บริษัทด้านวิจัยการตลาด เผยครึ่งปีแรก 65 โฆษณาสำนักนายกฯ ติดอันดับ 13 ของประเทศ แถมสูงกว่า บริษัท Shopee แม้เดือนที่แล้ว รมว.ดิจิทัลฯ เพิ่งรับ รบ.อาจพีอาร์สู้ชัชชาติไม่ได้ ล่าสุด ปลัดสำนักนายกฯ ระบุอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลในทุกด้าน ชี้หน่วยงานภายใต้สังกัดสำนักปลัดสำนักนายกฯมีหลายหน่วยงาน

19 ส.ค.2565 จากกรณี บริษัท Nielsen ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิจัยการตลาดเปิดเผยข้อมูลบริษัทที่ใช้งบประมาณในการโฆษณามากที่สุดในประเทศไทย โดยข้อมูลนี้ เก็บตัวเลขการใช้งบ เฉพาะครึ่งปีแรก 2565 พบว่า สำนักนายกรัฐมนตรีติดอันดับ 13 ของประเทศไทย โดยข้อมูลนี้ เป็นข้อมูล ครึ่งปีแรก เท่านั้นและสูงกว่า บริษัท Shopee (Thailand) ที่ได้อันดับ 14 ส่วนอันดับ 1 – 5 ก็เป็นบริษัทชั้นนำ คือ Unilever (Thai) Nestle (Thai) Procter & Gamble (Thailand) , Mass Marketing และ Mono Shopping

วันนี้ (19 ส.ค.) สถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ. FM91 รายงานว่า ธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลในทุกด้าน ว่า บริษัทเอกชนที่ทำการเปิดเผยข้อมูล เก็บสถิติจากหน่วยงานใดบ้าง หากมีความชัดเจน ก็จะเร่งชี้แจงข้อเท็จจริงโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม หน่วยงานภายใต้สังกัดสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหลายหน่วยงานด้วยกัน เช่น กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการผู้บริโภค สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงงบโฆษณา

เว็บไซต์ทำเนียนรัฐบาลรายงานว่า รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีนี้ โดยคาดว่าการจัดอันดับของบริษัทฯ น่าจะมาจากการคิดคำนวณอัตราค่าใช้จ่ายตามเรทติ้งรายการทั่วไปโดยไม่สะท้อนกับค่าใช้จ่ายจริงของส่วนราชการ อีกทั้ง หน่วยงานภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย 17 หน่วยงาน เช่น สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และสำนักงานคณะกรรมการสร้างเสริมสุขภาพภาพ เป็นต้น โดยแต่ละหน่วยงานมีหน้าที่มีภารกิจที่ต้องอาศัยการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้อง รวมถึงเพื่อให้สาธารณชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในการเข้าถึงสิทธิ์ และการบริการภาครัฐต่าง ๆ  อีกทั้ง ในปีนี้ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์จึงมีความจำเป็นที่ต้องใช้งบประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้ถึงประโยชน์ที่จะได้จากการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยเป็นการประชาสัมพันธ์ตลอดทั้งปี
 
“งบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์ต่างๆของหน่วยงานภาครัฐ ต้องผ่านการพิจารณาถึงความเหมาะสม และเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการพิจารณางประมาณ ทุกอย่างต้องโปร่งใสและชี้แจงได้” รัชดา กล่าว

ก่อนหน้านี้มีการวิจารณ์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ว่า โอเวอร์พีอาร์ (Over PR) จากการไลฟ์สด ทั้งที่ใช้การสื่อสารผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ แม้แต่ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์กรณีสายสื่อสารที่จะมีการไปพูดคุย ชัชชาติ ตอนหนึ่งว่า การนำสายไฟลงใต้ดินนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาล และรัฐบาลก็ทำมาโดยตลอด แต่ยอมรับว่ารัฐบาลอาจจะประชาสัมพันธ์สู้ชัชชาติไม่ได้ จนวันต่อมา ชัยวุฒิ ยืนยันว่าการพูดดังกล่าวเป็นการชื่นชม ประชาสัมพันธ์เก่ง ก็ต้องไปศึกษา และก็ทำแบบท่าน ทำไว้ดีแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร นั้น

ทั้งนี้งบประมาณหน่วนงานที่มีหน้าที่ประชาสัมพันธ์นโยบายภาครัฐสู่กลุ่มเป้าหมายทั้งในและต่างประเทศ โดยตรงอย่าง 'กรมประชาสัมพันธ์' ซึ่งตามเอกสารงบประมาณฉบับที่ 3 เล่มที่ 1 งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ตั้งงบประมาณไว้ที่ 2,492,619,100 บาท รวมทั้งยังมีหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ที่ระบุรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์ที่ระบุในเอกสารงบประมาณ 2566 อีกอย่างน้อย 867,136,300 บาท เมื่อรวมกับงบกรมประชาสัมพันธ์' 2,492,619,100 บาท ทำให้งบประมาณเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ภาครัฐตามร่างงบประมาณ 66 มีอย่างน้อย 3,359,755,400 บาท