Skip to main content
sharethis

'ปิยบุตร' ลุยพิษณุโลก ย้ำข้อเสนอ 'ปลดล็อกท้องถิ่น' จบด้วยหน่วยงานเดียวคือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้ง -  เซ็งตำรวจเล่นใหญ่ส่งเจ้าหน้าที่กดดัง - เก็บข้อมูลราวกับเป็นอาชญากร

22 มิ.ย.2565 ทีมสื่อคณะก้าวหน้ารายงานต่อสื่อมวลชนว่า ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวในเวที "สะท้อนปัญหาที่ดินทำกิน และการปลดล็อกความยากจน" โดยมี โชคดี สายนำพามีลาภ ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนพรรคก้าวไกล เขต 3 จ.พิษณุโลก ร่วมด้วย โดยระบุตอนหนึ่งว่า เรื่องปัญหาที่ดินทำกินของพี่น้องประชาชน เป็นปัญหาใหญ่ที่คล้ายๆ กันเกือบทั้งประเทศ และการแก้ปัญหาก็เป็นไปด้วยความล่าช้า ไม่เคยตรงจุดตามความต้องการประชาชน แค่เรื่องที่ดินเรื่องเดียว มีหน่วยงานเกี่ยวข้อง 7-8 กรม มีสังกัดทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงการคลัง, กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ประชาชนอยู่มาแต่ดั้งแต่เดิม วันดีคืนดีก็ถูกประกาศเป็นพื้นที่ป่าหรือไม่ก็ถูกประกาศเป็นพื้นที่ของรัฐในหน่วยงานต่างๆ ที่กล่าวมา ทำให้เวลาประชาชนมีปัญหา ทำได้เพียงเรียกร้อง ยื่นหนังสือ รวมตัวไปหาผู้ว่าราชการจังหวัด บางครั้งก็ตกลงได้ โดยการที่ผู้ว่าฯ นั่งหัวโต๊ะแล้วเชิญตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนมาคุยกัน แต่ก็เป็นเพียงข้อตกลงคร่าวๆ ไม่เคยตรงตามความต้องการแท้จริง ต่อมา เมื่อผู้ว่าฯ ย้ายไป คนใหม่เข้ามา ปัญหาเดิมก็กลับมาใหม่ ต้องมาตกลงกันใหม่อีกซึ่งคราวนี้ก็ไม่รู้จะออกมาแบบไหน

"ข้อเสนอปลดล็อกท้องถิ่น ด้วยการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น มีอยู่ว่า ปัญหาของประชาชนทุกเรื่องต้องจัดการได้จบในพื้นที่ อย่างปัญหาเรื่องที่ดินใน อ.วังทอง ทั้งหมด ก็ต้องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดการได้จบ เรื่องไม่ต้องไปถึงส่วนกลาง และนอกจากนี้ การที่มีหน่วยงานต่างๆ หลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง มีอำนาจด้วย ก็ต้องจัดการแก้ไขให้เป็นอำนาจของหน่วยงานเดียว นั่นก็คือ อปท.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หรืออย่างเรื่องถนนหนทางก็เช่นเดียวกัน ประชาชนไม่รู้หรอกว่าเป็นของ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เป็นของสำนักโยธาธิการและผังเมือง เป็นของสำนักชลประทานจังหวัด หรือเป็นของใคร ประชาชนรู้แต่ว่าถ้ามันพังก็ต้องมีหน่วยงานมาซ่อมให้ ซึ่งอำนาจในการจัดทำบริการสาธารณะอย่างนี้ ควรเป็นท้องถิ่นองค์กรเดียวจะสามารถแก้ได้ทันที และตรงจุด"  ปิยบุตร กล่าว

สำหรับบรรยากาศในเวทีรณณงค์ปลดล็อกท้องถิ่นดังกล่าว จัดขึ้นที่วัดม่วงหอม ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบไม่ต่ำกว่า 30 คน ได้มาเก็บข้อมูลในพื้นที่  ซึ่งก่อนหน้านี้มีบันทึกข้อความ ลงนามโดย พ.ต.อ.ประมุข ปิ่นปลื้มจิตต์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแก่งโสภา รายงานไปถึง ผู้บังคับการภูธรจังหวัดพิษณุโลก ตอนหนึ่งระบุว่า "ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์พร้อมชุดสืบสวนติดตามสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหว จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบประจำชุดสืบสวน ถ่ายภาพ ภาพเคลื่อนไหว การรณรงค์ปลดล็อท้องถิ่น จังหวัดพิษณุโลก ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล" และตอนหนึ่งระบุว่า หากเสร็จสิ้นการรณรงค์พบการกระทำความผิดจะได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และรายงานให้ ภ.จว.ทราบ

ขณะที่ ปิยบุตร โพสต์ภาพของบันทึกข้อความดังกล่าว พร้อมระบุว่า "ผมประชาสัมพันธ์กำหนดการนี้ลงเพจของผม หน่วยงานความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ตำรวจคงนั่งเฝ้าเพจผมทั้งวันกระมัง จึงรีบรายงานสั่งการกันตามสาย ให้ติดตาม ตรวจสอบ เฝ้าระวังผมเต็มที่ ทำราวกับว่าผมเป็นอาชญากร เป็นบุคคลอันตราย เสี่ยงที่จะก่ออาชญากรรม มีคนแจ้งผมมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงขนาดไปกดดันพี่น้องในหมู่บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ให้มาฟังผม ผมเพิ่งทราบว่า ประเทศนี้ การใช้เสรีภาพแสดงออก รณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญเรื่องการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจจัดทำบริการสาธารณะในพื้นที่ได้ทั้งหมด มีงบประมาณมากพอ มีความเป็นอิสระในการจัดการ และให้พลเมืองมีส่วนร่วมนั้น จะกลายเป็น 'ภัยต่อความมั่นคง' ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกินเงินเดือนภาษีประชาชน ควรไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชน มิใช่ใช้เวลาและทรัพยากรของราชการมาติดตามผม ซึ่งไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย" ปิยบุตร กล่าว

พร้อมทิ้งท้ายด้วยว่า "ตกลงแล้ว ประเทศนี้จะอยู่กันอย่างนี้หรือครับ? ตำรวจจะเป็นเครื่องมือแบบนี้หรือครับ? ผู้มีอำนาจอย่ากลัวผมมากจนเกินไป สิ่งที่ผมรณรงค์เรื่อง “ปลดล็อกท้องถิ่น” อยู่นี้ เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ต่อสังคมไทย ต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเองด้วย"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net