ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ โดยไม่มีผู้รับสนองพระราชโองการ ย้อนไปก่อนหน้านี้ปี 62 และก่อนหน้า มีนายกฯ เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ

29 มิ.ย.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่วันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ 

ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ ดังนี้ 1. สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี 2. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรมหาวัชรราชธิดา

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย.2565 ประกาศ ณ วันที่ 27 มิ.ย.2565 เป็นปีที่ 7 ในรัชกาลปัจจุบัน

ประกาศเมื่อปี 62 มีนายกฯ เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ

เมื่อตรวจสอบจากเว็บราชกิจจานุเบกษา พบว่าก่อนหน้านี้การออกประกาศในลักษณะนี้ จะเป็นประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี และมีนายกฯ เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ

ตัวอย่างประกาศก่อนหน้านี้ที่ออกในรูปแบบประกาศสำนักนายกฯ และมีนายกฯ เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ

พ.ร.บ.ลูกเสือ ระบุต้อง ช่วยเหลือกิจการลูกเสืออย่างต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันที่ได้ รับพระราชทานเหรียญ ลูกเสือสดุดีชั้นที่หนึ่ง

ทั้งนี้ พ.ร.บ.ลูกเสือ 2551 หมวด 5 เหรียญลูกเสือ และการยกยองเชิดชูเกียรติ มาตรา 53 บัญญัติไว้ว่า ให้ มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดี ชั้นพิเศษ ไว้สําหรับพระราชทานแก่ผู้ ที่ได้ รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดีชั้นที่หนึ่งและได้ มีอุปการคุณ ช่วยเหลือกิจการลูกเสืออย่างต่อเนื่องมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันที่ได้ รับพระราชทานเหรียญ ลูกเสือสดุดีชั้นที่หนึ่ง

เมื่อเม.ย. 62 คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ ออกประกาศว่าด้วยหลักเกณฑ์การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ อย่างละเอียดดังนี้