เผยผลประชุม 21 เขตเศรษฐกิจเห็นตรงกันทำ FTA APEC ก่อนปี 2583

รมว.พาณิชย์ เผยผลประชุมรัฐมนตรีการค้า 21 เขตเศรษฐกิจเห็นตรงกันสนับสนุนจัดทำ FTA APEC ที่กำหนดปี 2040 (พ.ศ.2583) อาจจะใช้ก่อนกำหนดให้จัดทำแผนทุกอย่างให้ชัดเจนขึ้น ขณะที่รัฐเซียยินดีทำการค้ากับไทยทุกรูปแบบ หวังให้การค้า การท่องเที่ยว และอื่นๆ สูงขึ้น


ที่มาภาพ: สำนักข่าวไทย

21 พ.ค. 2565 สำนักข่าวไทย https://tna.mcot.net/latest-news-945851 รายงานว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคี (Bilateral discussions) กับนายมักซิม เรียชเชสนิคอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจ สหพันธรัฐรัสเซีย และความคืบหน้าในการประชุมรัฐมนตรีผู้แทนเขตเศรษฐกิจและภาคเอกชนร่วมกันในการประชุมเอเปค ในช่วงเช้าวันนี้ (21 พ.ค.) โดยทุกประเทศล้วนแสดงความเห็นสนับสนุนให้เดินหน้าร่วมกันไปสู่การจัดทำ FTAAP หรือ FTA APEC ในปี 2040 ให้ได้ และมองว่าไม่จำเป็นต้องรอปี 2040 ซึ่งทุกประเทศเห็นตรงกัน FTA ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ดังนั้น ทุกประเทศจะต้องร่วมกันจัดทำแผนต่างๆ ให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

“การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในฐานะประธานที่ประชุม มั่นใจว่า การประชุมเมื่อเช้าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และทุกอย่างเดินหน้าไปได้ดีตามเป้าหมาย ส่วนเขตเศรษฐกิจไหนจะมีความเห็นอย่างไร ดำเนินการอย่างไร เป็นเรื่องของแต่ละเขต แต่ในภาพรวมของการประชุมเอเปค ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ด้วยดีและเป็นไปตามเป้าหมายทุกอย่าง ขณะที่แถลงการณ์ร่วมจะเป็นความเห็นร่วมกันของทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจที่เป็นสมาชิก ยังไม่สามารถตอบล่วงหน้าทั้งหมดได้ แต่จะต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง ทุกเขตเศรษฐกิจกำลังพิจารณารายละเอียดของแถลงการณ์ร่วม แต่หากออกไม่ได้ก็จะเป็นความเห็นแถลงการณ์ของประธานการประชุม ซึ่งไม่กังวล ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันคือ ประเทศไทยทำหน้าที่ดีที่สุด ทุกประเทศชมว่าไทยทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพได้เป็นอย่างดี ไม่มีข้อตำหนิ” นายจุรินทร์ กล่าว

นอกจากนี้ ไทยยังได้หารือกับนายมักซิม เรียชเชสนิคอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจ สหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อเดินหน้าขยายการค้าระหว่างกัน ซึ่งตัวเลขการค้าไทย-รัสเซีย โดยรัสเซียเป็นคู่ค้าลำดับที่ 30 ของประเทศไทย ปี 2564 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 88,200 ล้านบาท หรือ 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเทศไทยส่งออกไปรัสเซียปีที่แล้ว 32,500 ล้านบาท หรือ 1,027 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 41% สินค้าที่ไทยส่งออกไปรัสเซีย ประกอบด้วย รถยนต์ อุปกรณ์ชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกล ผลไม้ เช่น ผลไม้กระป๋อง ผลไม้แปรรูป เป็นต้น สำหรับการค้ากับรัสเซีย เราขาดดุล เพราะต้องนำเข้าน้ำมันดิบ ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช และเหล็กมาใช้ในการผลิต ทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ประเด็นที่ไทยหยิบยกมาหารือมี 2 ประเด็น ได้แก่ 

1. เนื่องจากไทยกับรัสเซียได้มีคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหพันธรัฐรัสเซีย และมีการประชุมร่วมกันมา 4 ครั้งแล้ว ครั้งต่อไปจะเป็นครั้งที่ 5 ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ได้แจ้งให้ทางรัฐมนตรีรัสเซียรับทราบว่าจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่าย หารือกันถึงช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ว่าจะจัดการประชุมครั้งที่ 5 เมื่อไหร่ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายแจ้งว่ามีความพร้อม 

2. ไทยได้แจ้งความประสงค์ให้รัฐมนตรีการค้ารัสเซียทราบว่า ประเทศไทยสนใจทำ FTA กับสหภาพยูเรเซีย ซึ่งมี 5 ประเทศ ประกอบด้วย รัสเซีย เบลารุส อาร์เมเนีย คาซัคสถาน และคีร์กีซสถาน แต่เนื่องจากเกิดปัญหาอุปสรรคในการประสานงาน เพราะประเทศไทยจำเป็นต้องใช้สถานทูตไทยในเจนีวาในการประสานงาน ส่วนบางประเทศในกลุ่มสหภาพยูเรเซียไม่ได้มีสถานทูตอยู่ในประเทศไทยและรัสเซีย โดยสถานทูตเจนีวาของไทยจะเป็นผู้ช่วยกันประสานงานเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป

ขณะที่รัฐมนตรีรัสเซียหยิบยกประเด็นมาหารือ คือ รัสเซียยังสนับสนุนเป้าหมายทางการค้าที่ตกลงไว้ร่วมกันว่า ในปีหน้าจะทำมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ปีที่แล้วไปได้เพียง 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐก็ตาม แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่เปลี่ยนเป้าหมาย จะพยายามทำมูลค่าการค้าระหว่างกันให้มากที่สุด และรัสเซียประสงค์สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น รวมทั้งขอการสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวรัสเซียสามารถใช้บัตรที่เรียกว่า MIR Card และอยากให้มีการสนับสนุนให้มี Direct Flight หรือเที่ยวบินตรง เพื่อแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน ซึ่งไทยได้แจ้งให้ทราบว่า สำหรับการใช้ MIR Card นั้น ธนาคารไทยบางธนาคารมีความสนใจและมีความก้าวหน้าในระดับหนึ่งแล้ว เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นต้น ที่เหลือเป็นรายละเอียดของภาคเอกชนที่จะไปดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการ

ส่วนในเรื่องการจัด Direct Flight เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวระหว่างกัน จะแจ้งให้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และกระทรวงคมนาคม ได้รับทราบต่อไป และรัสเซียแจ้งสนใจสินค้าจากประเทศไทย ซึ่งเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับอาหารและยานยนต์เป็นหลัก อาหารมีทั้งข้าว ผลไม้ และชิ้นส่วนยานยนต์ รวมทั้งรัสเซียมีความสนใจมาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะด้านไอที ขณะนี้มีนักลงทุนจากรัสเซียมาลงทุนที่อมตะฯ และถือโอกาสนี้ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวไทยไปลงทุนที่รัสเซียด้วย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมด้านอาหาร ซึ่งตนรับทราบ และกระทรวงพาณิชย์จะแจ้งให้นักลงทุนรับทราบต่อไป เพื่อประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่ายอีกด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท