Skip to main content
sharethis

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเผย 2 นักกิจกรรมยื่นขอให้อัยการสูงสุดถอนฟ้อง และยื่นให้ศาลแขวงดุสิตไต่สวนมูลฟ้อง ชี้คดีไม่มีมูลความผิด ตำรวจ อัยการทำสำนวนไม่เป็นธรรม หวังสร้างบรรทัดฐานใหม่การสั่งคดีการเมืองสมัยนายก 'ประยุทธ์'

23 ก.ค. 2565 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม แจ้งข่าววานนี้ (22 ก.ค.) จากกรณีที่ 'วรชาติ อหันทริก' และ 'พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ' นักกิจกรรม ได้ขอยื่นขอให้อัยการสูงสุดถอนฟ้อง และยื่นให้ศาลแขวงดุสิตไต่สวนมูลฟ้องก่อนนัดพร้อมวันที่ 15 ส.ค. 2565 เหตุว่าอัยการสูงสุดส่งหนังสือที่ อส.0032 (คธ 1)/9521 ถึง นายวรชาติ อหันทริก และหนังสือ ที่ อส.0032 (คธ 1)/9521 นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ลงวันที่ 6 ก.ค. 2565 ตอบกลับว่า “อยู่ระหว่างการพิจารณาให้ความเป็นธรรม” หนังสือลงวันที่ 6 ก.ค. 2565 ซึ่งเป็นวันหลังจากที่อัยการเจ้าของสำนวนเร่งรัดฟ้องคดีไปก่อนหน้านี้แล้วเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2565

ตามที่วรชาติและพรเพ็ญได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมลงวันที่ 10 พ.ค. 2565 ขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ที่ว่า คดีที่พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง สั่งฟ้องคดีว่านักกิจกรรมทั้งสองผิด พ.ร.บ.ความสะอาด พ.ร.บ.เครื่องเสียง และ พ.ร.บ.จราจร ไม่เป็นธรรม และไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ขอให้อัยการสูงสุดพิจารณามีคำสั่งให้ถอนฟ้องคดีได้ตามมาตรา 21 ในเหตุการณ์ที่วรชาติและพรเพ็ญได้ตอบรับเป็นวิทยากรและเข้าร่วมกิจกรรมเสวนาสาธารณะเรื่อง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายที่ข้างทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2565 แต่กลับถูกแจ้งข้อหาอาญาดังกล่าว

“การแจ้งความกล่าวโทษต่อเราทั้งสองของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อพนักงานสอบสวนและการสอบสวนโดยสน.นางเลิ้งมีลักษณะเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลที่จะใช้มาตรการในการดำเนินคดีอาญาต่อผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์หรือมีความเห็นต่างจากรัฐบาล รวมทั้งต่อผู้ที่ร้องเรียนขอความเป็นธรรมโดยการใช้สิทธิในการชุมนุมและการแสดงความคิดเห็นอันเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญและตามที่ประเทศไทยมีอยู่ภายใต้สนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน   เราทั้งสองได้ขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการเจ้าของสำนวน พนักงานอัยการก็ไม่ได้ได้ทำหน้าที่อย่างเป็นอิสระ มืออาชีพ เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด กลับเร่งที่จะนำเราทั้งสอง ส่งฟ้องต่อศาล ทำให้เราตกเป็นจำเลยในคดีอาญาอย่างไม่เป็นธรรม” พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้ต้องหาที่ 2 กล่าว

“เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2565 เราได้ทำคำร้องขอให้ศาลแขวงดุสิตไต่สวนมูลฟ้องอีกครั้งเพื่อให้ความเป็นธรรมกับเราทั้งสองด้วย ไม่ใช่เพียงเพื่อเราสองคนไม่ให้ตกเป็นจำเลยในคดีการเมืองโดยง่ายเท่านั้น แต่เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้กับคดีอาญาอื่นๆ ที่ฟ้องโดยอัยการที่เป็นทนายแผ่นดินด้วยว่าการสั่งคดีของอัยการที่ไม่เป็นธรรมกลายเป็นภาระของกระบวนการยุติธรรมทั้งกับประชาชนและศาลให้มีคดีการเมืองรกโรงรกศาลมากขึ้นนับแต่รัฐประหารปี 2557 และในยุคสมัยของนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา” พรเพ็ญ กล่าวเสริม

กรณีถูกฟ้องข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เพราะไปขายเสื้อและหนังสือในงานชุมนุม สืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว ศาลนัดฟังคำพิพากษา 13 ก.ย. 2565

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19-20 ก.ค 2565 ศาลแขวงพระนครเหนือ ได้นัดสืบพยานโจทก์และจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ.๓๔๒๕/๒๕๖๔ กรณีที่นายคุณภัทร คะชะนา อดีตอาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชน ของมูลนิธิอาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชน (มอส.) ถูกจับและแจ้งข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ด้วยเหตุจากการนำเสื้อมือสองและหนังสือไปขายในงานชุมนุม บริเวณหน้าศาลอาญา รัชดาภิเษกเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2564 โดยสืบพยานเสร็จสิ้นแล้วและศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 13 ก.ย. 2565 เวลา 9.00 น.

