ชี้สิ้นสุดยุค 'Venture Capital' หนุน 'Tech Start-up' ค่าบริการ-สินค้าจาก 'แฟลดฟอร์ม' จะแพงขึ้น

นักวิชาการชี้เศรษฐกิจไทยไม่พร้อมรับดอกเบี้ยขาขึ้น คาดแรงกดดันราคาพลังงานลดลง สิ้นสุดยุคกองทุนร่วมเสี่ยง Venture Capital อุดหนุน Tech Start-up จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ดันค่าบริการและสินค้าจากแฟลดฟอร์มแพงขึ้น 


ที่มาภาพประกอบ: Wikimedia Commons

10 ก.ค. 2565 รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการวิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย แจ้งต่อสื่อมวลชนกล่าวถึงกรณีทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในตลาดการเงินโลก ว่าแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางบางประเทศยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ และประเทศที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยล้วนเป็นประเทศที่มีสัญญาณของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจค่อนข้างดี อุปสงค์มวลรวมและตลาดการจ้างงานขยายตัวเพิ่มขึ้น อย่างตัวเลขล่าสุดตลาดการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ของสหรัฐอเมริกา เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 372,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สูงกว่าที่มีการคาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้นเพียง 250,000 ตำแหน่งค่อนข้างมาก อัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 3.6% ซึ่งถือว่าต่ำสำหรับสหรัฐฯ อัตราค่าจ้างรายชั่วโมงเพิ่มขึ้น 5.1% ความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยหากธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปอาจเป็นเรื่องวิตกกังวลเกินเหตุ คาดการณ์ว่าธนาคารกลางน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุม 26-27 ก.ค. นี้ โดยไม่น่าจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวถึงขั้นถดถอยแต่อย่างใด และคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯจะอยู่ที่ระดับ 3.25-3.50% ในช่วงปลายปี 

ซึ่งหากธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเลยในปีนี้ ก็จะทำให้ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยในประเทศกับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาก กระตุ้นให้เกิดเงินทุนไหลออกของเงินทุนระยะสั้นเพิ่มเติมโดยเฉพาะเม็ดเงินเก็งกำไรในตลาดการเงิน เงินบาทอ่อนค่าลงได้อีกจากระดับปัจจุบัน อัตราเงินเฟ้ออาจปรับเพิ่มได้อีก อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยไตรมาสสามและโครงสร้างหนี้ในประเทศ โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนและหนี้ของกิจการเอสเอ็มอีอยู่ในระดับสูงมาก เศรษฐกิจไทยโดยภาพรวมจึงไม่พร้อมสำหรับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ควรรอให้เห็นสัญญาณของการกระเตื้องขึ้นของเศรษฐกิจและกำลังซื้อภายในให้ชัดเจนก่อน จึงตัดสินปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไม่จำเป็นต้องกังวลเงินบาทอ่อนค่ามากเกินไป เพราะเมื่อเงินบาทอ่อนถึงจุดหนึ่งแล้ว กลไกอัตราแลกเปลี่ยนจะปรับสมดุลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากการเกินดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุลลดลงจากภาคการท่องเที่ยว ส่วนอัตราเงินเฟ้อน่าจะใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้วโดยราคาพลังงานและน้ำมันในตลาดโลกน่าจะปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาสสี่ อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ก็เท่ากับ การ Tax on economic activities ฉะนั้นถึงที่สุดแล้ว เงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน 

กรณีของไทยนั้นเฉพาะหน้าระยะสั้นนั้น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะกดทับการขยายตัวทางเศรษฐกิจรุนแรงกว่าเงินเฟ้อ เนื่องจากเป็นเงินเฟ้อที่เกิดจากต้นทุนและราคาพลังงานสูง รวมทั้งต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นอย่างมากจากสัดส่วนหนี้สินสูงเทียบจีดีพี การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจึงได้ผลในการคุมเงินเฟ้อไม่มากนัก แต่จะชะลอการกระเตื้องขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจไทยไม่พร้อมรับดอกเบี้ยขาขึ้นในไตรมาสสาม ควรชะลอขึ้นดอกเบี้ยไปปลายปี คาดแรงกดดันราคาพลังงานลดลงช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อ 

รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่าการสิ้นสุดลงของยุคดอกเบี้ยต่ำมากเป็นพิเศษเข้าสู่ดอกเบี้ยขาขึ้นและการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อในบางประเทศไม่น่าจะนำมาสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง เพียงทำให้เศรษฐกิจชะลอลงบ้างเท่านั้น แต่สิ่งที่ต้องติดตามเป็นพิเศษ คือ การปรับเพิ่มค่าบริการและสินค้าจากแฟลตฟอร์มหรือออนไลน์ต่างๆจะแพงขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากในยุคดอกเบี้ยต่ำพิเศษได้สิ้นสุดลงแล้ว ก่อนหน้านี้ บรรดา Tech Start-Up ทั้งหลายจะได้เงินลงทุนจาก กองทุนร่วมเสี่ยงจำนวนมากและมีการอุดหนุนราคาให้การให้บริการต่างๆ ถูกมากกว่าปกติเพื่อขยายฐานลูกค้า ขยายฐานรายได้ และยอมขาดทุนจากการอุดหนุนราคา ขายและให้บริการต่ำกว่าราคาตลาด สินค้าราคาถูกมากๆที่ขายทางออนไลน์จะมีให้เห็นน้อยลง จาก Online Shopping ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Amazon, Alibaba, Lazada หรือ Shopee เป็นต้น บริการราคาถูกมากๆ จากไรเดอร์ทั้งหลายใกล้ถึงจุดสิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็น Uber, Grab สินค้าขายออนไลน์ทั้งหลายรวมทั้งราคาค่าบริการทั้งหลายจะปรับเพิ่มขึ้นไปพร้อมกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ยุคเฟื่องฟูของ กองทุนร่วมเสี่ยง (Venture Capital) และบริษัท Tech Start-up รวมทั้งบริษัทธุรกิจแพลตฟอร์มต่างๆกำลังก้าวมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ นอกจากนี้ ต้นทุนจ้างแรงงานอิสระของธุรกิจแพลตฟอร์ม สูงขึ้น การจัดมาตรฐานการจ้างงาน ลูกจ้างอิสระแพลตฟอร์ม (Independent Contract worker) ให้ได้รับความเป็นธรรมในการจ้างงานรายชิ้นมากขึ้น ทำให้ต้นทุนแรงงานสูงขึ้นแต่เป็นธรรมมากขึ้น ช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจแบบกิ๊ก (Gig Economy) ทำให้ บริษัทแพลตฟอร์มเป็นอิสระจากความรับผิดชอบต่อคนงาน โดยเฉพาะคนงาน “ไรเดอร์” ที่ถูกเรียกว่าเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ หรือ พาร์ตเนอร์ (Partner) ไม่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายแรงงาน หรือ ไม่มีสวัสดิการในการทำงาน สิ่งนี้จำเป็นต้องมีการจัดระเบียบเพื่อความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ 
 
ผู้ประกอบการต่างก็หาทางใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตสินค้า บริการหรือนวัตกรรมที่เป็นสินค้าใหม่ เพื่อสร้างประโยชน์เชิงธุรกิจให้กับองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนวัตกรรมนั้นสามารถทำให้องค์กรมีกำไรจากการเป็นผู้ผูกขาด (Monopoly profit) ได้เปรียบในการแข่งขัน แต่ก็ยังมีนักลงทุนบางคนที่พยายามจะลอกเลียนแบบเทคโนโลยีของผู้อื่น หรือดัดแปลงพัฒนาต่อยอดก็ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดเวลาเช่นกัน เกิดเป็นวงจรเช่นนี้เรื่อยไป จนกระทั่งถึงจุดที่ความสามารถในการผูกขาดหมดไป ณ จุดนี้สิ่งต่างๆ จะวนกลับมาเป็นวัฏจักร เพื่อหนีการลอกเลียนแบบผู้ประกอบการเดิมหรือคนที่มองหานวัตกรรมใหม่ๆ จะทำให้เกิดรูปแบบการแข่งขันใหม่ๆ จากการคิดค้นนวัตกรรมต่างๆ นักเศรษฐศาสตร์การเมืองออสเตรีย นาม Joseph Schumpeter และ นักเศรษฐศาสตร์ชาวเยอรมัน นาม Werner Sombart เรียกว่าเป็น การทำลายที่สร้างสรรค์ (creative destruction) เมื่อมีการคิดสิ่งใหม่ๆ ทำลายสิ่งที่มีอยู่เดิม และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ โอกาสใหม่รวมทั้งโอกาสทางธุรกิจและเศรษฐกิจ ในยุคอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น การไล่กวดทางธุรกิจ คิดค้นและต่อยอดนวัตกรรมใหม่จะเกิดขึ้นในอัตราเร่ง และ มาถึง จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของ บริษัท Tech Start-Up และ การปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การลงทุนของกองทุนร่วมเสี่ยง Venture Capital แล้ว    

รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่าจากข้อมูลของ รายงาน Global Digital Report  พบว่า คนไทย 69% และล่าสุดมากกว่า 70% อยู่บนโลกออนไลน์เป็นประจำและมีพฤติกรรมออนไลน์หลายอย่างที่เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น โดยคนไทยใช้ “โซเชียลมีเดีย” เป็นช่องทางหลักในการอัพเดทข่าวเป็นอันดับต้นๆของโลกและเป็นอันดับหนึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2561 คนไทยช้อปปิ้งออนไลน์และซื้อของออนไลน์ผ่านมือถืออันดับต้นๆของโลก เศรษฐกิจไทยควรได้รับประโยชน์และโอกาสทางเศรษฐกิจและธุรกิจมากกว่านี้จากฐานตลาดที่ใหญ่ ถ้า ไทย สามารถพัฒนาแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีของตัวเอง และเก็บภาษีแพลตฟอร์มต่างชาติเพื่อนำมาส่งเสริมแพลตฟอร์มของไทยเป็นนโยบายสาธารณะที่ควรมีการศึกษาอย่างจริงจัง ระบบเศรษฐกิจที่ทำงานอยู่บนเครือข่ายอินเตอร์เนตและเทคโนโลยีดิจิทัลพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งจากการแพร่หลายของนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ด้วยเทคโนโลยี MR Mixed Reality (เป็นการผสาน VR และ AR เข้าด้วยกัน เกิดภาพที่มีมิติ เสมือนจริง เราจะสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับโลกเสมือนได้บนพื้นหลังที่เป็นสิ่งแวดล้อมจริง ผ่านอุปกรณ์อย่าง HoloLens ของ Microsoft หรือ Apple Glasses ซึ่งสามารถนำมาใช้ในกิจการศึกษาวิจัย กิจการท่องเที่ยว บริการทางแพทย์หรือกิจการบันเทิง นันทการต่างๆ) ด้วยเทคโนโลยี XR Extended Reality (เป็นการผสมความจริงเสมือน ความจริง และช่องทางการสื่อสารระหว่างคนกับเครื่องจักร รวม VR AR และ MR เข้าด้วยกัน)  อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยจะยังคงเป็นเบี้ยล่างในฐานะเป็นผู้ซื้อ ผู้ใช้ มากกว่าการเป็นผู้พัฒนาต่อยอด    

การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวนำในกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆการดำเนินกิจการต่างๆขององค์กรหรือปัจเจกบุคคล การสร้างการเติบโตทางธุรกิจ มีลักษณะเด่นอยู่ 3 ประการคือ 1. การใช้ทรัพยากรเมื่อต้องการ (Resource on Demand) ภายใต้เศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากกำลังการผลิตที่เหลือของทรัพยากรหรือสินทรัพย์ที่มีอยู่ 2. การใช้ศักยภาพของบุคลากรเมื่อต้องการ (Talent on Demand) ในรูปแบบของแรงงานอิสระ (Freelance Workforce) คำว่า “Freelance” หรือ “Freelancer” คือผู้มีอาชีพอิสระไม่ขึ้นตรงต่อหน่วยงานองค์กรใดๆ 3. การแสวงหาความรู้และข้อมูลที่จำเป็นเมื่อต้องการ (Intelligence on Demand) ลักษณะดังกล่าวจะทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจและเศรษฐกิจใหม่จำนวนมากและทำลายล้างธุรกิจและเศรษฐกิจแบบเดิมจำนวนไม่น้อยด้วยอัตราเร่งที่มากกว่าเดิม กว้างขวางกว่าเดิม โดยเฉพาะประเทศที่ไม่มีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมเหล่านี้ 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท