Skip to main content
sharethis

เกิดเหตุระเบิดหลายจุด 3 จังหวัดชายแดนใต้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 ราย ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน และทรัพย์สิน ได้รับความเสียหายหนัก ทำ ‘ข้อตกลงเข้าพรรษาสันติสุข’ ไม่บรรลุผล ล่าสุด ยังไม่พบแถลงการณ์คู่ขัดแย้ง 

 

17 ส.ค. 2565 สื่อ 'วาร์ตานี' (WARTANI) รายงานวันนี้ (17 ส.ค.) เมื่อเวลา 05.55 น. เผยแพร่ข้อความและวิดีโอสั้นเมื่อเวลา 00.10 น. เกิดเหตุระเบิดร้านสะดวกซื้อในพื้นที่ อ.รามัน อ.ยะหาฯ อ.บันนังสตาฯ และ อ.เมือง จำนวน 4 จุดดังนี้

1. ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 7-11 ปตท.ยะหา ในพื้นที่ เขตเทศบาลเมืองยะหา ต./อ.ยะหาฯ แรงระเบิดทำให้เกิดเพลิงไหม้ ได้รับความเสียหาย

2. ร้านสะดวกซื้อมินิบิ๊กซี สาขารามัน ในพื้นที่ เขตเทศบาลเมืองรามัน ต.กายูบอเกาะ อ.รามันฯ ได้รับความเสียหาย

3. ร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น/7-11 ในพื้นที่ บ.บันนังสตา ม.2 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตาฯ แรงระเบิดทำให้เกิดเพลิง ได้รับความเสียหาย

4. ร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น/7-11 ในพื้นที่ บ.เนียง ม.4 ต.เปาะเส้ง อ.เมืองฯ แรงระเบิดทำให้เกิดเพลิงไหม้ ได้รับความเสียหาย

พื้นที่ จ.นราธิวาส

เมื่อเวลา 00.45 น. ได้เกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้ ร้านสะดวกซื้อ 7-11 และ บิ๊กซี มินิ ในพื้นที่ จ.นราธิวาส

อ.เจาะไอร้อง ฯ 2 จุด

1. เหตุระเบิด/ไฟไหม้ 7-11 บ.เจาะไอร้อง ม.1 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ได้รับความเสียหาย

2.ร้าน Big C mini จำนวน 2 จุด ในพื้นที่ บ.เจาะไอร้อง ม.1 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ได้รับความเสียหาย

อ.บาเจาะ 2 จุด

1. เหตุระเบิด/ไฟไหม้ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ภายในในปั้ม ปตท.บาเจาะ ริมถนนเพชรเกษม 42 บ.สะแต ม.4 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จว.นราธิวาส ได้รับความเสียหาย

2. เหตุระเบิด/ไฟไหม้สภ.บาเจาะ ริมถนนเพชรเกษม 42 เทศบาลตำบลบาเจาะ ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ได้รับความเสียหาย

อ.ศรีสาคร 1 จุด

1.เกิดเหตุ/ไฟไหม้ ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ภายในปั้ม ปตท.ศรีสาคร เทศบาลตำบลศรีสาคร อ.ศรีสาคร ได้รับความเสียหาย

อ.สุไหงโกลก 1 จุด

1. ระเบิด/เพลิงไหม้ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ภายในปั้ม ปตท.ปาเสมัส ในเขตเทศบาลตำบลปาเสมัส อ.สุไหงโกลกฯ

พื้นที่ จ.ปัตตานี

เมื่อเวลา 00.25 น. เกิดเหตุระเบิดและเกิดเพลิงไหม้ ภายในปั้มน้ำมันบางจาก เลขที่ 200/1 บ.โคกกอดอนยาง ม.8 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ทำให้เกิดเพลิงไหม้บิ้กซี ซึ่งตั้งอยู่ในปั้มบางจาก ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

เมื่อเวลา 9.39 น. เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า - เพจใหม่’ รายงานคำแถลงของ พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า ว่า เบื้องต้น คนร้ายก่อเหตุสร้างสถานการณ์กระจายพร้อมกัน 17 จุด ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 7 ราย ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหายจำนวนมาก

ภายหลังทราบเหตุ พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้ หน่วยเฉพาะกิจประจำพื้นที่เข้าควบคุมสถานการณ์ และควบคุมเพลิงให้สงบ ปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการเข้าตรวจสอบพื้นที่และเก็บรวบรวมวัตถุพยานเพื่อนำสู่การคลี่คลายและใช้มาตรการทางกฎหมายต่อไป

