ด้วยฝ่ายปฏิปักษ์ประชาธิปไตยยังคงโกหกใส่ร้ายป้ายสีการต่อสู้ของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย (คนเสื้อแดง)ในเหตุการณ์เมษา-พฤษภา 2553 มาจนปัจจุบัน
และยังคงจะโกหกใส่ร้ายป้ายสีอีกยาวนานต่อไปในอนาคต
ผมในฐานะที่มีบทบาทเป็นแกนนำคนหนึ่ง และอยู่ร่วมตั้งแต่วินาทีแรกจนวินาทีสุดท้าย จึงตั้งใจที่จะบันทึกเหตุการณ์ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์เอาไว้หักล้าง ตอบโต้ความเท็จทั้งหมดที่ฝ่ายปฏิปักษ์ประชาธิปไตยสร้างขึ้น
สารบัญ
กล่าวนำ
บทที่ 1.รากฐานของปัญหาและข้อเรียกร้อง
บทที่ 2.การจัดเตรียมการเคลื่อนตัวและเวทีผ่านฟ้า
บทที่ 3.การเคลื่อนตัวไปราบ11 การเจาะเลือดเทหน้าทำเนียบ หน้าพรรคประชาธิปัตย์และหน้าบ้านอภิสิทธิ์
บทที่ 4.การแรลลี่รอบกทม.และปริมณฑล ฃ
บทที่ 5.การเชิญกองทหารออกจากวัด โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย และสนามม้านางเลิ้ง
บทที่ 6.การเจรจากับรัฐบาลอภิสิทธิ์
บทที่ 7.การตั้งเวทีที่ราชประสงค์
บทที่ 8.เหตุการณ์บุกรุกรัฐสภา
บทที่ 9.การฆ่าคนเสื้อแดง 10 เมษา 2553
บทที่ 10.กองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ เรื่องจริง หรือเรื่องโกหกใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดง
บทที่11.ทฤษฎีแก้วสามดวงของ เสธ.แดง ไม่ใช่ของ นปช.
บทที่ 12.วาทกรรมลวงโลก “ขอคืนพื้นที่”
บทที่ 13.ใช้กองทัพรถถังเพื่อกวาดล้างคนเสื้อแดงให้หมดจากเวทีผ่านฟ้าและอาณาบริเวณโดยรอบ
บทที่ 14.โกหกคำโต เรื่อง “ผังล้มเจ้า”
บทที่ 15.ทหารฆ่าทหาร “พลณรงค์ฤทธิ์ สาละ” “จ.ส.ต. พงศ์ชลิต พิทยานนทกาญจน์”
บทที่16. เหตุการณ์บุกโรงพยาบาลจุฬาฯ
บทที่17. การเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียและการลาออกของคุณวีระ
การตายของเสธ.แดง (ถูกยิงด้วยสไนเปอร์เข้าที่กะโหลกศีรษะ)
บทที่ 18.เขตกระสุนจริง ใบอนุญาตให้ฆ่า
บทที่ 19. หกศพวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร “เขตอภัยทาน”
บทที่ 20. ใครเผาเซนทรัลเวิลด์
บทที่ 21. “บิ๊กคลินนิ่งเดย์”การทำลายหลักฐาน “อาชญกรรมทำลายล้างมนุษยชาติ”ครั้งมโหฬาร
สรุปส่งท้ายและคำขอบคุณ
การชุมนุมของนปช.เมื่อปี2553
1. เปิดฉากการชุมนุมเมื่อ 13 มีนาคม 2553
นปช.ได้ประชุมปรึกษาหารือกัน มีความเห็นร่วมกันว่า การจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารของรัฐบาลอภิสิทธิ์เวชชาชีวะนั้นไม่เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยและเป็นการแทรกแซงบงการโดยทหารฝ่ายขวาที่กุมอำนาจแท้จริงในขณะนั้น จึงต้องเรียกร้องให้มีการ “ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน” เพื่อให้ประชาชนได้ทำการตัดสินใจทางการเมืองกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง
นี่เป็นทางออกที่สง่างามในระบอบประชาธิปไตย เป็นทางออกที่ทำได้ง่ายดาย เพียงแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาแล้วจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ภายในเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดเท่านั้น ไม่มีใครเสียหายแต่ประการใด
รัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่เสียหายอะไร เพราะหากมีความมั่นใจว่า พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทุกพรรคได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอย่างเต็มเปี่ยม เลือกตั้งครั้งใหม่ พวกเขาก็สามารถชนะการเลือกตั้ง และเข้ามาจัดตั้งเป็นรัฐบาลได้ดังเดิม ดีกว่าที่จะเป็นรัฐบาลมาโดยการแทรกแซงบงการโดยฝ่ายทหารที่กุมอำนาจมีอำนาจที่แท้จริง
และนี่เป็นเส้นทางสันติวิธีอย่างแน่นอน
ภายหลังจากที่ นปช.ได้แถลงข่าวแสดงข้อเรียกร้องต่อ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์นิ่งเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน โต้แย้งกลับว่า พวกเขาได้รับการโหวตรับรองในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏรตามรัฐธรรมนูญทุกประการ ดังนั้นพวกเขามีความชอบธรรมที่จะเป็นรัฐบาลบริหารประเทศต่อไปได้
เรื่องนี้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็เห็นกันอยู่โทนโท่ว่า รัฐบาลนี้ได้มาโดยการประชุมกันในค่ายทหาร ส่วนการไปยกมือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้นก็เป็นเพียงพิธีกรรมตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเท่านั้น หาได้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงแต่อย่างใดไม่
