การยุติการลงทุนใหม่ๆ ในเชื้อเพลิงฟอสซิลและเปลี่ยนไปลงทุนกับพลังงานทางเลือกแทนทั้งหมด อาจจะสร้างงานใหม่ 300,000 ตำแหน่ง ในตุรเคียภายในปี 2573
ที่มาภาพประกอบ: Linh Do (CC BY 2.0)
16 ก.ค. 2565 การยุติการลงทุนใหม่ๆ ในเชื้อเพลิงฟอสซิลและการเปลี่ยนไปลงทุนกับพลังงานทางเลือกแทนทั้งหมด อาจจะสร้างงานใหม่ 300,000 ตำแหน่ง ในตุรเคียภายในปี 2573 ตามรายงานของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ที่เผยแพร่เมื่อช่วงเดือน มิ.ย. 2565
จากรายงาน 'Social and Employment Impacts of Climate Change and Green Economy Policies in Türkiye' ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาลในการเปลี่ยนทิศทางการลงทุนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่แหล่งพลังงานทางเลือกอื่นๆ แทน
ในรายงานระบุว่าตุรเคียสามารถเพิ่ม GDP ได้มากถึง 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี สามารถสร้างงานใหม่มาแทนที่ได้มากกว่า 300,000 ตำแหน่ง ภายในปี 2573 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง ร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับระดับ 2562 - ทั้งหมดนี้โดยการลงทุนในพลังงานทางเลือกมากกว่าที่จะพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าการลงทุนด้านพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและผลกำไรทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างงาน และดุลการค้า
ลุยซา วินตัน ผู้แทนของ UNDP ในตุรเคีย ระบุว่าการอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายด้านสภาพอากาศส่วนใหญ่มักจะมุ่งเน้นไปที่เรื่องค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ต้องแลกกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม
วินตันกล่าวว่า "แต่พลังงานสีเขียวเป็น 'สถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย' นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผู้นำของประเทศมีโอกาสดำเนินการได้อย่างเต็มที่มากขึ้นได้ในเรื่องนี้"
นูมัน ออซคาน ผู้อำนวยการสำนักงาน ILO ประจำตุรเคีย ระบุว่าการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมจะได้ผลก็ต่อเมื่อสามารถรับประกันการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมได้ โดยเฉพาะในตลาดแรงงาน
"ในมุมมองของเรา เศรษฐกิจสีเขียวอาจเป็นแบบจำลองที่ตุรเคียต้องการเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ด้านความมั่งคั่ง สู่การเป็นประเทศกลุ่มรายได้สูง" ออซคาน กล่าวพร้อมเสริมว่านโยบายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถจัดการกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ตุรเคียกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
การศึกษาในรายงานฉบับนี้ 'SINTEF' ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยอิสระจากประเทศนอร์เวย์ ได้ใช้แบบจำลองเศรษฐกิจมหภาคที่เรียกว่า 'แบบจำลองการประเมินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม' ซึ่งพัฒนาขึ้นสำหรับ ILO และจนถึงขณะนี้ได้มีการนำไปใช้ใน 15 ประเทศแล้ว
โดยในรายงานได้จำลองสถานการณ์เปรียบเทียบระหว่างการมุ่งไปตามแนวทาง 'เศรษฐกิจปกติ' กับการมุ่งไปในแนวทาง 'เศรษฐกิจสีเขียว' จากนั้นจึงเทียบผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ของการเปลี่ยนไปลงทุนในด้านพลังงานทางเลือกทั้งหมด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม แทนที่เชื้อเพลิงฟอสซิล.