Skip to main content
sharethis

หลังจากที่ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ คว่ำคำตัดสินคดี Roe v. Wade ซึ่งจะทำให้เกิดการจำกัดสิทธิทางเลือกในการทำแท้ง ทาง ส.ว. พรรคเดโมแครตคือ เอลิซาเบธ วอร์เรน และ ทีนา สมิทธ์ ก็เขียนบทความแสดงความคิดเห็นว่าควรจะมีการเคลื่อนไหวเพื่อโค่นล้มคำตัดสินในครั้งนี้ เพราะคำตัดสินจากศาลในครั้งนี้จะเป็นการทำลายสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์และสิทธิพลเมืองด้านอื่นๆ ของประชาชนนับล้านคนในสหรัฐฯ

ผู้ประท้วงสนับสนุนสิทธิการทำแท้งที่ Foley Square แมนฮัตตัน นิวยอร์ก เมื่อ 3 พฤษภาคม 2565 (ที่มา: Wikipedia/Legoktm)

"พวกเราต้องมีการเคลื่อนไหว และพวกเราต้องการมันในตอนนี้"

คือสิ่งที่สอง ส.ว. พรรคเดโมแครต เอลิซาเบธ วอร์เรน และ ทีนา สมิทธ์ เขียนไว้ในบทความแสดงความคิดเห็นเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากที่ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ที่ส่วนหนึ่งมาจากการแต่งตั้งของรัฐบาลสมัยโดนัลด์ ทรัมป์ ทำการล้มคำตัดสินคดี Roe v. Wade ซึ่งเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่ทำให้เกิดสิทธิทางเลือกในการทำแท้งในสหรัฐฯ การล้มคำตัดสินนี้ทำให้กลายเป็นการจำกัดสิทธิทางเลือกในการทำแท้งไปด้วย

ส.ว. สองท่านนี้ระบุว่า "ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ไม่ควรจะมาชี้ขาดในเรื่องสิทธิการทำแท้ง ... ประชาชนชาวอเมริกันต่างหากที่มีสิทธิชี้ขาดในเรื่องนี้ผ่านทางผู้แทนของพวกเขาในสภาคองเกรส และในทำเนียบขาว"

ถึงแม้ว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะประณามคำตัดสินของศาล 6 ต่อ 3 ในกรณี Dobbs v. Jackson Women's Health Organization ซึ่งจะส่งผลถึงการตัดสิน Roe v. Wade ในอดีตไปด้วย แต่ไบเดนก็ไม่ได้เสนอแผนการอะไรเป็นรูปธรรมชัดเจนอย่างน้อยก็ในตอนนี้ ใบเดนกล่าวเพียงว่ามันเป็น "วันที่น่าเศร้า" สำหรับชาวอเมริกัน และเรียกร้องให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงใช้สิทธิเลือกพรรคเดโมแครตเข้ามาในสภามากขึ้นในการเลือกตั้งกลางเทอมเดือน พ.ย. ที่จะถึงนี้เพื่อช่วยขับเคลื่อนปกป้องสิทธิในด้านต่างๆ ที่กำลังถูกทำลายโดยฝ่ายอนุรักษ์นิยมพรรครีพับลิกัน รวมถึงสิทธิในการแต่งงานของคนรักเพศเดียวกันและสิทธิในการเข้าถึงการคุมกำเนิดด้วย

มี ส.ว. สายกลางอย่าง โจ แมนชิน และซูซาน คอลลินส์ ที่วิเคราะห์ว้าผู้พิพากษาศาลสูงสุดที่ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยม ถูกเป่าหูจาก เบรตต์ คาวานอห์ และ นีล กอร์ซัช ผู้พิพากษาที่ได้รับการแต่งตั้งโดยทรัมป์และเป็นตัวตั้งตัวตีในการพิพากษาคว่ำสิทธิทางเลือก.นการทำแท้ง

รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ เมอร์ริค การ์แลนด์ ให่คำมั่นว่าทางกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ จะทำทุกอย่างเพื่อคุ้มครองสิทธิทางเลือกในการทำแท้ง และระบุว่าสหรัฐฯ ไม่สามารถสั่งห้ามการทำแท้งแบบทั่วประเทศได้ตราบใดที่การทำแท้งนั้นได้รับการรับรองทางการแพทย์ ขณะที่ผู้พิพากษาฝ่ายเสรีนิยมที่ต่อต้านคำตัดสินนี้บอกว่า "ภายใต้ความเศร้าเสียใจ พวกเราจะต่อสู้คัดค้านต่อไป"

วอร์เรนกับสมิทธ์ระบุว่า จริงอยู่ที่การเลือกผู้แทนฝ่ายเดโมแครตอาจจะช่วยได้ในเรื่องการรับรองสิทธิการเข้าถึงการทำแท้ง แต่ก็ควรจะมีการดำเนินการอื่นๆ โดยทันทีด้วยเพื่อคุ้มครองสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของประชาชนเอง เช่นการช่วยเหลือให้ผู้ที่ต้องการทำแท้งอย่างปลอดภัยสามารถเข้าถึงการทำแท้งได้ รวมถึงการสนับสนุนกลุ่มองค์กรช่วยเหลือด้านสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์อย่าง แพลนด์พาเรนฮูด และองค์กรอื่นๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ๆ ใกล้เคียงกับรัฐที่มีการห้ามทำแท้ง

นอกจากนี้วอร์เรนกับสมิทธ์ยังย้ำว่าควรมีการปฏิรูปประชาธิปไตยในระดับกว้างๆ เกิดขึ้นในสหรัฐฯ เพื่อซ่อมแซมสิ่งที่พรรครีพับลิกันเคยก่อความเสียหายเอาไว้ เช่นการปรับปรุงองค์ประกอบของศาล ปรับปรุงกฎเกี่ยวกับวุฒิสภา เช่น แก้ปัญหาการขัดขวางญัตติด้วยวิธีการอภิปรายแบบประวิงเวลา รวมถึงการปรับปรุงระบบคณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดี (electoral college) ที่วอร์เรนและสมิทธ์มองว่าล้าสมัยไปแล้วและเป็นช่องโหว่ให้คนที่แพ้การเลือกตั้งเสียงข้างมากสามารถเข้าสู่ตำแหน่งได้จนทำให้เกิดการแต่งตั้งคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุด 5 ราย และนำมาซึ่งการตัดสินยกเลิกสิทธิทางเลือกในการทำแท้งในที่สุด

"พูดง่ายๆ ก็คือ... พวกเราควรจะต้องฟื้นฟูประชาธิปไตยของพวกเรา เพื่อทำให้พวกคนกลุ่มน้อยหัวรุนแรงไม่สามารถกลบเสียงแห่งเจตจำนงของประชาชนได้อีกต่อไป" วอร์เรนกับสมิทธ์ระบุในบทความ

มีการประท้วงหลายแห่งในสหรัฐฯ หลังจากที่มีคำตัดสินจากศาลออกมา ผู้แทนสายก้าวหน้าในสหรัฐฯ อเล็กซานเดรีย โอแคซิโอ-คอร์เทซ กล่าวต่อผู้ชุมนุมที่รวมตัวกันที่จัตุรัสยูเนียนในนิวยอร์กว่า ประธานาธิบดีไบเดนควรจะอาศัยช่องทางของรัฐบาลกลางในการหลบเลี่ยงการสั่งแบนการทำแท้งในระดับแต่ละรัฐ เช่นว่า ในเบื้องต้นควรจะมีการเปิดคลินิกทำแท้งบนพื้นที่ของรัฐบาลกลางตามรัฐต่างๆ ที่สนับสนุนพรรครีพับลิกันซึ่งรัฐเหล่านี้มีโอกาสจะออกกฎห้ามทำแท้งมากกว่า

วอร์เรนและสมิทธ์ ระบุอีกว่าเรื่องนี้ควรจะถูกประกาศให้เป็นวิกฤตด้านสาธารณสุขในระดับประเทศ เพื่อให้มีการคุ้มครองการเข้าถึงการทำแท้งได้สำหรับชาวอเมริกันทุกคนและให้มีการปลดล็อกทรัพยากรที่สำคัญเพื่อนำมาใช้เมื่อมีความต้องการเข้าถึงสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์มากขึ้น ไม่เพียงแค่การทำแท้งเท่านั้นจะได้รับผลกระทบ การล้ม Roe v. Wade ด้วยการตีความกฎหมายใหม่ในเรื่องนิยามของตัวอ่อนในครรภ์จะทำให้เกิดอุปสรรคต่อการเข้าถึงการผสมเทียมในกลุ่มของคนที่มีบุตรยากด้วย

นอกจากวอร์เรน, สมิทธ์, โอแคซิโอ-คอร์เทซ แล้วกลุ่ม ส.ส. หญิงคนผิวดำ อยานา เพรสลีย์, บาร์บารา ลี และคอรี บุช ก็แถลงผลักดันในเรื่องสิทธิเข้าถึงการทำแท้งเช่นกัน

เรียบเรียงจาก

'We Need Action': Biden, Democrats Urged to Protect Abortion Access in Post-Roe US, Common Dreams, 25-06-2022

Supreme Court overturns Roe v. Wade, NBC NEWs, 25-06-2022

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net