นปช.จึงมีมติที่จะจัดให้มีการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ รัฐบาลอภิสิทธิ์ดำเนินการ “ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน” ข้อเรียกร้องมีเพียงเท่านั้นเอง
นปช.ก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดการชุมนุมที่ใหญ่โตมีประชาชนมาร่วมกันเรือนแสนเรือนล้าน ไม่น้อยไปกว่าเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
นปช.ได้แจ้งประชาชนทราบว่าการชุมนุมจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 12 มีนาคม 2553
13 มีนาคม 2553 นปช.เริ่มต้นการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ปราบกบฏวงเวียนบางเขนที่สี่แยกถนนพหลโยธินตัดกับถนนรามอินทรา ในขณะนั้นอนุสาวรีย์ปราบกบฏบวรเดชยังคงตั้งตระหง่านอยู่
นปช.ได้ทำพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณของเหล่าวีรชนที่พลีชีพเพื่อปราบกบฏบวรเดช บรรดาผู้ที่กระทำการกบฏเพื่อโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเมื่อคราวปี 2476 และเชิดชูวีรกรรมคณะราษฎร 2475 ที่ได้เสียสละทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองให้ประเทศไทยได้เปลี่ยนจากเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของราษฎรทั้งหลาย
ภายหลังเสร็จพิธีประมาณ15.00น.ก็ได้เคลื่อนขบวนประชาชนไปตั้งเวทีที่สะพานผ่านฟ้า จุดเชื่อมถนนราชดำเนินกลางและถนนราชดำเนินนอก
ในขณะเดียวกันก็มีประชาชนจำนวนหนึ่ง ที่รวมตัวกันที่อนุสาวรีย์พระเจ้าตากฝั่งธนบุ ภายหลังจากได้ทำพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์พระเจ้าตากแล้ว ก็ได้เดินทางมาสมทบที่สะพานผ่านฟ้า
พี่น้องทางภาคกลางก็ได้รวมกันเดินทางมาทางเรือผ่านเส้นทางลำคลองต่างๆ แล้วรวมตัวกันล่องตามแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นขบวนเรือขนาดใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเช่นเดียวกันมาสมทบกันที่สะพานผ่านฟ้า
พี่น้องทางภาคเหนือและภาคอิสาน ก็เดินทางมาโดยรถยนต์ผ่านถนนมิตรภาพและถนนพหลโยธิน เข้ามาสมทบที่สะพานผ่านฟ้า
พี่น้องทางภาคใต้ก็เดินทางมาโดยรถยนต์ ผ่านถนนเพชรเกษม เข้ามาสมทบที่สะพานผ่านฟ้า
ทาง นปช.มอบให้ผมประสานงานกับ คุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เพื่อให้การเดินทางของประชาชนที่มาร่วมชุมนุมเรียกร้องรัฐบาลให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ผมได้แจ้งคุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ว่า นปช.ได้ประกาศมาโดยตลอดเวลาว่า เราดำเนินการโดยสันติวิธี ดังนั้นประชาชนที่มาร่วมชุมนุมย่อมตระหนักชัดแล้วว่าต้องใช้สันติวิธีเท่านั้น ไม่มีใครตระเตรียมอาวุธมาเพื่อก่อความรุนแรงแน่นอน
หากทางรัฐบาลจะตั้งด่านตรงวังน้อยเพื่อกักตรวจอาวุธ ก็สามารถดำเนินการได้ตามขั้นตอนของรัฐบาล
ทางใต้ที่จะผ่านถนนเพชรเกษมมา จะตั้งด่านตรวจเป็นระยะเพื่อตรวจตราเรื่องอาวุธร้ายแรง ก็ทำได้ตามระบบราชการ
หรือจะตั้งด่านกักตรวจที่ไหนของประเทศจังหวัดใด ก็สามารถดำเนินการไปตามระบบของรัฐบาลเช่นกัน
ผมได้กำชับกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรีว่า
ถ้าตรวจพบมีการพกพาอาวุธเดินทางเข้ามาขอให้ดำเนินการตามกฎหมายคือ ยึดอาวุธและควบคุมตัวไปดำเนินการตามกฎหมายได้ในทันที
ผมกล่าวขอบคุณเลขาฯนายกฯด้วยซ้ำไปว่าเป็นการช่วยกลั่นกรองให้การชุมนุมเรียกร้อง
“ยุบสภา”ครั้งนี้ เป็นไปด้วยสันติวิธีแท้จริงไม่มีใครที่จะพกพาอาวุธเข้ามาได้
ในที่สุดการเดินทางของประชาชนจากทั่วทุกภาคของประเทศ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน เป็นไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ภายใต้การตรวจค้นผ่านด่านของรัฐบาล จากทุกภาคของประเทศมารวมตัวกันที่สะพานผ่านฟ้าได้เป็นจำนวนมหาศาล โดยไม่มีความรุนแรงใดๆ ไม่ปรากฏพบว่ามีการพกพาอาวุธร้ายแรงใดๆมาเข้าร่วมการชุมนุมแต่อย่างใด
ภายหลังชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าได้หลายวัน นปช.เสนอที่จะเข้าพบนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เพื่อนำความเรียกร้องต้องการของประชาชนไปบอกเล่าให้ท่านทราบเพื่อให้ท่านพิจารณายุบสภา ซึ่งเพียงเท่านั้น การชุมนุมก็จะสลายตัวทันที
(ยังมีต่อ)