คดีนี้มีการสืบพยานโจทก์-จำเลยรวมทั้งสิ้น 9 ปาก โดยเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2565 ได้มีการสืบพยานโจทก์จำนวน 4 ปาก โดยประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนชุดที่เข้าจับกุมนายคุณภัทรในวันเกิดเหตุทั้งสองคน ได้ให้ข้อมูลเหตุการณ์วันเกิดเหตุตั้งแต่ได้รับคำสั่งให้จัดกำลังควบคุมฝูงชนหนึ่งกองร้อยไปจนถึงการเคลื่อนกำลังเข้าผลักดันผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งบริเวณหน้าปากซอยรัชดาภิเษก 32 จนกระทั่งมีการจับกุมคุณภัทรในเวลาต่อมา พยานอีกปากเป็นเจ้าพนักงานเขตพื้นที่จตุจักร ให้รายละเอียดประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง การสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ฉบับที่ 25 ซึ่งมีการใช้ประกาศในขณะนั้น และพยานปากสุดท้ายคือ พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน เป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พรก ฉุกเฉินต่อนายคุณภัทรในวันเกิดเหตุ

ในวันที่ 20 ก.ค. 2565 จำเลยนำพยานเข้าสืบพยานจำนวน 5 ปาก ประกอบด้วยนายคุณภัทร คะชะนา จำเลย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเจตนาที่จะไปขายเสื้อและหนังสือในงานชุมนุม และลำดับเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุโดยละเอียดพร้อม พยานปากที่สองคือพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรมซึ่งเป็นมูลนิธิที่คุณภัทรเคยทำงานด้วยเป็นเวลาหนึ่งปีขณะที่เป็นอาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชน ให้ข้อมูลลักษณะนิสัยและความสนใจของคุณภัทรที่มีความสนใจในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้พยานปากที่สองได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีการใช้กำลังรุนแรงเกินสัดส่วนอันสมควรและการใช้เสรีภาพในการชุมนุมยังเป็นหลักสิทธิมนุษยชนพื้นฐานของสังคมเสรีประชาธิปไตย พยานต่อมาเป็นมารดาของนายคุณภัทรได้ขึ้นให้การเป็นพยานปากที่สามยืนยันเรื่องการประกอบอาชีพค้าขายเสื้อมือสองและหนังสือของคุณภัทร พยานปากที่สี่ เป็นเพื่อนของนายคุณภัทรที่อยู่ด้วยในวันเกิดเหตุขณะถูกจับกุม ให้ข้อมูลลำดับเหตุการณ์ในเย็นวันเกิดเหตุเพิ่มเติมจากคุณภัทรและยืนยันว่าคุณภัทรไม่ได้กระทำการอันขัดต่อกฎหมายแต่อย่างใด พยานปากสุดท้าย เป็นเจ้าหน้าที่ที่ดูแลนายคุณภัทรและเป็นนายประกันของคุณภัทร ให้รายละเอียดลำดับเหตุการณ์ในระหว่างการสอบสวนที่สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน การสืบพยานจึงเสร็จสิ้น โดยศาลแขวงพระนครเหนือ ได้กำหนดนัดฟังคำพิพากษา วันที่ 13 กันยายน 2565 เวลา 09.00 น.

นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรมกล่าวว่า “คดีนี้เป็นอีกคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือฟ้องปิดกั้นการใช้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน และการสั่งฟ้องคดีที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนเช่นนี้ ย่อมสร้างความยุ่งยากและภาระให้กับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวของจำเลยเอง ย่อมทำให้จำเลยต้องได้รับความลำบากยิ่งขึ้นอีกด้วย คดีเช่นนี้พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการควรทำสำนวนคดีโดยละเอียดรอบด้าน คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นหลักการสำคัญ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดหรือให้รัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินคดีกับผู้เห็นต่างทางการเมืองและประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน เช่นคดีนี้จำเลยได้ใช้สิทธิเสรีภาพของตนในการทำมาหาเลี้ยงชีพเท่านั้น”

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนให้สื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจ ติดตามนัดฟังคำพิพากษาในคดีนี้ตามวันและเวลาดังกล่าว เพื่อติดตามว่านายคุณภัทร คะชะนาจะได้รับความเป็นธรรมที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการประกอบอาชีพอย่างสุจริตหรือไม่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net