วิปฝ่ายค้านเผยเตรียมยื่น 'ชวน' ชงศาล รธน.ตีความ 8 ปี 'ประยุทธ์'

วิปฝ่ายค้านเผยเตรียมยื่น 'ชวน' ชงศาล รธน.ตีความ ปมนายก​ 8 ปี 17 ส.ค. 2565 นี้ แนบคำร้องขอศาลสั่ง 'ประยุทธ์' หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที - 'ณัฐวุฒิ' ถาม 'ประยุทธ์' ขยี้ปม 8 ปี คิดว่าตัวเองเป็นนายกมากี่ปี - อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชี้ตีความวาระ 8 ปีนายก มีความเห็น 3 ทาง

13 ส.ค. 2565 มติชนออนไลน์ รายงานว่านายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 17 ส.ค. 2565 ว่าพรรค พท. จะประชุมพรรคในวันอังคารที่ 16 ส.ค.นี้ และจะเปิดให้ ส.ส.ร่วมเซ็นชื่อด้วย จากนั้นพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะนำคำร้องยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ วันที่ 17 สิงหาคมตามที่กำหนดไว้

เมื่อถามว่า ในคำร้องจะเขียนรายละเอียดให้มีน้ำหนัก และให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่าเราจะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที และจะระบุเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ ประกอบความเห็นของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ไปด้วย การวินิจฉัยเรื่องนี้ไม่ยากเลย เพราะเป็นข้อเท็จจริงทางกฎหมาย

เมื่อถามว่ามีแนวโน้มที่จะยุบสภาก่อนวันที่ 24 ส.ค. 2565 หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่าตนคิดว่าไม่น่าจะชิงยุบสภาและมีแนวโน้มเกิดขึ้นได้น้อย ทั้งนี้ต่อให้นายกฯ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เขาก็สามารถตั้งคนอื่นมาทำหน้าที่แทนได้

“แม้แนวโน้มการยุบสภาอาจจะเกิดขึ้นได้น้อย แต่ว่าเมืองไทย ผมไม่อยากวิเคราะห์การเมืองยาว เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไอ้ที่เราไม่คิดมันก็เกิด อย่างเช่น หาร 500 เราคิดว่ามันจบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. มันก็ยังไม่จบ เพราะประธานรัฐสภายังนัดประชุมวันที่ 15 ส.ค. อีก เราก็ยังงง อะไรที่ไม่ควรเกิดก็เกิด อะไรที่ควรเกิดก็ดันไม่เกิด นี่คือการเมืองไทย ดังนั้นจึงต้องรอดูกันไป” นายสมคิด กล่าว

ด้าน นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ มติชนออนไลน์ ถึงการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 17 ส.ค. ว่าขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านยังคงหารือเพื่อรวบรวมความเห็นและเขียนคำร้อง โดยยังคาดว่าจะเสร็จทัน 17 สิงหาคมนี้ เพื่อยื่นก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีในวันที่ 23 ส.ค. นี้ เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะเราไม่ต้องการให้เกิดเงื่อนไขจนส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และการใช้งบประมาณต่างๆ

เมื่อถามว่าคาดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาวินิจฉัยเท่าใด นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นทางกฎหมาย ไม่ใช่ประเด็นทางข้อเท็จจริงเหมือนกรณีอื่นๆ หากศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าคำร้องครบถ้วน และสมบูรณ์คงจะออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวได้เลย ส่วนการพิจารณาตามข้อกฎหมายที่มีรายละเอียดต่างๆ นั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านจะใส่บันทึกเจตนารมณ์ของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ถูกเปิดเผยมาในช่วงนี้ลงไปในคำร้องด้วย เช่น ความเห็นของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และนายสุพจน์ ไข่มุกด์ อดีตรองประธาน กรธ.คนที่ 1 เราจึงคาดว่าศาลรัฐธรรมนูญน่าจะใช้เวลาพิจารณาวินิจฉัยไม่เกิน 1 เดือน เพราะหากใช้เวลาการพิจารณานาน จะส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน

“ประเด็นการตีความการสืบทอดอำนาจอาจจะไม่ได้จบภายในเดือน ส.ค. หากนายกฯ ยังอยู่ในตำแหน่งต่อ แต่ระเบิดเวลาอาจจะเกิดขึ้นได้หากไม่ลาออกจากตำแหน่งตามเวลาที่เหมาะสม และถ้าศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เป็นหลักการโดยทั่วไป ก็อาจจะนำไปสู่ชนวนความขัดแย้งได้” นายณัฐวุฒิกล่าว

'ณัฐวุฒิ' ถาม 'ประยุทธ์' ขยี้ปม 8 ปี คิดว่าตัวเองเป็นนายกมากี่ปี

Voice online รายงานว่าณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความถามตรง ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ซึ่งเป็นประเด้นร้อนที่หลายฝ่ายจับตา โดยระบุเนื้อหาไว้ดังนี้ ประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งดำรงตำแหน่งได้ถึง 8 ปี และมีเพียงพรรคการเมืองเดียวที่ชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล แล้วก็ชนะอีกในครั้งถัดมา เป็นรัฐบาลต่อเนื่อง บางสมัยได้ที่นั่งเกินครึ่ง ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ คือพรรคไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทย

ถ้าไม่มีรัฐประหาร 2549 ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นนายกฯเลือกตั้งคนแรกที่อยู่ครบ 8 ปี และอาจอยู่ต่อได้มากกว่านั้น หรือถ้าไม่มีรัฐประหาร 2557 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็อาจเป็นนายกฯ 8 ปีได้เช่นกัน การบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ห้ามนายกฯดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี แล้วมีนักกฎหมายบางส่วนอ้างว่า ช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯจากการรัฐประหาร คือคนละเรื่องกับนายกฯตามรัฐธรรมนูญ 60 เอามานับรวมไม่ได้ ก็ชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่”กฎหมาย” แต่เป็นการ”กดหัว” ที่เขียนไว้ใช้กับบางฝ่ายเท่านั้น

ณัฐวุฒิ ยกตัวอย่างว่าสมมติคราวหน้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ แล้วส่งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเคยเป็นนายกฯไม่ถึง 3 เดือน ขึ้นดำรงตำแหน่ง วิญญูชนทั้งหลายคิดว่าหากมีการนับวาระจะรวมเวลา 3 เดือนนั้นในระยะเวลา 8 ปีหรือไม่

“หรือสมมติให้หนักขึ้น ถ้าดร.ทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมาเป็นนายกฯได้ คิดว่าการนับวาระจะเป็นอย่างไร ผมฟันธงว่าที่เป็นมาแล้วจะถูกนับรวม และอยู่ได้ไม่เกิน 8 ปี”

ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ชี้ว่าความกลับกลอก ตะแบงช่วยพล.อ.ประยุทธ์ โดยไม่สนใจความรู้สึกของประชาชน บางคนไม่สนแม้กระทั่งคำพูดในอดีตของตัวเอง เป็นเพราะตอนเขียนคงไม่นึกว่าจะอยู่นานขนาดนี้ หรือถ้าอยู่ต่อจริง ยังมีศาลรัฐธรรมนูญคอยวินิจฉัยอีกที

ถ้าเจตนารมย์คือการป้องกันการสืบทอดอำนาจ ซึ่งอาจนำไปสู่วิกฤติ กรณีนี้ต้องใช้กับพล.อ.ประยุทธ์ อย่างเคร่งครัดที่สุด เพราะรัฐบาลปัจจุบันคือการสืบทอดอำนาจเผด็จการ และบ้านเมืองกำลังวิกฤตทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม

“ผมเคยพูดไว้ว่ากลุ่มคนที่มาร่างรัฐธรรมนูญให้เผด็จการไม่ใช่นักกฎหมาย แต่คือผู้รับเหมาทำงานตามสั่ง จะเกิดวิกฤตสูญเสียอะไรข้างหน้าไม่สนใจ ไม่รับผิดชอบ จึงไม่ขอตั้งคำถามต่อคนกลุ่มนี้ แต่ขอถามตรงๆถึงผู้กำลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดว่าตัวเองเป็นนายกฯมาแล้วกี่ปีครับ” ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ทิ้งท้าย

อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชี้ตีความวาระ 8 ปีนายก มีความเห็น 3 ทาง

มติชนออนไลน์ ได้อ้างรายงานจากรายการ คมชัดลึก ระบุว่านายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็นเรื่องศาลรัฐธรรมนูญตีความวาระ 8 ปีนายกฯ ว่ามีความเห็น 3 ทาง กลุ่มแรก อ่านมาตรา 158 วรรค 4 ของรัฐธรรมนูญแล้วเห็นว่าต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2557 ที่รับเป็นนายกรัฐมนตรี เท่ากับดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีแล้ว แต่ตนได้ฟังความเห็นตรงข้าม ท่านเห็นว่าการอ่านกฎหมาย จะอ่านวรรคเดียวไม่ได้ ต้องอ่านทั้งมาตราและทั้งบทบัญญัติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย หากอ่านทุกวรรค จะมีความเห็นตรงข้าม เพราะตามวรรคสอง ของมาตรา 158 กำหนดให้นายกฯ ต้องมาจากสภาผู้แทนฯ และตามวรรคสามนายกฯ ต้องได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯโดยประธานสภาลงนามรับสนอง หากอ่านบริบททั้งมาตรา ต้องเริ่มนับตั้งได้รับโปรดเกล้า ตามมาตรา 158 วรรคสอง ประกอบวรรคสาม ซึ่งมีการโปรดเกล้าฯตามมาตรา 158 ในวันที่ 9 มิ.ย. 2562 ซึ่งจะไปครบ 8 ปี ในวันที่ 8 มิ.ย. 2570

นายจรัญยังกล่าวว่าทางที่สาม หากอ่านบทเฉพาะกาล มาตรา 264 วรรคหนึ่ง ให้ ครม.ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนใช้รัฐธรรมนูญนี้ มีฐานะเป็น ครม.ตามรัฐธรรมนูญนี้ เท่ากับบอกว่า ครม.ก่อนหน้ารัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ใช่ ครม.ตามรัฐธรรมนูญนี้ แต่เพราะบทเฉพาะกาลมายกเว้น ให้ถือว่าเป็น ครม.ตามรัฐธรรมนูญนี้ บทเฉพาะกาลเป็นข้อยกเว้นบทบัญญัติหลัก ดังนั้น ถือว่าทั้งนายกฯและ ครม. เป็นนายกฯและ ครม. มาตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2560 อันเป็นวันเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ต้องรอโปรดเกล้าฯ การรอโปรดเกล้าฯ เป็นไปตามบทบัญญัติหลัก มาตรา 158 แต่บทเฉพาะกาลใช้แล้ว เป็นข้อยกเว้นตามบทบัญญัติหลัก

นายจรัญกล่าวว่า อุปมาเหมือนค้างคาวไม่ใช่นก บทบัญญัติหลักบอกว่าให้ใช้กับนกเท่านั้น ค้างคาวจึงไม่เกี่ยว แต่มีบทเฉพาะกาล บอกว่าให้ถือว่าค้างคาวที่มีชีวิตอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ มีฐานะเป็นนกตามรัฐธรมนูญนี้ด้วย ค้างคาวกลุ่มนั้นจึงกลายเป็นนกตามรัฐธรรมนูญนี้ ตามบทเฉพาะกาล โดยไม่ต้องรอโปรดเกล้าตามมาตรา 156 วรรค 3 ซึ่งเท่ากับไปครบ 8 ปีในปี 2568

นายจรัญกล่าวว่า เมื่อมีความเห็นที่มีน้ำหนักเป็น 3 แพร่งก้ำกึ่งอย่างนี้ จะหาทางออกอย่างไร แน่นอนศาลรัฐธรรมนูญต้องค้นหาเจตนารมณ์ การใช้กฎหมาย หากตัวบทเขียนชัดก็จบ แต่ถ้าตัวบทไม่ชัด แล้วสร้างปัญหาขัดแย้งก้ำกึ่ง ก็ต้องไปหาเจตนารมณ์ และเท่าที่ตะแคงหูฟัง ไม่ปรากฏเจตนารมณ์ชัดเจน มีแต่ความเห็นท่านนั้นท่านนี้ ที่บันทึกไว้ ไม่ใช่มติ ไม่ใช่เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เป็นความเห็นส่วนตัวของกรรมการยกร่างเท่านั้นเอง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท