นจึงควรต้องลดหรืองดการผสมไบโอดีเซลในทันที

นอกจากเรื่องการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาทและการลดการผสมน้ำมันปาล์มที่ราคาพุ่งสูงในไบโอดีเซลแล้ว รัฐบาลควรจะปรับโครงสร้างราคา โดยเฉพาะการกำหนดราคาหน้าโรงกลั่นของไทยที่สูงกว่าราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ ต้องลดลงให้เท่ากันอย่าให้บริษัทน้ำมันเอาเปรียบคนไทย ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้ตนได้อภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ ตามมาตรา 151 ไว้แล้ว และตรงกับที่สมาพันธ์ผู้ขนส่งเรียกร้อง รวมถึงการทวงเงิน 20,087.42 ล้านบาทจากกองทุนสงเสริมการอนุรักษ์พลังงานซึ่งเป็นเงินของประชาชนกลับคืนมา แต่พลเอกประยุทธ์ ยังนิ่งเฉยไม่ยอมชี้แจงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด 

ในภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดหนัก เงินเฟ้อสูง เศรษฐกิจโตต่ำ และมีการว่างงานมาก หรือที่ต่างประเทศเรียกว่า Stagflation นี้ รัฐบาลจะต้องหาทางลดค่าใช้จ่าย ลดเงินเฟ้อให้กับประชาชน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากราคาน้ำมันก็ต้องแก้ไขที่ราคาน้ำมัน ซึ่งในอดีตรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สมัยอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็อยู่ที่ 100$ กว่า เท่าๆกับราคาในปัจจุบัน แต่รัฐบาลสมัยนั้นยังสามารถยืนราคาน้ำมันดีเซลต่ำกว่าลิตรละ 30 บาทได้ ดังนั้นจึงอยากแนะนำให้พลเอกประยุทธ์ได้ศึกษาและเรียนรู้วิธีการ ประชาชนจะได้ไม่ลำบากดังเช่นทุกวันนี้//

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net