Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดตกชายแดนพม่าฝั่งตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก เสียชีวิต 3 ราย พบมีบัตรประชาชนไทย 1 คน บัตรพื้นที่สูง 1 คนและบัตร 10 ปี 1 คน ขอผ่อนปรนนำคนเจ็บ 3 ราย โดยสารเรือข้ามแม่น้ำเมยมาส่งในฝั่งไทยซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไทยได้ยินยอมให้ข้ามฝั่งมาได้ - เลขา ครป. เสนอรัฐประกาศเขตห้ามบิน จุดยืนไทยต้องไม่สนับสนุนอาชญากรรมสงคราม เรียกร้องกองทัพพม่าชดใช้และให้สัตยาบันจะไม่ละเมิดเส้นเขตแดนอีก 

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2565 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่าเมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 1 ก.ค.2565 ทางเจ้าหน้าที่ไทยในหมู่บ้านหมื่นฤาชัย ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก ได้รับแจ้งเหตุ มีเหตุระเบิดจากเครื่องบินรบทหารเมียนมาไม่ทราบชนิดไปตกใส่กลางบ้านของนายจอราโด้ ผู้ใหญ่บ้านที่หมู่บ้านทิบาโบ จ.เมียวดี ฝั่งประเทศพม่า มีผู้ได้รับบาด 3 คน และผู้เสียชีวิต 3 คน ขณะที่ทั้งหมดกำลังนั่งทานอาหารกันในบ้าน ต่อมาได้ประสานมายังฝั่งประเทศไทย ขอผ่อนปรนนำคนเจ็บ 3 คนโดยสารเรือข้ามแม่น้ำเมยมาส่งในฝั่งไทย เพื่อส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลในพื้นที่ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไทยได้ยินยอมให้ข้ามฝั่งมาได้ ส่วนผู้เสียชีวิตได้นำศพไว้ฝั่งเมียนมาเพื่อทำพิธีศพตามประเพณีต่อไป

เจ้าหน้าที่ไทยแจ้งว่า มีผู้เสียชีวิต 3 คน มีเอกสารของทางการไทยออกให้ มีบัตรประชาชนไทย 1 คน บัตรพื้นที่สูง 1 คนและบัตร 10 ปี 1 คน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งหมด 3 คน พบบัตรประจำตัวประชาชนไทย 1 คน บัตรพื้นที่สูง 1 คน อีก 1 คนไม่ทราบ ก่อนเกิดเหตุมีเครื่องบินรบ MIG 29 ของทหารพม่าบินปฏิบัติการโจมตีฝ่ายต่อต้านทางอากาศ จนมีระเบิดตกลงใส่กลางหลังคาบ้านขณะที่ทุกคนในบ้านรวมกลุ่มกันทานอาหารอยู่

ด้านพลตรีประสาน แสงศิริรักษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมทหาร และตรวจสถานการณ์การสู้รบระหว่างฝ่ายต่อต้านทหารพม่ากับทหารพม่า ตามแนวชายแดนไทยพม่าด้าน อ.พบพระ จ.ตาก โดยจุดแรกได้เดินทางไปยังกองร้อยทหารราบที่ 1413 ฐานบ้านมอเกอร์ไทย ต.วาเล่ย์ เพื่อดูการสู้รบฝั่งพม่า

จากนั้นเดินทางไปยังพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 จุด มีผู้ลี้ภัยสงคราม ประมาณ 470 คน ที่บ้านวาเล่ย์ใหม่ และบ้านมอเกอร์ไทย จากนั้นร่วมกับนายสมพงษ์ ฟุ้งทวีวงศ์ นายอำเภอพบพระ จ.ตาก และกิ่งกาชาด อ.พบพระมอบข้าวสาร อาหารแห้ง ให้กับผู้ลี้ภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม

พลตรีประสานกล่าวว่า ยังคงมีการสู้รบในประเทศเพื่อนบ้าน และไม่มีการใช้เครื่องบินรบล้ำน่านฟ้าไทย เพราะทางไทยได้ประสานไปแล้วทั้งในระดับสูง และระดับท้องถิ่น นอกจากนี้ได้กำชับให้ทหารดูแลประชาชนอย่างดี ส่วนผู้ลี้ภัยที่ข้ามมานั้น บางส่วนได้ขอกลับไปแล้ว ในจุดที่ไม่มีการสู้รบ เพราะเป็นห่วงบ้านเรือน และทรัพย์สินในฝั่งพม่า

เพจ Friends Without Borders Foundation เผยเรื่องราวบางส่วนของผู้เสียชีวิต

2 ก.ค. 2565 เพจ Friends Without Borders Foundation ได้เผยเรื่องราวบางส่วนของผู้เสียชีวิต ดังนี้

ชีวิตและความตายของชาวบ้านชายแดนความงดงามที่ถูกจากพราก

เมื่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการโจมตีทางอากาศต่างมีสถานะบุคคลทางกฏหมายของประเทศไทย

"จอนาปะเป็นคนบ้านเดียวกันกับฉัน เป็นเพื่อนของฉันตั้งแต่เด็ก เขาเคยเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านหมื่นฤาชัย เขาอ่านและเขียนภาษาไทย เฟสบุ๊คของเขาเป็นภาษาไทยเหมือนคนไทย เขามีความฝัน เขาอยากพูดภาษาอังกฤษได้ เวลาเจอกันเขาจะพยายามหัดใช้ภาษาอังกฤษที่เขาเรียนเองจาก Youtube เขาอยากสร้างเนื้อสร้างตัว เขาย้ายไปทำไร่ฝั่งเซ่บอโบ แล้วเมื่อคืนนี้ ฉันก็ได้เห็นภาพศพของเขา หลังเครื่องบินทิ้งระเบิด"

ระเบิดถูกทิ้งจากเครื่องบินรบพม่าลงที่หลังบ้านของผู้ใหญ่บ้านเซ่บอโบเมื่อราวทุ่มครึ่ง  หากเรายืนอยู่บนริมน้ำเมยบ้านหมื่นฤาชัย บ้านหลังนี้ก็คือหลังแรก ๆ ที่จะเห็นเมื่อมองข้ามไป นั่นหมายความว่า ระเบิดที่ตกลง เฉียดเส้นพรมแดนระหว่างประเทศตามกฎหมายไปเฉียดฉิว

พวกเขา คนหนุ่มสาวเฒ่าชรา กำลังนั่งกินข้าวเย็น หลังจากวันที่เหน็ดเหนื่อยทั้งวันจากไร่ข้าวโพด  คนหมื่นฤาชัยบอกว่า  ชายหนุ่มผู้เสียชีวิตคนหนึ่งถือบัตรประจำตัวบุคคลบนพื้นที่สูงของไทย และอีกคนถือบัตรผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน  

ผู้บาดเจ็บคนหนึ่งถือบัตรประชาชนไทย และอีกสองคนก็ถือบัตรผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน

นั่นเพราะพวกเขาเป็นพลเมืองหมื่นฤาชัย หรือเคยอาศัยอยู่หมื่นฤาชัยและย้ายไปเซ่บอโบ  เป็นประชาชนคนฝั่งไทย ที่ไป ๆ มา ๆ เช่นเดียวกับคนอีกมากมาย  ชาวบ้านหมื่นฤาชัยจำนวนไม่น้อยไปทำไร่ข้าวโพดในรัฐกะเหรี่ยงเพราะที่ดินฝั่งไทยมีจำกัด และคนเซ่บอโบก็แวะเวียนมารับจ้างฝั่งไทย มาหามาพักกับญาติพี่น้องฝั่งไทย มารู้จัก รัก และสร้างครอบครัวร่วมกันเช่นนี้อยู่นานแล้ว 

