'พรรคเพื่อไทย' จี้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน อัด รบ.ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองจํากัดสิทธิฯ ปชช.

'พรรคเพื่อไทย' ออกแถลงการณ์ขอให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ชี้โควิด 19 ได้ทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด จนรัฐบาลเองผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลงเป็นลำดับ แต่กลับยังคงข้อห้ามในการชุมนุมทางการเมืองไว้ ทั้งที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์กฎหมาย และใช้เป็นเครื่องมือในทางการเมืองจํากัดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ด้าน 'ประยุทธ์' ยันไม่ยกเลิก อ้างหากยกเลิกไปก็เหลือแต่กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข

24 มิ.ย.2565 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทยแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์เรื่อง ขอให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

โดยมีรายละเอียดดังนี้

แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย เรื่อง ขอให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

ตามที่นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 และได้ขยายระยะเวลา การใช้บังคับประกาศตามสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง รวม 18 ครั้ง โดยครั้งล่าสุด ขยายไปตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 โดยเหตุผลในการประกาศ สถานฉุกเฉินนั้น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เป็นหลัก แต่กลับปรากฏว่าในการ ออกข้อกําหนดตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อห้ามที่ครอบคลุมถึงการห้ามชุมนุมทางการเมืองด้วย โดยระบุว่า “ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัด หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่ ที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงประกาศกำหนด” ต่อมาเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 คลี่คลายและได้มีการผ่อนคลายมาตรการตามข้อห้าม ดังกล่าวลง แต่สำหรับข้อห้ามในการชุมนุมทางการเมืองนั้นยังคงไว้อยู่เช่นเดิม จึงทำให้ในช่วง ที่ผ่านมาได้มีเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนประกาศ  และข้อกำหนดจำนวนมาก

พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้ทุเลา เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด จนรัฐบาลได้เตรียมประกาศให้โรคดังกล่าวเป็นโรคประจำถิ่น และยังได้ ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลงเป็นลำดับ เช่น การเปิดให้มีการเดินทางระหว่างประเทศโดยไม่ต้อง ตรวจคัดกรองเพียงแต่ให้แสดงหลักฐานการได้รับวัคซีน การเปิดโรงเรียนทั่วประเทศ การเปิดให้ทำกิจกรรมต่างๆ ที่มีคนจำนวนมาก รวมถึงการเปิดสถานบันเทิง เป็นต้น กรณีย่อมถือว่า สถานการณ์ฉุกเฉินได้สิ้นสุดลงแล้ว นายกรัฐมนตรีจึงต้องประกาศยกเลิกประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉินทันที ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย

ดังนั้น การยังคงข้อห้ามในการชุมนุมทางการเมืองไว้ นอกจากไม่เป็นไปตาม วัตถุประสงค์ของประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว ยังเป็นเหตุผลทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี เองที่ไม่ต้องการให้มีการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งถือเป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในทาง การเมืองจํากัดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน และนอกจากการยกเลิกประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉินแล้ว ควรที่จะมีมาตรการในการยุติการดำเนินคดีกับเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทุกคนที่ถูกดำเนินคดีเพราะการฝ่าฝืนข้อกําหนดในมาตรา 9 ด้วย เพราะทุกคน ที่ออกมาชุมนุมล้วนไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อประเทศ แต่ส่วนใหญ่เพราะต้องการแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์การบริหารประเทศของรัฐบาลเท่านั้น จึงไม่ควรที่จะต้องถูกดำเนินคดี เพราะเหตุดังกล่าว เมื่อมีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว รัฐบาลยังมี พ.ร.บ.ควบคุมโรคที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ ซึ่งการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังเป็นการสร้างความมั่นใจ และสร้างบรรยากาศของการท่องเที่ยวและการลงทุนอีกด้วย

ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีประกาศยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทันที

จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

พรรคเพื่อไทย

24 มิถุนายน 2475

'ประยุทธ์' ยันไม่ยกเลิก อ้างจะเหลือแต่กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข

ขณะที่เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา PPTV รายงาน ปฏิกิริยาของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังสัปดาห์ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกล เสนอให้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตอนนี้ประกาศไปถึงสิ้นเดือน ก.ค.2565 ก็ต้องพิจารณาถึงเหตุผลความจำเป็น ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนทราบดีว่าการ ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อบูรณาการทุกหน่วยงานทั้งพลเรือน ตำรวจและทหาร  ไม่เพียงพอต่อการบูรณาการ เพราะต้องใช้คนทั้งหมดมาทำงาน ซึ่งมีผลมาถึงวันนี้ในเรื่องประสิทธิภาพ ดังนั้นจะต้องพิจารณาว่าจำเป็นอีกหรือไม่ ทั้งนี้ หากจะยกเลิกไปก็เหลือแต่กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข จะทำไหวทุกอย่างหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์มากน้อยเพียงใด ตนไม่ได้อยากบังคับใครทั้งสิ้น

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท