Skip to main content
sharethis

'สุดารัตน์' มั่นใจสมาชิกพรรคลาออกกลับ 'เพื่อไทย' ไม่กระทบ 'ไทยสร้างไทย' - 'พรรคกล้า' ส่งจดหมายถึง 'นายก-รมว.พาณิชย์-รมว.พลังงาน' ลดค่ากลั่นช่วยประชาชน เตือนระวังทฤษฎีแตกแบงค์พันอาจขัดกฎหมาย - 'ธรรมนัส' นำทีมเศรษฐกิจไทย หาเสียงเลือกตั้งลำปางวันสุดท้าย - 'ชาติพัฒนา' เรียกร้องทุกฝ่ายยอมรับกติกาปาร์ตี้ลิสต์ 500 รอบทสรุปที่ศาล รธน. - 'ประชาธิปัตย์' ย้ำเคารพการตัดสินใจสมาชิกรัฐสภา เชื่อกฎหมายเลือกตั้งยุติที่ศาล รธน. - 'ภูมิใจไทย' โชว์ขุนพลเตรียมลุยศึกเลือกตั้งโคราช 'สุชาติ' ส.ส.เพื่อไทย โผล่ร่วมโต๊ะ - 'เพื่อไทย' ชี้ 8 ปีประยุทธ์ ยังทำพังขนาดนี้ ขออีก 2 ปี ใครจะไปเชื่อ - ส.ส.ฟปชร.กทม. ลงพื้นที่ติดตาม พอช.มอบงบช่วยเหลือไฟไหม้ชุมชนบ่อนไก่ 84 ครอบครัวๆ ละ 18,000 บาท

9 ก.ค. 2565 เว็บไซต์บ้านเมือง รายงานว่าสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่มีสมาชิกของพรรคไทยสร้างไทย ลาออกไปด้วยว่าจะไม่กระทบต่อการทำงานของพรรคซึ่งพรรคไทยสร้างไทยยืนยัน จะยังเดินหน้าเพื่อสร้างประเทศไทยที่ดีที่สุดส่งมอบให้กับลูกหลาน ตามอุดมการณ์ที่สร้างพรรคมา และยอมรับการตัดสินใจของเพื่อนสมาชิกไม่มีปัญหาใดๆ ซึ่งพรรคมีความพร้อมในการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง โดยเฉพาะการแถลงนโยบายต่างๆซึ่งวันนี้ได้เน้นย้ำ ถึงการสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชนเพื่อนำไปสู่การพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กับพี่น้องคนตัวเล็ก ให้หายจน หมดหนี้ มีรายได้อย่างยั่งยืน และต่อไปก็จะมีการประกาศนโยบายที่สำคัญต่างๆตามมา

ด้านนายประวัฒน์ อุตตะโมต รองประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่พรรคไทยสร้างไทย กล่าวเพิ่มเติมว่าแม้จะมีเพื่อนสมาชิกลาออกไป แต่ส่วนตัวได้ทำงานร่วมกันมา 26 ปี จึงมีความสนิทสนมกัน ซึ่งก็เคารพการตัดสินใจของเพื่อน ยังรักใคร่ และความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม โดยได้พูดคุยกันเกือบทุกวัน

ทั้งนี้พรรคไทยสร้างไทยยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง และในช่วง วันที่ 12 กรกฎาคมเป็นต้นไป จะลงพื้นที่อีสาน มีกิจกรรมคาราวานสร้างความสุขคาราวานสร้างไทย ในหลายจังหวัดเริ่มต้นที่ร้อยเอ็ด จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนติดตามทุกกิจกรรมทุกการทำงานของพรรคไทยสร้างไทย

นอกจากนี้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ยังได้เดินหน้าสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชนทั่วประเทศต่อเนื่อง ซึ่งจนถึงขนาดนี้มีพี่น้องประชาชนที่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายบำนาญประชาชน เดือนละ3,000 บาท เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันร่างพระราชบัญญัติบำนาญประชาชนให้ เกิดขึ้นตามที่ได้ประกาศเป็นนโยบายของพรรคไทยสร้างไทยไปแล้ว ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมเป็นเครือข่ายแล้ว กว่า 100,000 คนทั่วประเทศ และจะยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีบัตรสมาชิกส่งกลับไปให้

ด้านนายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทยกล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดทำร่างกฎหมายว่าพรรคไทยสร้างไทยได้ยกร่าง พ.ร.บ.บำนาญประชาชน คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่เกิน 10 วันจะแล้วเสร็จ จากนั้นจะเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่เป็นเครือข่ายบำนาญประชาชน มาร่วมลงชื่อเสนอกฎหมายฉบับนี้ โดยจะแถลงรายละเอียดในสัปดาห์หน้า

'พรรคกล้า' ส่งจดหมายถึง 'นายก-รมว.พาณิชย์-รมว.พลังงาน' ลดค่ากลั่นช่วยประชาชน

เว็บไซต์แนวหน้า รายงานว่านายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เปิดเผยว่าวานนี้ (8 ก.ค.) เดินทางไปยังศูนย์พัสดุสินค้า Flash Express พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคกล้า ภูเก็ต นายเทมส์ ไกรทัศน์ เพื่อส่งสติกเกอร์รณรงค์ “ลดค่าการกลั่นน้ำมัน = ลดราคาน้ำมัน” ให้กับ 3 ผู้มีอำนาจในการแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง ได้แก่ นายกรัฐมนตรี, รมว.พาณิชย์, รมว.พลังงาน

จากนั้นหัวหน้าพรรคกล้า ได้ไลฟ์สดระบุว่า วันนี้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊ซโซฮอลล์ลดลงสูงสุด 3 บาท แต่ความจริงสามารถลดได้มากกว่านี้ ซึ่งถ้าเทียบกับเมื่อเดือนมิถุนายนที่พรรคกล้าออกมาเรียกร้องให้ลดค่าการกลั่นจนถึงวันนี้ ค่าการกลั่นลดลงไปถึง 5 บาทต่อลิตรแล้ว แต่ราคาหน้าปั๊มยังไม่ลดลง

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมจึงอยากจะช่วยนำเสนอวิธีการที่จะให้พวกเรามีส่วนร่วมที่จะส่งสัญญาณต่อผู้อำนาจในเรื่องนี้ คือ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน และในส่วนของรัฐบาลเองว่า ราคาน้ำมันลดลงมา 3 บาทนั้น ประชาชนยังเดือดร้อน ข้าวของยังแพงอยู่มาก และราคาที่ลดก็เพราะราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลด ยังไม่ได้ลดในส่วนของกำไรจากค่าการกลั่น และค่าการตลาดที่สูงเกินไปจากผู้ประกอบการแต่อย่างใด” นายกรณ์ กล่าว

นายกรณ์ กล่าวอีกว่าประชาชนสอบถามมายังเพจส่วนตัวของตนและเพจของพรรคกล้าเป็นจำนวนมาก ว่าจะทำอย่างไร ที่จะส่งเสียงไปยังรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รู้ว่าเขาเดือดร้อนกันมากจากปัญหาราคาน้ำมัน เราก็เลยเสนอง่ายๆ โดยการผลิตสติกเกอร์ ลดค่าการกลั่น=ลดค่าน้ำมัน ขึ้นมา ซี่งถ้าแฟนเพจท่านใดต้องการให้เราส่งให้ก็ขอให้ส่งชื่อที่อยู่เบอร์โทร.เข้ามาเราจะจัดส่งให้” หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรณ์ ได้ส่งสติกเกอร์และข้อความรณรงค์ ใส่ซอง และจ่าหน้าซองถึง 3 ผู้มีอำนาจโดยตรง

1. นายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยส่งไปที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้นำไปติดรถและกระตุ้นให้ใช้อำนาจที่กระทรวงพาณิชย์มี ด้วยกฎหมายที่มีในมือคือ พรบ.ราคาสินค้าและบริการบวกกับตำแหน่งของที่มีอยู่ในคณะกรรมการกำกับนโยบายพลังงานเพื่อช่วยขับเคลื่อนการปรับลดค่าการกลั่นในเรื่องของค่าการตลาดเพื่อนำไปลดราคาน้ำมันแบ่งเบาภาระภาระของประชาชน

2. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยส่งไปที่กระทรวงพลังงาน เนื่องจากมีบทบาทหน้าที่โดยตรงในการบริหารจัดการค่าการกลั่นและค่าการตลาด โดยนายกรณ์ระบุว่าความจริงกระทรวงพลังงานก็อยู่ในบริเวณเดียวกันกับ ปตท. ซึ่งเป็นผู้ค้าน้ำมันที่เป็นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ เพียงแค่ข้ามถนนผ่านร้านกาแฟอะเมซอนก็ถึงแล้ว ก็ขอฝากท่านรมว.พลังงาน ช่วยส่งถึง ปตท.ด้วย

และ 3. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยส่งไปที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนายกรณ์ได้แสดงความเห็นใจต่อภารกิจอันมากมายที่ท่านมี แต่ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องข้าวของที่แพงขึ้นมาก ก็เป็นเรื่องที่ตนและนายกรัฐมนตรีคิดตรงกัน  และโดยส่วนตัวตนก็ถือเป็นหน้าที่ของนักการเมืองคนหนึ่งที่จะเสนอข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อให้ท่านประกอบใช้ในการตัดสินใจ วันนี้ท่านอาจจะรู้สึกคลายความกดดันเพราะราคาน้ำมันลดลงมา แต่มันสามารถลดได้มากกว่านี้ เพราะราคาที่ลดลงมันเป็นเพราะราคาน้ำมันในตลาดโลก ไม่ใช่เกิดจากการบริหารจัดการ

ทั้งนี้จดหมายทั้ง 3 ฉบับนั้น นายกรณ์ได้เขียนด้วยลายมือตัวเอง  พร้อมกับย้ำว่า หากทุกท่านได้รับแล้วขอความกรุณาทุกท่านแจ้งให้ทราบทุกครั้งที่มีการแถลงข่าวในการแก้ปัญหาราคาน้ำมัน

เตือนระวังทฤษฎีแตกแบงค์พันอาจขัดกฎหมาย

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่านายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า เปิดงาน "กล้าจตุจักร ฟุตซอลเกม" กิจกรรมแข่งขันฟุตซอลเยาวชน ในเขตจตุจักรและใกล้เคียงเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ KLA Sport ตามนโยบายสนับสนุนเยาวชนสู่กีฬาอาชีพ สร้างสัมพันธ์กับเยาวชนและพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนนโยบายด้านกีฬาของพรรค และใช้กีฬาต้านยาเสพติด โดยเฉพาะล่าสุดมีเรื่องกัญชาเสรี หากเยาวชนนำไปใช้ผิดทางก็เกิดอันตราย ถ้าใช้ถูกทางก็กลายเป็นประโยชน์ หากมีเครือข่ายเยาวชนเป็นหูเป็นตาช่วยกันดูแลถือเป็นเรื่องที่ดี

นายอรรถวิชช์ ยังกล่าวถึงระบบเลือกตั้งแบบใหม่ โดยขอบคุณ ส.ส. และ ส.ว. ที่โหวตเห็นชอบให้ใช้วิธีการคำนวณจำนวน ส.ส.ด้วยวิธีการหารด้วย 500 ซึ่งพรรคกล้านั้นจัดตั้งขึ้นมาเพื่อให้สอดรับกับการหารด้วย 500 ตั้งแต่ต้น เนื่องจากมองว่าการหารด้วย 500 จะทำให้คนรุ่นใหม่ทางการเมือง มีโอกาสเข้าสู่การเมืองได้ ทำให้มีพรรคเฉพาะกิจ เฉพาะด้านเกิดขึ้น ทั้งพรรคด้านเศรษฐกิจ ด้านกีฬา ด้านสิ่งแวดล้อม และเชื่อว่าในอนาคตจะเป็นรัฐบาลผสมที่มีความหลากหลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะเมื่อเข้าไปทำการเมืองจริง จะทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารมีการตรวจสอบกันได้จริง ประชาธิปไตยจะมีการพัฒนา แต่หากกลับไปใช้สูตรเดิมที่ผ่านมา ก็ทราบดีว่ามีบทเรียนอะไรเกิดขึ้น ก็จะกลายเป็น ส.ส.ทำการเมืองคล้ายกับนักการเมืองท้องถิ่น ยืนยันว่าพรรคกล้าพร้อมกับกติกาที่จะออกมา และคิดว่าแนวทางนี้น่าจะไปได้ดี ทำให้พรรคสามารถจะเป็นเวทีให้กับคนรุ่นใหม่ได้ ซึ่งภายหลังจากที่มีการประกาศสูตรหาร 500 ก็มีคนสมัครเข้าพรรคเพื่อแสดงเจตจำนงลงสมัคร ส.ส.ในเขตพื้นที่ต่าง ๆ จำนวนมาก

“สูตรหาร 100 เคยเกิดขึ้นแล้ว กลายเป็น ส.ส.ต้องลงไปทำการเมืองคล้ายกับนักการเมืองท้องถิ่น ไม่ใช่การเมืองที่สู้ในระดับชาติ ที่มากกว่านั้นคิดว่าสูตรหาร 500 ไปได้ มันทำให้การเมืองเปลี่ยน เราเคยลองมาแล้วทั้งสูตรหาร 100 ทั้งบัตรเลือกตั้งใบเดียวแบบหาร 500 แต่ครั้งนี้เป็นบัตรสองใบหาร500 ผมว่ามันคือวิวัฒนาการทางการเมือง”

ส่วนกรณีที่หลายคนที่กังวลเรื่องจะทำให้เกิดพรรคเล็กจำนวนมากแบบที่เคยเกิดขึ้นหรือไม่นั้น นายอรรถวิชช์ เชื่อว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากใน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง กำหนดไว้ชัดเจนถึงวิธีของการคำนวณ อ่านและเข้าใจกติกาง่ายกว่า จะไม่เกิดการเขย่งเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพราะมีแนวโน้มว่าเมื่อคำนวณคะแนนเสียงแล้ว จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อจะเกินกว่าที่กำหนด ดังนั้นจำนวนคะแนนเสียงต่อ ส.ส. 1 คน อาจต้องใช้มากกว่า 7 หมื่น หรือ 8 หมื่นเสียง ไม่เหมือนอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

นายอรรถวิชช์ ยังกล่าวถึงกรณีจะมีการแตกแบงค์พันของพรรคการเมืองบางพรรคว่า เรื่องนี้จะต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะหากเป็นกรรมการบริหารอยู่พรรคหนึ่ง แล้วไปจัดตั้งพรรคการเมืองอีกพรรค จะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ทั้งนี้ความจริงไม่จำเป็นต้องไปแตกแบงค์พัน เป็นพรรคแบบไหน ก็ต่อสู้แบบนั้น มีโอกาสชนะได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เทคนิค แต่ขอว่าสู้กับอะไร ก็ขอให้มีความชัดเจนของเป้าหมาย ว่าต้องการต่อสู้กับใคร

เลขาธิการพรรคกล้า ย้ำว่า แม้จะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่ไม่ว่าท้ายที่สุดจะออกมาเป็นสูตรหารด้วย 100 หรือ 500 พรรคกล้าก็พร้อมที่จะสู้เสมอ และย้ำว่าพรรคกล้าและพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ ล้วนตั้งขึ้นมาด้วยสูตรการหาร 500 และเชื่อว่าจะไม่ทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง เนื่องจากตนและทีมกฎหมายของพรรค อ่านกฎหมายทุกมาตรา และมั่นใจว่าแม้จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ผลการวินิจฉัยก็ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

'ธรรมนัส' นำทีมเศรษฐกิจไทย หาเสียงเลือกตั้งลำปางวันสุดท้าย

สำนักข่าว INN รายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) พร้อมแกนนำสำคัญของพรรค ลงพื้นที่หาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายช่วย ‘หมอรวย’ นายวัฒนา สิทธิวัง ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 3 ของพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ จ.ลำปาง โดยมีสมาชิกพรรคและประชาชนจากหลายหมู่บ้านของอ.เกาะคา มาร่วมฟังคำปราศรัยเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส ได้กล่าวขอบคุณพ่อแม่พี่น้องที่มารอพบปะเจอกันในวันนี้ พร้อมขอโอกาสหมอรวย ลูกหลานชาวเกาะคา ได้กลับเข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ อีกครั้ง ในการเร่งรัดผลักดันโครงการต่างๆ ที่คั่งค้าง โดยเฉพาะเรื่องการสร้างฝายชะลอน้ำให้เกิดเป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวมทั้งการอุปโภคบริโภค และที่สำคัญคือภาคการเกษตรที่ถือว่าแม่น้ำวัง เป็นปัจจัยหลักสำคัญอย่างมาก สำหรับพี่น้องเกษตรกรฐานรากของเรา

'ชาติพัฒนา' เรียกร้องทุกฝ่ายยอมรับกติกาปาร์ตี้ลิสต์ 500 รอบทสรุปที่ศาล รธน.

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่าวันนี้ (9 ก.ค.) ที่สำนักงานพรรคชาติพัฒนาและศูนย์คนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา และแกนนำพรรคชาติพัฒนา Come Back ตรวจเยี่ยมที่ทำการพรรคฯได้พบปะเจ้าหน้าที่ บุคลากรสำนักงานฯ จ.นครราชสีมา รวมทั้ง ส.จ., ส.ท.ทีมโคราชชาติพัฒนา โดยมีนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ผู้อำนวยการพรรคฯและหัวหน้าศูนย์รักจริงไม่ทิ้งกันนำให้การต้อนรับ  

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองประเด็นร้อน สูตร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 กับ หาร 100 ว่า ตนคิดว่าอันนี้เป็นมติของรัฐสภาว่าคิดเห็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้มติรัฐสภาก็ให้ความเห็นชอบในเรื่องของ 500 หาร ขณะนี้มติก็ถือว่า 500 หาร 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าเป็นร่างพระราชบัญญัตืประกอบรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายเลือกตั้งกับกฏหมายพรรคการเมืองทั้ง 2 ฉบับที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา และถึงแม้ว่ารัฐสภาจะให้ความเห็นชอบอย่างไรโดยรัฐธรรมนูญแล้วก็ต้องส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ได้พิจารณาอีกครั้งหนึ่งถึงความถูกต้องต่างๆ

เพราะฉะนั้นตนคิดว่าขณะนี้เป็นเรื่องที่รัฐสภาอยู่ระหว่างการพิจารณาให้จบสิ้นทั้งสองฉบับเสร็จแล้ว ก็จะต้องมีขั้นตอนจะต้องรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกับรอ กกต.พิจารณา ฉะนั้นก็จะเกิดความชัดเจนทางกฎหมาย

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ขณะนี้ก็มีข้อคิดเห็นที่เห็นแตกต่างกันว่า อะไรดีกว่าอะไร 100 หารดีกว่า หรือ 500 หารดีกว่า แต่ที่สุดแล้วในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ รัฐธรรมนูญ และกฎหมายก็คงต้องยึดหลักของความถูกต้องของกฎหมายเป็นหลัก

“ผมคิดว่าคำชี้ขาดหรือคำวินิจฉัยหรือการพิจารณาต่างๆของศาลรัฐธรรมนูญ.ก็คงจะมีบรรทัดฐานที่เหมาะสมที่จะทำให้ทุกฝ่ายยอมรับกันว่า ควรที่จะเป็นอย่างไร หรือมติของรัฐสภานั้นได้รับการยอมรับว่ามีความถูกต้องประการใด ฉะนั้นเพื่อความชัดเจนต่างๆ ถึงแม้ว่าบางคนมองว่าควรจะหาร 100 บางคนอาจจะมองว่าควรจะหาร 500 แต่ว่าเมื่อเป็นมติไปแล้วตอนนี้ตนคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ ฟังศาล เพราะโดยขั้นตอนของรัฐธรรมนูญต้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญและกกต.”

นายสุวัจน์ฯกล่าวว่า ตนคิดว่าวันนี้บรรยากาศทางการเมือง จะต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศของการเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้ง เพราะตอนนี้สภาหรือรัฐบาลก็อยู่มา 3 ปีจะครึ่งแล้วจากนี้ไปทุกคนก็รู้ว่าถึงเดือนมีนาคม ฉะนั้นขณะนี้เป็นบรรยากาศเหมือนกับการนับคถอยหลังเข้าสู่การเลือกตั้ง และการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่มีความสำคัญมากๆ เพราะเป็นการเลือกตั้งในช่วงเปลี่ยนถ่ายของสถานการณ์วิกฤติของประเทศ เช่น เรามีปัญหาโควิดมาสองปีเริ่มคลี่คลายแล้ว สังคมก็คาดหวังว่าเริ่มคลี่คลายแล้วหลังโควิดจะเป็นอย่างไร หรือการสู้รบที่ก่อผลกระทบเรื่องน้ำมันแพง สินค้าอุปโภคบริโภคแพงหมดพี่น้องประชาชนเดือดร้อน หรือปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาหนี้สาธารณะต่างๆที่เราจำเป็นต้องกู้มาเพื่อแก้ปัญหาปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้ครัวเรือน สิ่งต่างๆเหล่าเป็นผลกระทบอย่างที่กล่าวมา ซึ่งพี่น้องประชาชาชนก็คาดหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องเป็นการเลือกตั้งที่นำไปสู่ทางออกการเมืองหลังการเลือกตั้ง

สภาหลังการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญหลังการเลือกตั้ง รัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะต้องนำไปสู่ทางออกสามารถแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ ฉะนั้นบรรยากาศวันนี้สู่วันเลือกตั้งเหมือนกับว่านับถอยหลัง ฉะนั้นเราจะทำอย่างไรที่อยากบรรยากาศการนับถอยหลังเข้าสู่สนานเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทุกคนรู้สึกเต็มใจพร้อมที่จะเข้าสู่สนามเลือกตั้ง

สำคัญที่สุดจะต้องสร้างบรรยากาศให้เกิดความชอบธรรม เกิดการยอมรับผลการเลือกตั้ง ฉะนั้นถ้าผลของการเลือกตั้งหรือการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วทุกคนให้การยอมรับมันก็จะทำให้เกิดเสถียรภาพทางการเมืองที่เข้มแข็ง เกิดประสิทธิภาพทางการเมืองที่จะมาแก้ไขปัญหาของประเทศได้

อย่างไรก็ตามถ้าบรรยากาศของการนับถอยหลังเข้าสู่สนามเลือกตั้งเริ่มมีบรรยากาศของความไม่เรียบร้อย หรือความรู้สึกว่ากติกาเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมอะไรต่างๆ ตนว่าวันนี้เราต้องคลี่คลายปัญกาต่างๆและมีความร่วมมือกันในการสร้างความโปร่งใส ความชัดเจนในกฎหมายอะไรต่างๆที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้รับการยอมรับแล้วผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไรทุกคนยอมรับและพร้อมที่จะลงสนามเลือกตั้ง เพื่อให้บรรยากาศหลังการเลือกตั้งนำไปสู่เสถียรภาพทางการเมืองที่เข้มแข็งและนำไปสู่ประสิทธิภาพทางการเมืองที่จะมาแก้ไขปัญหาของประเทศและไม่ก่อให้เกิดปัญหาการ DeadLock ทางการเมือง 

ฉะนั้นเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะต้องช่วยกันสร้างความโปร่งใส ความเป็นธรรม ความรู้สึกว่าชอบธรรมในทุกๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกติกาการเลือกตั้ง ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้แล้ว เมื่อมีมติให้ความเห็นชอบอย่างไรและในเมื่อเป็นร่าง พ.ร.บ.ประกอปรัฐธรรมนูญทั้ง2ฉบับที่กำลังพิจารณาขณะนี้ที่มีความสำคัญต่อการเลือกตั้งยังไงก็จะต้องส่งไปที่ศาล รัฐธรรมนูญในการที่จะวินิจฉัยชี้ขาดหรือมีประเด็นอะไรต่างๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนลงตัว

ส่วนที่ถามว่าพรรคใหญ่ พรรครัฐบาล จะได้เปรียบ 500 หารนั้น นายสุวัจน์ฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าวันนี้ถ้าเราจะแก้ไขรัฐธรรมนูญกันไปแล้ว หรือมีกฎหมายอะไรต่างๆเราควรจะให้เกิดความรู้สึกที่ว่ากฏเกณฑ์อะไรที่เกิดขึ้นเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ควรจะมีกฎเกณฑ์อะไรต่างๆที่เกิดขึ้นแล้วรู้สึกว่าคนนั้นได้เปรียบ คนนี้เสียเปรียบ ต้องให้รู้สึกเป็นธรรม เพื่อให้ผลประโยชน์ทุกอย่างสู่บ้านเมือง เราจะต้องอยู่บนพื้นฐานนั้น การเมืองคือการเข้ามาอาสาให้กับพี่น้องประชาชน ฉะนั้นทุกอย่างจะต้องเป็นธรรมและจะต้องแฟร์กับทุกฝ่าย เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้สิทธิใช้เสียงแล้วทุกคนยอมรับในสิ่งที่พี่น้องประชาชนได้ตัดสิน

ส่วนพรรคชาติพัฒนาเกี่ยงเรื่อง 500 หาร หรือ 100 หารนั้น ตนคิดว่าทุกคนก็ได้ให้ความคิดเห็นกัน บางคนก็บอกว่า 500 ดี บางคนก็บอกว่า 100 ดี แต่ทุกย่างก็ต้องกลับไปสู่หลักของกฎหมายและ รัฐธรรมนูญ ที่มีการแก้ไขไปแล้ว เพราะรัฐธรรมนูญ.เป็นกฎฆมายสูงสุด ร่างประกอบรัฐธรรมนูญ.ถือว่าเป็นกฎหายลูก 

แต่ว่าอย่างไรร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญที่แก้ไขก็ต้องเป็นหลัก บอกว่ามีการเลือกตั้งบัตรสองใบ มี ส.ส.เขตเลือกตั้ง 400 มี ส.ส.บัญชายชื่อ 100 ฉะนั้นตนเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้อแล้วไม่ไปชัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นบางทีมุมมองและความคิดก็อาจจะแตกต่างกันได้ ผู้ที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุดองค์กรศาลรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นเราก็คงต้องฟังศาลว่า ศาลคิดเห็นอย่างไร แล้วเมื่อมีความชัดเจนในเรื่องนั้นแล้ว ตอนนี้เป็นเรื่องของแต่ละคนแล้วที่ต้องไปคิด ท่านจะคิดว่า 100 ท่านได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ท่านจะติดว่า 500 ได้เปรียบหรือเสียเปรียบก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องไปปรับยุทธศาสตร์ เพราะตนนั้นชัดเจนเมื่อศาลได้วินิจฉัยออกมาว่าจะหาร 100 หรือ หาร 500 อะไรก็แล้วแต่

“ผมว่าเหมือนนักกีฬา เมื่อกติกาเปลี่ยนเราพร้อมจะเล่นหรือเปล่า การเมืองเป็นงานอาสา ถ้าเราพร้อมจะเล่น เราอยากได้ชัยชนะ เราก็ต้องวางแผนการเล่น ก็ต้องปรับยุทธศาสตร์ต่างๆ ให้สอดคล้องกับกฎกติกา แต่สำคัญที่สุดกฎกติกาก็ต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้ทุกฝ่ายมีคามรู้สึกว่าอยากเข้าสูสนามเลือกตั้งแล้วเมื่อตัดสินแล้ว แพ้ชนะ พี่น้องประชาชนตัดสินมาแล้วทุกคนยอมรับ เพื่อให้การเมืองมีเสถียรภาพ ไม่เกิด DeadLock ทางการเมือง นี่เป็นสิ่งวที่สำคัญที่สุด ฉะนั้นวันนี้ผมคิดว่าการรักษาบรรยากาศดีๆ ความร่วมมือทางการเมืองความรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นธรรรมแล้วเข้าสู่สนามเลือกตั้งด้วยกัน ด้วยความรู้สึกอยากเข้าแก้ไจปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนแล้วเลือกตั้งมาแล้วยอมรับผลแล้วมีความร่วมมือกัน สภา และ รัฐบาลทำงานได้ ฝ่ายค้านตรวจสอบได้ สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วพี่น้องประชาชนจะสบายใจว่า การเมืองจะเป็นที่ที่หวัง ที่พึ่ง และเป็นทางออกให้กับประเทศได้”
ส่วนกรณีปัญหาในสภาฯที่มีความวุ่นวายจนมีการเสนอการขอเปลี่ยนตัวประธานนั้น ตนคิดว่าบรรยากาศอย่างนั้นก็ปรกติ เป็นบรรยากาศของความเข้มข้น แต่ก็ยังถือว่าทุกอย่างยังอยู่ในห้องประชุม อะไรที่อยู่ในห้องประชุมปลอดภัย" 

ส่วนเรื่องศึกซักฟอกนั้น ตนก็ถือว่า เป็นด่านที่หนักที่สุดของรัฐบาล และโดยเฉพาะรัฐมนตรีถูกอภิปราย ฉะนั้นถ้าพ้นด่านนี้ไปได้และไปนับอายุของการหมดสมัยประชุมสภาฯก็จะไม่มีการอภิปรายไม่ไววางใจแล้วก็ถือว่าไม่มีอะไรที่เป็นประเด็นที่ต้องหนักอกหนักใจ ฉะนั้นเมื่อผ่านแล้วก็จะนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งแน่นอน และรัฐบาลก็ต้องทำงานอย่างเดียวแล้ว ไม่ต้องมาหนักอกหนักใจในสภาฯ รัฐบาลก็ต้องใช้เวลาที่เหลือที่สำคัญการเมือวเจ้าภาพ APEC ที่เป็นโอกาสดีๆของประเทศในการที่จะสร้างความเชื่อมั่น เพราะจะมีผู้นำประเทศมหาอำนาจทั่วโลกมาที่ประเทศไทย เราควรจะใช้อกาสนี้เรียกความเชื่อมั่นในการที่จะได้รับควรมร่วมมือที่จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ 

“ตอนนี้รัฐบาลเหลือเวลาน้อยมากฉะนั้น รัฐบาลตอนนี้เหมือนกับเพอร์เฟ็คสตอร์ม พายุหลายๆลูก พุ่งเข้าหาพี่น้องประชาชน รัฐบาลต้องใบข้เวลาที่เหลือให้เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะเรื่องของแพง ผลกระทบมาจากน้ำมัน พี่น้องประชาชขนเดือดร้อนกันมาก ฉะนั้นตอนนี้ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องข้าวของแพงมากๆ”

'ประชาธิปัตย์' ย้ำเคารพการตัดสินใจสมาชิกรัฐสภา เชื่อกฎหมายเลือกตั้งยุติที่ศาล รธน.

สำนักข่าวไทย รายงานว่านายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 23 ของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ฉบับที่ .. พ.ศ. … ให้ใช้สูตรการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบจัดสรรปันส่วนผสม โดยนำ 500 มาหารว่า

ถือว่าเป็นกระบวนการของฝ่ายนิติบัญญัติ สมาชิกรัฐสภามีสิทธิที่จะลงมติ เมื่อมติเสียงข้างมากออกมาเช่นนั้นก็ต้องเคารพในการตัดสินใจลงมติของสมาชิกรัฐสภา การมีความเห็นของแต่ละฝ่ายย่อมมีเหตุผลมารองรับในการตัดสินใจ เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองก็จะต้องมีการเตรียมการเพื่อให้รองรับกับร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวต่อไป

นายราเมศ กล่าวต่อว่า หากฝ่ายค้านยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการการวินิจฉัยความชอบของร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็ต้องถือว่าเป็นสิทธิของฝ่ายค้านตามรัฐธรรมนูญในการตรวจสอบว่ามีกระบวนการตราหรือมีข้อความใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ กระบวนการตรวจสอบของร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญกระบวนการตรวจสอบก็มีหลักการเช่นเดียวกันกับการตรวจสอบร่างพระราชบัญญัติทั่วไป รวมถึงการให้รัฐสภาต้องส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญไปยังองค์กรที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งหากฝ่ายค้านมีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญทุกฝ่ายก็ต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ผลออกมาเป็นเช่นไรก็ยุติและน้อมรับผลคำวินิจฉัยของศาล

ส่วนที่มีการกล่าวว่าการลงมติของสมาชิกรัฐสภา มีใบสั่งจากฝ่ายบริหารนั้น ในส่วนของพรรคยืนยันว่าไม่มีใครสั่ง สมาชิกรัฐสภา ส.ส.ทุกคนมีเหตุและผลเพื่อนำไปสู่การลงมติทั้งสิ้น การทำหน้าที่ของ ส.ส. เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และเชื่อว่าทุกประเด็นที่ถกเถียงกันมีหลักการกระบวนการต่างๆ ระบุไว้ค่อนข้างรัดกุม เพียงแต่ในทุกกระบวนการที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ผลออกมาเป็นเช่นใดทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับของผลที่จะเกิดขึ้น

สำคัญที่สุดการเลือกตั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น การเตรียมการเรื่องกฎหมายเลือกตั้งและกฎหมายพรรคการเมืองให้แล้วเสร็จก็จะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย อาจไม่มีสิ่งไหนดีที่สุดหรือถูกใจใครที่สุด และในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์พร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งอย่างเต็มรูปแบบ

'ภูมิใจไทย' โชว์ขุนพลเตรียมลุยศึกเลือกตั้งโคราช 'สุชาติ' ส.ส.เพื่อไทย โผล่ร่วมโต๊ะ

สยามรัฐออนไลน์ รายงานว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุขในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  (ภท.) เปิดงานการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 4.0  เขตสุขภาพที่ 9 นครชัยบุรินทร์ ที่โรงแรมสบายโฮเทล อำเภอเมือง จังหวัด นครราชสีมา 

จากนั้นนายอนุทินได้นัดประชุมทีมโคราช พร้อมหารือเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ประกอบด้วย นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม และกรรมการบริหารพรรค   

นายอภิชา เลิศพชรกมล นายพรชัย อำนวยทรัพย์ นายวิสิทธิ์ พิทยาภรณ์  นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส. ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อีกหลายคน อาทิ นายพลพีร์ สุวรรณฉวี นายอดุลย์ อยู่ยืน นายมานิตย์ จันทรวราพร  นายมนัส ศรีบงกช นายนรเสฏฐ์ ศิริโรจนกุล  เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมี นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ก่อนหน้านี้โหวตเห็นด้วยร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 และโหวตเห็นด้วยกับสูตรหาร 500 ในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. พ.ศ…. รัฐสภา ในมาตรา 23 หักมติครั้งสำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่ส่วนใหญ่โหวตเห็นด้วยกับสูตรหาร100 ก็เดินทางมาร่วมหารือกับทีมโคราชของพรรคภูมิใจไทยในครั้งนี้ด้วย

สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า จังหวัดนครราชสีมา มี ส.ส.ได้จำนวน 16 คน  เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งปี 2562 ที่มีจำนวน 14 ที่นั้ง ถือว่าเป็นจังหวัดที่มี จำนวน ส.ส.มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ    

'เพื่อไทย' ชี้ 8 ปีประยุทธ์ ยังทำพังขนาดนี้ ขออีก 2 ปี ใครจะไปเชื่อ

เว็บไซต์พรรคเพื่อไทย รายงานว่านายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงการณ์กลยุทธ์ 3 แกน สร้างอนาคต ทำประเทศเดินหน้าใน 2 ปี ว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มา 8 ปี ผ่านงบฯ ไป 12 ครั้ง ใช้เงินไป 28.5 ล้านล้านบาท แต่เศรษฐกิจทรุด ทุจริตฟู กู้เก่ง แต่บริหารไม่เป็น ทำประเทศล้มเหลวแทบทุกด้าน อย่าว่าแต่ขอเวลาอีก 2 ปีเลย 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ พังแทบทุกมิติ อยู่ในสภาพประเทศหนี้ล้น ประชาชนหนี้ท่วม พอจวนตัวเห็นสัญญาณจะไม่ได้ไปต่อ เผชิญวิกฤตศรัทธา ก็ออกมาสร้างเรื่องให้ความหวังเรื่องใหม่กลบเรื่องเก่าที่ทำไม่สำเร็จไปเรื่อยๆ เฉพาะเรื่องคนจนจะหมดประเทศ 8 ปี พูดมากี่ครั้ง ก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ ประชาชนที่ไหนจะไปเชื่อ วาระสุดท้ายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เหมือนคนกำลังจะจมน้ำ อะไรผ่านมาก็คว้าไว้หมด ขนาดยอมเสียทรงจนถูกตั้งคำถามว่า ไปแทรกแซงเปลี่ยนสูตรคำนวณ ส.ส.จากหาร 100 เป็นหาร 500 เพื่อประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจของตัวเองหรือไม่ การบริหารประเทศแบบลอกคนอื่นแต่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ลอก ยิ่งทำยิ่งทำให้ล้มเหลว เห็นประชาชนเชื่อมั่นพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยมากกว่ารัฐบาลก็พยายามลอกตามทุกอย่าง เห็นชัชชาติจัดดนตรีในสวนก็จัดดนตรีในสวนตาม เห็นชัชชาติจัดหนังกลางแปลง ก็จัดหนังกลางแปลงตาม ประชาชนถาม พล.อ.ประยุทธ์เป็นไรมากไหม มีอะไรที่คิดได้เองและทำเองจนประสบความสำเร็จหรือไม่ ขนาดนโยบายหาเสียงที่เคยประกาศไว้ยังไม่สามารถทำให้สำเร็จได้เลย

“พล.อ.ประยุทธ์ อย่าดูถูกประชาชนว่าถ้าใช้สูตรหาร 500 จะทำให้ตัวเองได้กลับมาสืบทอดอำนาจต่อ รอดูการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้งได้เลย” นายอนุสรณ์ กล่าว

ส.ส.ฟปชร.กทม. ลงพื้นที่ติดตาม พอช.มอบงบช่วยเหลือไฟไหม้ชุมชนบ่อนไก่ 84 ครอบครัวๆ ละ 18,000 บาท

เว็บไซต์แนวหน้า รายงานว่าน.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยน.ส.ศศิธร เจริญสุข  ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตปทุมวัน นายกฤษฎา สมประสงค์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) เป็นประธานมอบงบประมาณโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชั่วคราวกรณีไฟไหม้ชุมชนบ่อนไก่ ที่ประสบอัคคีภัย  สำหรับการช่วยเหลือ ทางพอช. ได้มอบเงินให้ครอบครัวละ 18,000 บาท จำนวน 84 ครอบครัว เป็นเงิน 1,512,000 บาท รวมถึงร่วมบริจาคสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ที่อาคารอเนกประสงค์เคหะชุมชนบ่อนไก่

น.ส.พัชรินทร์ ยังได้ร่วมหารือถึงแนวทางร่วมกัน เพื่อจัดหาที่พักอาศัยในระยะยาว ให้ผู้ประสบภัยต่อไป โดยจะคำนึงถึงความเป็นไปได้ และความต้องการของผู้ประสบภัยด้วย รวมถึงการช่วยเหลือ  นักเรียน โรงเรียนปลูกจิต จำนวน 21 คน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งได้มีการช่วยเหลือทุนทรัพย์ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปก่อนหน้านี้แล้ว   
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net