เมื่อชีวิตไม่ได้มีพรมแดน การทิ้งระเบิดจากเครื่องบินรบพม่าลงบ้านเซ่บอโบ ตรงข้ามบ้านหมื่นฤาชัย อ.พบพระ จ.ตาก เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 จึงคร่าชีวิต และสร้างความสูญเสียให้แก่ชุมชนริมฝั่งน้ำทั้งสองฟาก ทั้งในรัฐกะเหรี่ยง และประเทศไทย 

การสนับสนุนกองทัพพม่าไม่ว่าจะทางตรง ทางอ้อม ด้วยวาจา การทูต การค้า หรือทางใด คือการเข่นฆ่าประชาชนไทยชายแดน และญาติพี่น้องของเรา

 

เลขา ครป. เสนอรัฐประกาศเขตห้ามบิน จุดยืนไทยต้องไม่สนับสนุนอาชญากรรมสงคราม เรียกร้องกองทัพพม่าชดใช้และให้สัตยาบันจะไม่ละเมิดเส้นเขตแดนอีก

ด้านนายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงกรณีเครื่องบินรบของกองทัพพม่าบินล้ำแดนเข้ามายังราชอาณาจักรไทยบริเวณ อ.พบพระ จ.ตาก เพื่อโจมตีกองกำลังชนกลุ่มน้อยบริเวณแนวชายแดนว่า

1.เรื่องนี้นายกฯ พูดไม่หมด เขาไม่ใช่แค่มาตีวงและล้ำเข้ามาเท่านั้น แต่โจมตีคนไทยที่อยู่ดินแดนไทยด้วย โดยมีนายสายัณห์ วงศ์ใจ ชาวบ้านซึ่งมาทำสวนปาล์มและเลี้ยงแพะอยู่บริเวณชายแดนวาเล่ย์ อ.พบพระ อยู่ห่างจากชายแดน 1 กม. ถูกปืนกลจากเครื่องบินรบของทหารพม่ายิงใส่รถยนต์เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ความเสียหายนี้นอกจากความเสียหายนี้ รัฐบาลไทยต้องเรียกร้องกองทัพพม่าชดใช้และให้สัตยาบันจะไม่ละเมิดเส้นเขตแดนอีก

2.การกระทำดังกล่าวของกองทัพพม่าละเมิดอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน แม้รัฐบาลไทยไม่ถือเป็นการคุกคาม แต่ต้องมีมาตรการรองรับไม่ให้เกิดการกระทำผิดขึ้นอีกซ้ำ หมายถึงต้องมีมากกว่าคำขอโทษ จะถือแค่ว่าให้ยืมน่านฟ้าชั่วคราวไม่ได้ เพราะเป็นการคุกคามอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ รวมถึงประชาชนไทย นอกจากนี้ถือเป็นการลุกล้ำเข้าโจมตีประชาชนไทยโดยตรงด้วย รัฐบาลจึงต้องรับผิดชอบอย่างเร่งด่วนและมีแผนปกป้องไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นอีก เพราะกระทบทั้งอธิปไตย ความมั่นคงในภูมิภาค ตลาดเศรษฐกิจ และละเมิดมนุษยธรรมอย่างรุนแรง

3.รัฐบาลไทยจะต้องไม่แสดงตนสนับสนุนกองทัพพม่าในการปราบปรามประชาชนและชนเผ่าภายในประเทศ ในสถานการณ์สงครามภายใน เพราะถือเป็นการสนับสนุนอาชญากรรมสงครามโดยตรง ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์อาเซียนและประเทศไทยเสียหายอย่างใหญ่หลวง และการสนับสนุนอาชญากรรมสงครามเป็นความผิดระหว่างประเทศ ที่ผู้นำของไทยสามารถถูกดำเนินคดีนอกอำนาจศาลไทยได้ การที่ผู้แทนกองทัพไปจับมือกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ทำให้ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนพม่าและไทยที่สะสมมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ที่ผ่านมา เรือบรรทุกของบริจาคไปส่งให้ผู้ลี้ภัยตามริมชายแดนถูกยิงโดยทหารพม่าหลายครั้ง ปฏิบัติการเพื่อมนุษยธรรมถูกคุกคาม รัฐบาลไทยจะต้องเป็นกลางและมีแผนปฏิบัติการในการช่วยเหลือผู้หนีภัยจากการสู้รบ เพราะเป็นหลักมนุษยธรรมสากลที่ต้องเคารพปฏิบัติให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

4.รัฐบาลไทยควรตรวจสอบข้อมูลข่าวกรองกรณี พล.ต.เนอดา โบ เมียะ ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์กะเหรี่ยงแห่งชาติ แห่งสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง ให้ข้อมูลว่า คนขับเครื่องบินน่าจะไม่ใช่คนพม่าแต่อาจเป็นคนรัสเซีย เพราะเครื่องบินเหล่านั้นซื้อมาจากรัสเซียและมีทหารชาวรัสเซียมาฝึกสอน เนื่องจากจะทำให้ไทยเข้าไปพัวพันกับสงครามตัวแทนของมหาอำนาจ และกระทบกับบูรณภาพแห่งดินแดนและเอกราชของไทย ซึ่งสมควรจะต้องวางตัวเป็นกลางอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติเพื่อมนุษยธรรมตามหลักสากลขององค์การสหประชาชาติเท่านั้น จะต้องไม่ยินยอมให้มหาอำนาจทั้ง 3 ฝ่ายใช้ดินแดนไทยในทางลับปฏิบัติการทางทหารกระทำสงครามกลางเมืองในพม่าโดยเด็ดขาด

5.เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ควรมีมาตรการเร่งด่วน โดยประกาศ no-fly zone หรือเขตห้ามบินโดยทันที ออกข้อกำหนดห้ามอากาศยานบางประเภทบินผ่านพื้นที่ตามริมชายแดนเพื่อปกป้องพื้นที่ที่มีความเปราะบาง และเป็นผู้นำอาเซียนในการเจรจา ขอให้รัฐบาลอาเซียนร่วมกันเรียกร้องกองทัพพม่าประกาศหยุดยิงและยุติสงครามภายในโดยเร็วเพื่อเจรจาสันติภาพร่วมกัน

กองทัพชี้แจงกรณีมีคนไทยเสียชีวิตกรณีบินรบรัฐบาลพม่าโจมตีหมู่บ้านกะเหรี่ยง

มติชนออนไลน์ รายงานอ้างแหล่งข่าวจากกองทัพระบุถึงกรณี มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน เสียชีวิต 3 คน จากเหตุถูกระเบิดจากเครื่องบินรบทหารเมียนมา ในฝั่งประเทศเมียนมา และถูกนำตัวข้ามมารักษาตัวที่ฝั่งไทย ส่วนผู้เสียชีวิตนำไปประกอบพิธีฝั่งเมียนมา บางคนมีเอกสารของทางการไทยออกให้ มีบัตรประชาชนไทยว่า เป็นบุคคลสองสัญชาติจำนวนหนึ่งที่ถือสองสัญชาติไทย และสัญชาติพม่า เพราะตามตะเข็บชายแดนถึงจะเป็นชาวพม่า แต่ก็มีญาติอยู่ฝั่งไทยเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาในเรื่องของบุคคล 2 สัญชาติ

ทั้งนี้คนที่ได้รับบาดเจ็บเป็นคนไทย อำเภอต้องดำเนินการตามขั้นตอน แต่ในเบื้องต้นขณะนี้ต้องรักษาคนเจ็บก่อนตามมนุษยธรรม และเข้าไปสอบถามผู้ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งว่าอยู่ในประเทศพม่ามีทะเบียนราษฎร์ของพม่าใช่หรือไม่

ส่วนกรณีที่มีการแชร์กันในโซเชียล ที่มีรถยนต์อยู่ฝั่งไทย และถูกกระสุนหรือสะเก็ดระเบิด ถ้ามาจากฝั่งพม่านั้น ต้องให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีการรายงานมาว่า เป็นเหตุที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net