'จตุพร' จับมือ 'ทนายนกเขา' แจงเหตุผลทำไมประเทศไทยต้องมาก่อน สู่ 'คณะหลอมรวมประชาชน'

'จตุพร' จับมือ 'ทนายนกเขา' แจงเหตุผลทำไมประเทศไทยต้องมาก่อน สู่ 'คณะหลอมรวมประชาชน' ลั่นต้องวางเรื่องส่วนตัว ข้ามความขัดแย้ง ให้ประเทศเดินหน้า หวั่นไทยเจอปัญหาแบบศรีลังกา ชี้ไทยเจอวิกฤต 2 เด้ง ศก.-ความมั่นคง ปลุกคนไทยตื่นมารักษาประเทศ

17 ก.ค. 2565 กลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่าวานนี้ (16 ก.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) หรือทนายนกเขา กล่าวถึงเหตุผล ทำไม ??? “ประเทศไทยต้องมาก่อน” จนนำมาสู่ “คณะหลอมรวมประชาชน” ผ่านเพจเฟสบุ๊ค “ประชาชนคนไทย (ปท.)” 

โดยนายจตุพร กล่าวว่า สถานการณ์ของประเทศไทยปัจจุบันนี้ เดินมาถึงจุดต่ำสุด แม้ช่วงก่อนหน้าจะมีความตกต่ำมากมาย แต่ปัจจุบันสถานการณ์ ของประเทศ ถ้าแต่ละคนคิดเรื่องส่วนตัวเป็นหลัก ไม่ยอมข้ามพ้นวังวนความขัดแย้ง เพราะว่าตัวเองต้องมาก่อน ความรู้สึกของตัวเอง ต้องมาก่อนผลประโยชน์ประเทศ และประชาชน เราก็จะไม่มีวันหลุดพ้น 
     
ประธาน นปช. กล่าวว่า ฉะนั้นคำว่าประเทศไทยต้องมาก่อน แปลว่าทุกอย่างที่เป็นเรื่องตัวตน ต้องวางปัญหาของตัวเองให้เล็กลง และเอาเรื่องประเทศ เป็นหลักใหญ่ ความคิดต่างๆก็จะไปข้างหน้าได้ เพราะถ้าได้กลิ่นอาย การเลือกตั้งมากเท่าไหร่ บรรดานักการเมือง ก็ต้องปลุกความขัดแย้ง เพราะความขัดแย้ง แปลงมาเป็นคะแนน ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นการปลุกให้คนรักกัน จึงเป็นเรื่องยาก

นายจตุพร กล่าวว่า การปลุกให้คนรักประเทศ จะนำพาความทุกข์ยากของประชาชน หลุดพ้นไปได้ ทั้งนี้ต้องยอมรับความจริงว่า ประเทศเดินมาถึงจุดที่ประชาชน มีความทุกข์กันมากแล้ว ถ้าทุกคนยังอยู่ในวังวนเดิม ความคิดแบบเดิม เราไม่สามารถที่จะ ฝ่าวงล้อมความทุกข์นี้ไปได้ เชื่อว่า ความทุกข์ของประชาชน จะทำให้ประชาชนเห็นเองว่า ท้ายที่สุดมีทางรอดทางเดียวเท่านั้น คือประเทศไทยต้องมาก่อน

ประธาน นปช. กล่าวว่า ประเทศของเรานั้นประชาชนถูกปั่น โดยที่บางครั้งผู้ปกครอง ไม่ต้องลงมือด้วยซ้ำ เพราะเราพร้อมที่จะขัดแย้งกันทุกเวลา ถ้าประเทศและประชาชน มีความขัดแย้ง ผู้ปกครองก็อยู่สบาย ยิ่งประชาชนขัดแย้งมาก และยากจนมาก ก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองรอด ไม่มีเวลาคิดถึงชาติบ้านเมือง ฉะนั้นตนและนายนิติธร จึงทำในสิ่งที่ยากที่สุด

นายจตุพร กล่าวว่า 1.ต้องชนะใจตัวเอง 2.ต้องอธิบายให้ฝ่ายเดียวกัน เข้าใจ เพราะเรื่องความขัดแย้ง ถ้าพูดให้คนดีกันก็ไม่มีใครสนใจ เปรียบเสมือนรถ ที่วิ่งอยู่กลางถนนคนไม่สนใจ แต่พอชนปังก็ออกมาออกันดู เราจึงคิดว่าต้องใช้ความอดทน ในทางความคิด จนกระทั่งประชาชน มีความรู้สึก ซึ่งเป็นเรื่องที่ยาก แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เรากำลังจะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้

ประธาน นปช. กล่าวว่า วันนี้ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ทำให้คนไทยจำนวนมาก ไม่สนใจภัยคุกคามจากต่างประเทศ เพราะประเทศที่ผู้คนอพยพ จะมีสภาพเหมือนเรา คือ ขัดแย้งกันเองจนกระทั่ง ให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซง โดยที่เราไม่รู้ตัว เมื่อ “คณะหลอมรวมประชาชน ประเทศไทยต้องมาก่อน” พูดถึงบริบทดังกล่าว หลายคนยังบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่หลายประเทศที่มีจุดจบ คำว่าสิ้นชาติก็เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ 
     
“ดังนั้นเป็นเรื่องที่เรา จะต้องยอมถูกดูถูกดูแคลน ถูกถ่มน้ำลายใส่ ในระหว่างทางนี้ แต่เชื่อว่าสิ่งที่เรา กำลังดำเนินการมานั้น คนก็จะเห็นตามลำดับ คนไทยส่วนหนึ่งอาจจะมีความรู้สึก ตอนที่ทุกอย่างล่มสลายไปแล้ว และรอที่จะฟื้นซึ่งมันยาก และวันนี้เราเองก็เห็นว่า ประเทศไทยมาถึงจุดต่ำสุด และกำลังจะล่มสลาย อย่าคิดว่า เหตุการณ์แบบศรีลังกา จะไม่เกิดขึ้นกับไทย” นายจตุพร กล่าว
     
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับประเด็นความรู้สึก ของประชาชน ทั้ง 2 ฝั่งนั้น เราต้องอดทนและทำใจ กับทุกคำวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเรารู้ว่าเจตนารมย์ของเราคืออะไร แม้ประชาชนจำนวนมากยังไม่เข้าใจ ปัจจุบันโซเชียลมีเดียรวดเร็ว บางครั้งประชาชนอ่านเพียงแค่พาดหัวข่าว แต่ไม่เคยอ่านเนื้อหา แล้วก็วิพากษ์วิจารณ์ไปด้วย มองแต่เฉพาะสิ่งที่ตัวเองอยากเห็น แล้วก็ไม่ยอมขยับมุม ไปมองภาพใกล้ๆ ตรงกลางว่าสถานการณ์ไปไกล ภาพชัดจริงๆคืออะไร วันหนึ่งก็จะถูกแรงบีบ ให้มาเห็นภาพโดยปริยาย

ส่วนแรงผลักดัน ที่ทำให้นายจตุพรออกมา เคลื่อนไหวร่วมกับนายนิติธรนั้น ประธาน นปช. กล่าวว่า ตนเคยพูดที่หน้า สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ว่า จุดยืนเราไม่เข้าข้างใคร ไม่ว่าจะเป็นจีนหรือสหรัฐ หรือประเทศไหนก็ตาม เราบอกว่าเราไม่ต้องการเสรีไทย เพราะเกิดขึ้นหลังจากเกิดสงครามแล้ว ฉะนั้นคณะของเราที่ว่า “มาก่อนกาล” ก็เพื่อต้องการยับยั้ง ความเสียหายอย่างร้ายแรง ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อเราเคลื่อนกันอย่างนี้ รัฐบาลก็ต้องไม่เห็นด้วยแน่ รัฐบาลหวังแน่เรื่อง ปฏิบัติการไอโอ ปฏิบัติการจิตวิทยา เป็นต้น ความจริงแล้ว แม้แต่รัฐบาลเองก็ต้องคิดว่า ต้อง “สละเรื่องของตัวเองเพื่อรักษาชาติ” ไม่ใช่ “สละชาติเพื่อรักษาตัวเอง” ไม่มีใครเป็นนายกรัฐมนตรีไปจนตาย 
     
“พล.อ.ประยุทธ์คิดว่า การอยู่ของท่าน อาจจะเพื่อองคาพยพ หรือตัวท่านเป็นประโยชน์ กับประชาชนเหมือนกัน คือ การดำรงอยู่ของพล.อ.ประยุทธ์ เท่ากับปลุกประชาชนทั้งแผ่นดิน ให้มีความคิดเดียวกัน เพราะฉะนั้นถ้าพล.อ.ประยุทธ์ คิดได้ 

เหตุการณ์ แบบศรีลังกาก็จะไม่เกิดกับไทย เพราะการอยู่ของพล.อ.ประยุทธ์ จะเกิดการรวมตัวของประชาชน ให้หลอมรวมกันโดยปริยาย โดยเอาพล.อ.ประยุทธ์เป็นปัญหา ถ้าคิดว่าตัวเองคือจักรวาล ประเทศขาดตนไม่ได้ ตรงนี้จะเป็นเหมือนที่ศรีลังกาเกิด แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์รู้จักคำว่าพอ ปัญหานี้จะเกิดยากขึ้น” นายจตุพร กล่าว 

ประธาน นปช. กล่าวว่า ความจริงไม่ใช่เฉพาะศรีลังกา แต่หลายประเทศในโลกเป็นแบบนี้ คือ การสะสมความชิงชัง และการไร้ประสิทธิภาพ ล้มเหลว รัฐบาลแก้ไขปัญหาประชาชนไม่ได้ และถ้าประชาชนพบว่า เกิดการทุจริตคอรัปชั่น ขึ้นมาอีก ท่ามกลาง ความเดือดร้อนของประชาชน คนไทยมีความรู้สึกว่า เสียอะไรก็เสียได้ ยกเว้นเสียรู้ ถ้าคนไทยรู้สึกว่า ในขณะที่เขายากลำบาก แต่มีคณะหนึ่งที่ไปเสพสุขกัน โดยไม่รู้ถึงความทุกข์ร้อนของประชาชน
      
“เราเจอ 2 วิกฤต คือ เศรษฐกิจและความมั่นคง พร้อมกัน เรื่องความมั่นคงเป็นปัจจัยภายนอกที่มาเร็ว ขณะที่เศรษฐกิจซึ่งดิ่งเหวอยู่แล้ว ก็ต้องอยู่ลึกลงไปอีก กว่าก้นเหว ถ้า 2 อย่างมาในห้วงเดียวกัน คิดว่าเรารักษาประเทศนี้ยาก ต้องลำบากพอสมควร ความจริงแล้วคนไทย มีศักยภาพแต่ตื่นยาก ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น แต่ถ้าตื่นมาแล้ว ก็จะเอาเรื่อง แต่ตื่นมาแล้วก็จะไปหลับต่อ ทำให้เราไม่พัฒนา” นายจตุพร กล่าว 
     
นายจตุพร กล่าวว่า คนไทยมีศักยภาพด้านต่างๆ ต้องหลอมรวมพลังความคิด ว่าในแต่ละมิติ ที่เป็นปัญหานั้น เราจะช่วยพาประเทศ ข้ามไปได้อย่างไร เชื่อว่าถ้าคนไทยมีโอกาสระดมความคิด โดยไม่แบ่งเขาแบ่งเรา เอาประเทศเป็นหลัก ดังนั้นตนและนายนิติธร จึงมีหน้าที่ปลุกประชาชนให้ตื่น ถ้ายังไม่ตื่น ทั้งต่างชาติและความจน อันแสนสาหัสนี้ จะทำให้ต้องตื่น 
     
ประธาน นปช. กล่าวถึงราคาพลังงาน ที่ลดลงมาในช่วงนี้ว่า เป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไร ที่ยังยืนได้เลย ดังนั้นทุกเรื่องกำลังประเดประดัง คนไทยอาจจะรู้สึกว่า เมื่อได้รับการผ่อนคลาย น้ำมันเบนซินลดลงมาแล้ว ทั้งที่ความจริงไม่ได้แก้ไขปัญหาอะไร เพราะวันหนึ่งจะกลับมา หนักกว่าเดิม 
     
นายจตุพร กล่าวว่า ประเทศไทยต้องมาก่อน คณะหลอมรวมประชาชน เป็นคณะที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน เราอยู่ในที่โล่งมาได้เลย เพราะทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ เพียงแต่ว่าเราเห็นภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น เราก็ต้องบอกกล่าว ในฐานะที่เป็นคนร่วมชาติ ร่วมแผ่นดิน และต้องการให้ประเทศเรา คงอยู่ต่อไป 

“ทนายนกเขา” ชี้ เคยเตือนเรื่อง “มาก่อนกาล” หลายเรื่อง เชื่อ “วิกฤต” ของ “ไทย” ที่ “ปชช.” เผชิญ มี “ต่างชาติ-กลุ่มทุน-ฝ่ายการเมือง-ทหาร” เอี่ยว 
     
ด้านนายนิติธร กล่าวว่า ถ้าประเทศไทยมาก่อน ผลประโยชน์ใดๆ ที่เกิดกับประเทศชาติ ประชาชนทุกคนก็จะได้เฉลี่ยเสมอกัน โดยครอบคลุมไปถึงมิติต่างประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม “ประเทศไทยต้องมาก่อน คณะหลอมรวมประชาชน” เอาความมุ่งมั่นเป็นตัวตั้ง สิ่งที่ตนทำนั้นหลายคนบอกว่า เรา “มาก่อนกาล” แตะ ทั้งเรื่องอินโดแปซิฟิก , เรื่องพลังงาน ปัญหาของประเทศเมียนม่าร์ ตนเคยพูดก่อนหน้านี้ แต่พี่น้องประชาชนก็ไม่สนใจ

“หัวใจสำคัญที่จะเกิด ความร่วมมือของภาคประชาชน อยากให้ช่วยกันคิดตาม ในสิ่งที่นายจตุพรเสนอ ว่าเป็นเรื่องใหญ่และหลากหลายปัญหา ได้มีการเคลื่อนมาก่อน และต้องทำด้วยความอดทน ถึงจะสำเร็จ และถ้าไม่สำเร็จในขณะนี้ ก็อยู่ในภาวะของการ เสียสละชาติเพื่อตัวเอง” นายนิติธร กล่าว

แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย กล่าวว่า ถ้าพล.อ.ประยุทธ์อยู่ จะเป็นคนกำหนดเลยว่าเอาอเมริกา และวิกฤตของประชาชน กับประเทศในขณะนี้ ส่วนตัวคิดว่า ปฎิเสธไม่ได้ว่า มีต่างประเทศ ,กลุ่มทุน , ฝ่ายการเมืองและมีทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง ท่ามกลาง มิติทางการเมืองและเศรษฐกิจ ที่เปลี่ยนแปลงไปวันนี้ ความซับซ้อนของปัญหามีมาก จนคิดว่าการที่ประชาชน จะเข้าถึงปัญหาเองก็ไม่ง่าย 

นายนิติธร กล่าวว่า จึงเป็นหน้าที่ของตนกับนายจตุพร และประชาชนที่จะรวบรวมสิ่งต่างๆ รวมทั้งปัญหา และเรา 2 คนยังเชื่อมั่นชีวิตจิตวิญญาณ ของประชาชนที่มีต่อประเทศ และวันนี้ประเทศนี้ก็ถูกทำลายไปเยอะ ส่วนหนึ่งมาจากแรงกดดันจากต่างชาติ หรือต่างชาติต้องการผลประโยชน์ 

แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย กล่าวว่า เมื่อประชาชนเห็นการเคลื่อนไหว ของเราแล้วจะร่วมกับเรา หรือไม่ร่วม หรืออยู่ระหว่างตัดสินใจ ก็ขอให้คิดถึงคำว่า “ประเทศไทยต้องมาก่อนตัวเอง” และเตรียมตัวเองสำหรับ การรองรับสถานการณ์ แต่ถ้าประชาชนเตรียมตัวแล้ว ออกมาร่วมกัน นั่นคือการเตรียมตัว ไปสู่การป้องกัน เพื่อไม่ให้ปัญหาต่างๆเกิดขึ้น 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท