จากบทสัมภาษณ์ไรเดอร์คนหนึ่งเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน เวลา 15.00 น.
"วันนี้น้องไม่ได้ไปเรียนเหรอ"
"หยุดมาสองวันแล้วครับ ติดค่างวดรถไว้สองงวด" [1]
หนุ่มน้อยผิวคล้ำ หน้าตาหล่อแบบคนภาคกลางลุ่มน้ำเจ้าพระยา อ่อนโยน สุภาพ พูดน้อย มีรอยยิ้มเสมอ มองโลกแง่ดี เขาเป็นไรเดอร์หนุ่มที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย อยู่สายอาชีพระดับ ปวส. สาขาคอมพิวเตอร์
เขามีความฝันที่จะเป็น "จูนเนอร์" ปรับแต่งรถ แต่ค่าเรียนคอร์สสั้นๆ ราว 10,000 บาท เขาจึงยังไม่ได้ลงเรียน
ในการขับรถส่งอาหารไปด้วยเรียนไปด้วย เขามีวิธีทำงานแบบชัดเจนคือไม่ต้องการจำนวนรอบที่มากในแต่ละวัน แต่มองไปที่งานที่มีค่ารอบสูงแม้ระยะทางจะไกลก็ตาม
เขาบอกว่า เขาเคยขับไปไกลถึงสมุทรปราการ จากย่านกลางเมืองกรุงเทพ หรือไปเกือบถึงอยุธยา วิ่งไปกว่า 50 กิโลเมตร หรือได้ค่ารอบ 500 บาทก็เคยมี
แม้บ้านพักของเขาอยู่ชานเมืองใกล้กับโรงเรียนแต่เขาเลือกที่จะขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่งไปรับงานใจกลางเมือง เช่น ย่านอโศก สุขุมวิท เป็นประจำ โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เขาจะวิ่งรถรับงานวันละกว่า10 ชั่วโมง ส่วนวันเรียน หลังเลิกเรียน เขาก็จะวิ่งรับงานวันละ 4-5 ชั่วโมง
ด้วยความมุ่งมั่นในการทำงาน เขาบอกว่า บางวันวิ่งรับงานจนไม่ได้กินข้าวทั้งวันก็มี
"บางครั้งถ้าหิวมากก็แวะเซเว่น ครับ"
วันหนึ่ง ระหว่างที่เขาขับรถมอเตอร์ไซค์ในย่านชานเมืองจากถนนใหญ่เลี้ยวเข้าสู่เข้าถนนสองเลนย่านที่พักอาศัยในยามเย็นจากการทำงานยาวนานตลอดวัน รถอีแต๋นลงสะพานพุ่งเข้าชน เขาบาดเจ็บสาหัส เขาแน่นิ่งอยู่บนถนน จนรถกู้ภัยมารับไปโรงพยาบาลย่านใกล้เคียง
เขานอนอยู่ห้องไอซียูหนึ่งสัปดาห์ ใส่ท่อช่วยหายใจ และสายระโยงระยางแทบทั้งตัว
"ผมรู้สึกตัว แต่หลอนไปหมดเลยครับ"
หมอบอกว่า เขามีโอกาสรอดน้อยมาก แม่ของเขาเล่าให้เขาฟังหลังจากที่เขารู้สึกตัว
เขาเปิดแผลผ่าตัดให้เราดูรอยตะขาบตัวใหญ่ยาวจากสะดือถึงหน้าอก เขาถูกตัดไตและม้ามออกไปอย่างละข้าง ด้วยวัยเพียง 18 ปี เขาเหลืออวัยวะทั้งสองอยู่ข้างเดียว
"ผมกินจืดตลอดครับ กลัวอายุไม่ยืน"
เมื่อเราถามว่า อยากจะฝากอะไรถึงบริษัทบ้าง เขานิ่งไปทีแรกก็บอกว่า ไม่มีอะไรครับ ดีอยู่แล้ว แต่สุดท้ายเขาบอกว่า "เพิ่มค่ารอบสักนิดก็ดีครับ"
เมื่อเราถามว่า อยากจะฝากอะไรถึงผู้บริโภคบ้าง เขาตอบเบาๆ นิ่งๆ ยิ้มๆ ว่า "ขอให้อย่าปักหมุดผิดครับ" เขาขอแค่นั้น แค่นั้นจริงๆ ... [2]
อ้างอิง
[1] ผู้ประสบอุบัติเหตุเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยใช้ประกันอุบัติเหตุของเขาเองที่สมัครพร้อมกับการเปิดบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง เขาเข้ารับการรักษาตัวและฟักฟื้นราว 2 เดือน แล้วกลับมาทำงานเป็นไรเดอร์อีกครั้งจากความจำเป็นทางเศรษฐกิจรวมถึงในวันที่ให้สัมภาษณ์
[2] ตัวอย่างในมุมของผู้บริโภค ในปี 2020 จากเหตุการณ์การเสียชีวิตของคนงานขนส่งอาหารและส่งของจำนวน 14 คนในเกาหลีใต้จากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับจากการทำงานหนักเกินไป (overwork) หลายคนทำงานหนักในชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานต่อเนื่อง ในช่วงโควิด 19 ซึ่งผู้บริโภคสั่งออร์เดอร์เพิ่มขึ้นมาก สาเหตุของการเสียชีวิตจากการทำงานหนัก ภาษาเกาหลีใช้คำว่า "kwarosa" สำหรับการเสียชีวิตเฉียบพลัน เช่น จากหัวใจล้มเหลว หรือเส้นเลือดสมองแตก
การเสียชีวิตของคนงานทำให้เกิดการณรงค์และเผยแพร่ข้อมูลนี้ สหภาพแรงงานในเกาหลีใต้เข้ามามีบทบาทในการรณรงค์เคลื่อนไหวและเกิดการรณรงค์ในหมู่ผู้บริโภค
ตัวอย่างเช่น หน้าต่างอพาร์ทเม้นท์บางแห่ง มีโน๊ตเขียนว่า “ ถึง พนักงานส่งอาหาร มันโอเคที่จะส่งถึงช้า” ในอพาร์ทเม้นต์บางแห่ง ผู้บริโภคเข้ามาพูดคุยและยื่นกาแฟร้อนและอาหารว่างให้กับพนักงานส่งอาหารส่งของ และเกิดแฮชแท็กในโซเชี่ยลมีเดียขึ้น เช่น #it_is_ok_to_be_late, (มันโอเคที่จะส่งถึงช้า) #Thankyoudeliverymen (ขอบคุณพนักงานส่งอาหารและส่งของ) หรือ #weneedtostopthedeathofdeliverymen (เราจำเป็นต้องหยุดการตายของพนักงานส่งอาหารส่งของ) เป็นต้น
เรียบเรียงและสรุปจาก 'I thought maybe I would die': S Korea's delivery drivers demand change” Laura Bicker, BBC News, Seoul, 3 November 2020 https://www.bbc.com/news/world-asia-54775719
และ “Delivery Workers in South Korea Say They’re Dying of ‘Overwork’” Choe Sang-Hun, The New York Times, Dec. 15, 2020
https://www.nytimes.com/2020/12/15/world/asia/korea-couriers-dead-overwork.html
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)