Summary
- อัตราการว่างงานในเขตเมืองของคนหนุ่มสาวจีนแตะระดับระดับสูงสุดตั้งแต่เก็บข้อมูลมา ที่ 18.2% ในเดือน เม.ย. 2565
- การระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุดในจีน ทำให้คนหนุ่มสาวว่างงานเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการล็อกดาวน์และการปิดภาคการผลิต ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงส่งผลต่อความต้องการแรงงานลดลง
- แต่ระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาของจีนยังคงผลิตบัณฑิตออกมาจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดแรงงานและปัญหาเชิงโครงสร้างอื่นๆ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น
จีนจะมีผู้สำเร็จการศึกษาใหม่มากเป็นประวัติการณ์ในช่วงฤดูร้อนปีนี้ และพวกเขาก็หางานยากที่สุดในรอบหลายสิบปี เนื่องจากเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับหลายปัจจัยรุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นมาตรการจำกัดการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบหนักต่อเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวอยู่แล้วเนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซา รวมทั้งความกังวลด้านการเมืองระหว่างประเทศ นอกจากนี้จีนก็เพิ่งใช้ระเบียบอันเข้มงวดกับธุรกิจเทคโนโลยี การศึกษา และอีกหลายด้านที่มีการจ้างงานคนหนุ่มสาวจำนวนมาก
ผู้บริหารบริษัทจัดหางานแห่งหนึ่งเผยว่าตลาดแรงงานปีนี้ตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่เขาอยู่ในสายงานนี้มาร่วม 20 ปี และแย่กว่าช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลกปี 2551-2552 เสียอีก โดยคาดว่าปี 2565 นี้จะมีการจ้างงานใหม่น้อยกว่าปีก่อนร้อยละ 20-30 ขณะที่เงินเดือนก็มีแนวโน้มจะน้อยลงร้อยละ 6.2
อัตราการว่างงานในเขตเมืองของคนหนุ่มสาวจีนพุ่งสูงขึ้น
China Labour Bulletin (CLB) สื่อที่จับตาประเด็นแรงงานในจีน ชี้ว่าอัตราการว่างงานในเขตเมืองของจีนเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 6.1 ในเดือน พ.ค. 2565 ซึ่งใกล้เคียงอัตราที่บันทึกไว้ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ครั้งแรกเมื่อช่วงปี 2563 ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ อัตราการว่างงานในเขตเมืองของคนหนุ่มสาวที่มีอายุ 16-24 ปี นั้นสูงเป็นพิเศษ โดยแตะที่ระดับ ร้อยละ 18.2 ในเดือน เม.ย. 2565 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดตั้งแต่จีนเก็บข้อมูลอัตราการว่างงานในเขตเมือง
โดยปกติแล้วอัตราการว่างงานของคนหนุ่มสาวจะสูงขึ้นทุกปีช่วงสำเร็จการศึกษาในเดือน ก.ค.-ส.ค. ซึ่งในปี 2565 นี้มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นกว่าปกติเมื่อเทียบกับทุกๆ ปี
การระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุดในจีนเมื่อช่วงต้นปี 2565 ได้ทำให้คนหนุ่มสาวว่างงานเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการล็อกดาวน์และการปิดภาคการผลิตในโรงงาน ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงส่งผลต่อความต้องการแรงงานลดลง นอกจากนี้ระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษายังคงผลิตบัณฑิตจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดแรงงานและปัญหาเชิงโครงสร้างอื่นๆ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น
สื่อออนไลน์ Jiemian ได้สัมภาษณ์บัณฑิตหญิงจบใหม่รายหนึ่ง เกี่ยวกับการหางานที่ยากลำบาก เธอกล่าวว่า "ฉันคิดว่าคุณจะมีทางเลือกก็ต่อเมื่อคุณมีทรัพยากร ถ้าคุณไม่มีทรัพยากรคุณก็แค่พยายามให้ถึงที่สุดและใช้สิ่งที่คุณได้รับมาก็เท่านั้น"
การก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานของบัณฑิตจบใหม่
จำนวนผู้สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในจีนเพิ่มสูงขึ้นมาเป็นเวลากว่าทศวรรษ และคาดว่าจะสูงถึง 10.76 ล้านคน ในปี 2565 นี้ ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 10 ปี
ข้อมูลจาก World Education Services ระบุว่าตั้งแต่ปี 2543 จีนมีจำนวนนักศึกษาเพิ่มขึ้นจาก 7.4 ล้านคน เป็นเกือบ 45 ล้านคนในปี 2559 ส่วนการศึกษาอีกหนึ่งฉบับจากมหาวิทยาลัย Georgetown University ระบุว่า ภายในปี 2568 จีนจะผลิตนักศึกษาที่มีปริญญาขั้นสูงในสาขาวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์ มากกว่าสหรัฐฯ เกือบ 2 เท่าในแต่ละปี
แต่ปัจจุบันผู้จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย มีสัดส่วนคิดเป็น 2 ใน 3 ของจำนวนผู้หางานทั้งหมดในตลาดแรงงาน ช่องว่างระหว่างนักศึกษาที่จบการศึกษาและการหางานแรกเริ่มกลายเป็นประเด็นที่เด่นชัดมากขึ้น
ความล่าช้าในการ 'ได้งานแรก' ของบัณฑิตจบใหม่ มีผลสะสมต่อจำนวนผู้ว่างงาน จากข่าวสืบสวนที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ The Paper พบว่าจำนวนการสมัครงานของผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปมีสูงถึง 4.57 ล้านครั้ง ในปี 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 800,000 ครั้ง เมื่อเทียบกับปี 2564 (หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 21) และเมื่อเทียบกับตัวเลขปี 2560 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นถึง 1.27 เท่า
นักศึกษาจบใหม่หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจในโอกาสที่จะได้รับการจ้างงาน และเชื่อว่าพวกเขาไม่สามารถได้งานตามที่หวังด้วยวุฒิการศึกษาปริญญาตรี พวกเขายังไม่เต็มใจที่จะทำงานใช้แรงงานที่มีทักษะน้อย หรือทำงานในตำแหน่งที่พวกเขามีศักยภาพแข่งขันได้น้อยกว่าคนอื่นๆ ตัวอย่างเช่น บัณฑิตแพทย์เกือบทั้งหมดเข้าเรียนต่อระดับปริญญาโทโดยทันที เพื่อแข่งขันที่จะได้ทำงานในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ รวมทั้งพยายามหลีกเลี่ยงการทำงานในโรงพยาบาลระดับท้องถิ่น เป็นต้น
การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดงาน
ลักษณะการแข่งขันที่รุนแรงของตลาดแรงงานจีน ทำให้คนหนุ่มสาวจำนวนมากต้องเผชิญกับช่องว่างระหว่างเวลาที่พวกเขาสำเร็จการศึกษากับการได้งานทำที่แรก ตัวอย่างเช่น ผู้สำเร็จการศึกษาที่ไม่มีประสบการณ์ฝึกงานในบริษัทขนาดใหญ่พบว่าเป็นการยากที่จะหางานทำในอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต อิเล็กทรอนิกส์ หรือการสื่อสาร เป็นต้น
รายงานของ Jiemian ยังระบุว่าบัณฑิตหญิงจบใหม่รายหนึ่งพบว่าเหล่าบริษัทที่เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตไม่ได้มองหาผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ เธอจึงต้องมองไปยังการหางานฝ่ายปฏิบัติการด้านสื่อ ฝ่ายปฏิบัติการผลิตภัณฑ์ ฝ่ายการวางแผนงานอีเวนต์ และฝ่ายการตลาดของแบรนด์ แทนที่ตำแหน่งงานในบริษัทอินเทอร์เน็ต เธอส่งเรซูเม่ไปมากกว่า 100 เรซูเม่ แต่กลับได้รับคำตอบสัมภาษณ์จากบริษัทประมาณ 10 แห่งเท่านั้น
กฎระเบียบที่เข้มงวดของอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต การศึกษา และอสังหาริมทรัพย์นำไปสู่การเลิกจ้างจำนวนมาก ผู้สำเร็จการศึกษาสมัครรับตำแหน่งในภาครัฐและรัฐวิสาหกิจมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับปี 2558 พบว่าผู้สำเร็จการศึกษาที่ประสงค์จะรับราชการเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 5.3 เป็น ร้อยละ 12.4 ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 13.7 เป็น ร้อยละ 16.7 ส่วนผู้สำเร็จการศึกษาที่ใฝ่หาอาชีพในบริษัทข้ามชาติก็ลดลงจาก ร้อยละ 36 เป็น ร้อยละ 14.4 และผู้ที่ต้องการเข้าร่วมองค์กรเอกชนลดลงจาก ร้อยละ 4.7 เป็น ร้อยละ 4.1
แต่การแข่งขันสำหรับงานในภาครัฐนั้นดุเดือดเช่นกัน China News Service พบว่าตั้งแต่ปี 2552 จำนวนผู้สมัครสอบตำแหน่งงานในภาคบริการสาธารณะแห่งชาติเกิน 1 ล้านคน มาเป็นเวลา 14 ปี ติดต่อกัน และจะเกิน 2 ล้านคนในปี 2565 นี้ โดยจะคัดเลือกเพียง 31,200 คน ซึ่งหมายความว่าจากผู้สอบแข่งขัน 68 คน จะมีการคัดเลือกเพียง 1 คน เท่านั้น
ในปี 2559 ผู้สมัครสอบคุณวุฒิครูอยู่ที่ 2.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.1 ล้านคน ในปี 2560 และ 9 ล้านคน ในปี 2562 การฝึกอบรมครูได้กลายเป็นวิชาเอกที่ได้รับความนิยม ในปี 2561 นักศึกษา ร้อยละ 18.3 ที่ทำคะแนนในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ สมัครเข้ารับการฝึกอบรมครู สัดส่วนนี้เพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 33.4 ในปี 2562
การจ้างงานที่ยืดหยุ่นและไม่มั่นคงเพิ่มขึ้น
การเพิ่มขึ้นของผู้สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่เพิ่มมากขึ้นได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดงาน จากการศึกษาอัตราการจ้างงานคนหนุ่มสาวอายุ 16-34 ปี ในปี 2554-2562 พบว่าสัดส่วนผู้ว่างงานในเมือง ร้อยละ 50 คือคนหนุ่มสาว โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่ไม่ได้รับการศึกษาสูงหรือเพิ่งจบการศึกษามาหมาดๆ จะหางานทำได้ยากที่สุด
แม้อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นในหมู่บัณฑิตจบใหม่เป็นจะปรากฏการณ์ระยะสั้น แต่ทว่าว่าจะมีผลกระทบในระยะยาว การว่างงานระยะสั้นกำลังเพิ่มขึ้นในเมืองต่างๆ ทั่วประเทศจีน มากกว่า 2 ใน 3 ของผู้ว่างงาน จะได้งานทำหลังจากผ่านไป 1-3 เดือน และน้อยกว่า ร้อยละ 20 ของพวกเขาจะว่างงานนานกว่า 6 เดือน สัดส่วนของคนหนุ่มสาวอายุระหว่าง 16-24 ปี ที่หางานไม่ได้หลังจากสำเร็จการศึกษายังคงอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ผู้ที่มีอายุ 25 ปี ขึ้นไปมีแนวโน้มที่จะว่างงานเนื่องจากทางเลือกส่วนตัวมากกว่า
ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย อยู่ในรูปแบบ 'การจ้างงานที่ยืดหยุ่น' ถึง ร้อยละ 17 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การสำรวจของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง พบว่าผู้สำเร็จการศึกษาที่ทำงานในอุตสาหกรรมศิลปะและวัฒนธรรม มีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะถูกจ้างงานแบบยืดหยุ่น ตัวอย่างเช่น กว่าร้อยละ 30 ของผู้สำเร็จการศึกษาล่าสุดจากโรงเรียนดนตรี ละคร และการสื่อสาร ต้องทำงานเป็นฟรีแลนซ์หลังจากสำเร็จการศึกษา
ภาครัฐรับมือวิกฤตการว่างงานของคนรุ่นใหม่อย่างไร
เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2565 รัฐบาลจีนได้ออกประกาศเกี่ยวกับ 'การปรับปรุงการจ้างงานและการเป็นผู้ประกอบการสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยและเยาวชนอื่นๆ' นอกจากนี้รัฐบาลท้องถิ่นต่างๆ ก็ได้ออกนโยบายเพื่อส่งเสริมการจ้างงานคนหนุ่มสาว ซึ่ง CLB ชื่นชมว่าเซี่ยงไฮ้ถือเป็นตัวอย่างที่โดดเด่น
คณะกรรมการการศึกษาในเขตเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้และหน่วยงานอื่นๆ อีก 11 แห่ง กำหนดให้รัฐวิสาหกิจต้องเปิดรับผู้สมัครงานใหม่สัดส่วนอย่างน้อย ร้อยละ 50 เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย บริษัทที่จ้างผู้สำเร็จการศึกษาจะได้รับการลดหย่อนภาษี 7,800 หยวนต่อ 1 คน ภายในระยะเวลา 3 ปี และเงินประกันสังคมของพนักงานจะได้รับเงินอุดหนุน ร้อยละ 50 นอกจากนี้เซี่ยงไฮ้ยังผลักดันให้โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ตลอดจนโรงเรียนอนุบาล รับนักศึกษาจบใหม่มาทำงานเพิ่มขึ้น
เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2565 เซี่ยงไฮ้ได้ออกแผนปฏิบัติการเพื่อเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเสนอเงินช่วยเหลือการจ้างงานครั้งเดียว 2,000 หยวนต่อ 1 คน สำหรับนายจ้างที่คัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาในปี 2565 เข้าทำงานในสถานประกอบการและให้สัญญาจ้างงานแก่พวกเขาเป็นเวลา 1 ปีหรือนานกว่านั้น
เซี่ยงไฮ้ยังให้เงินอุดหนุนการประกอบอาชีพส่วนตัว รวมถึงการละเว้นภาษีภายในระยะเวลา 3 ปี และให้เงินอุดหนุนแบบครั้งเดียวสำหรับผู้เริ่มก่อตั้งธุรกิจครั้งแรก ทั้งนี้มีข้อมูลชี้ว่าสัดส่วนของผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเฉพาะทาง ที่ใฝ่หาอาชีพอิสระหรือผู้ประกอบการนั้นสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ แต่ในภาพรวมแล้วผู้สำเร็จการศึกษาที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจเป็นของตัวเองกลับมีแนวโน้มลดลง
การว่างงานของคนหนุ่มสาวเป็นปัญหาระยะยาว
บริษัทในภาคส่วนใหม่ๆ เช่น ภาคการผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) ยานพาหนะที่ใช้พลังงานทางเลือก และชีววิทยาทางการแพทย์ ต้องการผู้มีความสามารถด้านเทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้น แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าภาคส่วนเหล่านี้สามารถดูดซับแรงงานจำนวนมหาศาลจากระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาได้หรือไม่ แม้ภาคธุรกิจใหม่เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะใช้เงินทุนมากขึ้นแต่กระนั้นกลับมีความต้องการแรงงานที่ลดลง
สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในจีนที่กำลังเผชิญกับการว่างงาน และปัญหาช่องว่างในการจ้างงาน ผลกระทบของปัญหาเหล่านี้อาจขยายออกไปเกินกว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว รวมทั้งอาจเพิ่มความไม่เท่าเทียมกันในระยะยาว การวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในปี 2551 เผยให้เห็นว่าผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ กลับยังเป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบอยู่ แม้ว่าในภาพรวมภาวะว่างงานจะลดลงและตลาดแรงงานจะฟื้นตัวในอีก 15 ปีต่อมาก็ตาม
สำหรับคนหนุ่มสาวจีน ไม่ว่าสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโควิด-19 จะยุติลงอนาคตอันใกล้หรือไม่ เศรษฐกิจของจีนจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหรือไม่ และนโยบายอย่างเป็นทางการสามารถเพิ่มอัตราการจ้างงานคนหนุ่มสาวได้หรือไม่ แต่ปัญหานี้และแนวทางแก้ไขใดๆ ที่ตามมาย่อมจะส่งผลกระทบต่อมิติความสำคัญอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งหมายรวมถึงการบริโภคภายในประเทศ อัตราการเกิด และสเถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในระยะยาว.
ที่มา
High unemployment rate indicates bleak job prospects for university graduates (China Labour Bulletin, 14 June 2022)
เด็กจีนจบใหม่หางานยากที่สุดในรอบหลายสิบปี (สำนักข่าวไทย, 23 มิถุนายน 2565)