จากการตรวจสอบลักษณะการก่อเหตุในขั้นต้น พบว่าคนร้ายได้ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะเข้ามาก่อเหตุด้วยการโยนระเบิดเพลิงใส่, วางวัตถุต้องสงสัย ทั้งด้านหน้าและภายในร้านสะดวกซื้อ ก่อนเกิดระเบิดขึ้นดังกล่าว ทั้งนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ตรวจพบภาพข่าวการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง และการเตรียมวัตถุระเบิด รวมทั้งคนร้ายได้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายหลังเสร็จสิ้นเดือนรอมฏอนพบว่าคนร้ายได้ก่อเหตุและพยายามสร้างสถานการณ์หลายเหตุการณ์ จนนำไปสู่การติดตามบังคับใช้กฎหมายเป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิตหลาย นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมตัวกลุ่มคนร้ายและตรวจยึดวัตถุพยานได้เป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1-2 ส.ค. 2565 นอกจากจะยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ‘เข้าพรรษาสันติสุข’ ตามข้อเสนอของคณะพูดคุยฝ่ายไทยแล้ว พบว่าคนร้ายมุ่งสร้างสถานการณ์ด้วยการลอบยิงและลอบวางระเบิดต่อเป้าหมายอ่อนแอเชิงสัญลักษณ์ ระบบสาธารณูปโภคมากขึ้น และล่าสุด มุ่งโจมตีต่อเป้าหมายระบบเศรษฐกิจ ซึ่งการก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว นอกจากได้สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ยังทำลายบรรยากาศของกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขและทำลายความเชื่อมั่นในระบบอำนาจรัฐ สำหรับปัจจัยที่เป็นมูลเหตุจูงใจการก่อเหตุเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งไป ทั้งนี้ จะทำการตรวจพิสูจน์วัตถุพยานและหลักฐานต่างๆ เพื่อพิสูจน์ทราบกลุ่มคนร้ายรวมทั้งตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกอย่างรอบด้านเพื่อวิเคราะห์ปัจจัย/มูลเหตุจูงใจการก่อเหตุเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ยังคงยืนยันในเจตนารมย์การแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีด้วยการบังคับใช้กฎหมาย ด้วยความอดทน อดกลั้นอย่างระมัดระวัง เพื่อติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายเข้าดำเนินคดีตามกฎหมาย ตลอดจนยังคงมุ่งเน้นสร้างสภาวะแวดล้อมให้เกื้อกูลและหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขต่อไป

อนึ่ง สำหรับข้อตกลง ‘เข้าพรรษาสันติสุข’ เป็นการเจรจาระหว่างฝ่ายไทย และคู่ขัดแย้งรัฐไทย ให้มีการยุติเหตุความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ในช่วงเข้าพรรษา ระหว่าง 14 ก.ค. 2565-10 ต.ค. 2565

นอกจากนี้ เว็บไซต์ ทำเนียบรัฐบาล ยังรายงานด้วยว่า รัดชา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้กำลังใจทุกฝ่ายเดินหน้าการทำงานอย่างแน่วแน่  ไม่หวั่นไหวต่อปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนจังหวัดชายแดนภาคใต้สู่สันติสุขอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะพลังจากภาคประชาชนที่มีความสามัคคี ร่วมกันปกป้องรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทุกคนคือครอบครัวเดียวกันไม่ว่าจะเชื้อชาติและศาสนาใด ต้องดูแลให้การช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดไป พร้อมทั้งยืนยันการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าอย่างเต็มที่เพื่อการดูแลทุกข์สุขของประชาชนให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบเพิ่มเติม ระบุว่ายังไม่พบการออกแถลงการณ์ของฝ่ายขบวนการเคลื่อนไหวที่เป็นคู่ขัดแย้ง ทั้งขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี (Barisan Revolusi Nasional - BRN), องค์การปลดปล่อยสหปัตตานี หรือ พูโล รวมทั้ง พูโล G5

เมื่อเวลา 16.34 น. เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกแถลงการณ์เรื่อง 'ยุติการใช้ความรุนแรงต่อประชาขนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้' โดยมีรายละเอียดดังนี้

จากเหตุการณ์ระเบิดในสวนยางพารา บริเวณปากทางเข้าวัดรัตนานุภาพ (วัดโคกโก) ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี  จังหวัดนราธิวาส ทำให้นางประทุม นักทอง  อายุ 55 ปี อาชีพกรีดยาง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาขาดทั้งสองข้าง ในขณะที่เข้าไปกรีดยาง และต่อมาในเวลาประมาณ 07.40 ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการปิดเส้นทางที่จะเข้าไปที่จุดเกิดเหตุ เกิดระเบิดขึ้นอีกครั้งส่งผลให้ จ่าสิบเอก สมชาย แดงเงิน เจ้าหน้าที่ทหารพราน เสียชีวิต 1 ราย และมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย 

เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ และขอเน้นย้ำว่าการสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นอาชญากรรมทั้งตามกฎหมายในประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เป็นบรรทัดฐานด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และหลักสิทธิมนุษยชน 

ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มที่กระทำการดังกล่าว ปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และไม่ละเมิดหลักสิทธิมนุษชน ตลอดจนยุติการปฏิบัติการกับเป้าหมายอ่อนแอ หรือเป้าหมายพลเรือน พร้อมทั้งขอให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐดูแลกลุ่มประชาชนที่ตกเป็นเป้าหมายการปฏิบัติการของกลุ่มที่เห็นต่างจากรัฐ จนกว่าการพูดคุยเจรจาจะบรรลุข้อตกลง และลงนามในข้อตกลงของการพูดคุย ต่อไป 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net