Skip to main content
sharethis
  • ประธานสภาฯ ตรวจสอบ 172 รายชื่อเสร็จแล้ว เตรียมส่งเรื่องศาลรธน.ต่อ ตรวจสอบวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐธรรมนูญ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์
  • 'ประยุทธ์' ยิ้ม พร้อมส่ายหน้าแทนคำตอบกังวลปมวาระ 8 ปีหรือไม่
  • ส.ส.เพื่อไทย วอนศาลรธน. เร่งวินิจฉัยปม 8 ปี หวั่นสังคมความเห็นแตกเป็นชนวนขัดแย้ง
  • ประธาน ครป.ห่วงบ้านเมืองปั่นป่วน แนะประยุทธ์เลือกทางลง ไม่ลาออกก็ยุบสภา เลขา ครป. ชี้ประยุทธ์ ต้องการงดเว้นรัฐธรรมนูญบางมาตราตามรอยพระยามโนปกรณ์ จี้ประธานรัฐสภาเปิดประชุมเลือกนายกฯ คนใหม่ตามรัฐธรรมนูญ

 

19 ส.ค.2565 ความคืบหน้ากรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครบ 8 ปี ซึ่งมีประเด็นจะครบวันที่ 24 ส.ค.ที่จะถึงนี้หรือไม่ หากตีความว่า ข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ นั้นนับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ ตั้งแต่หลังการรัฐประหารนั้น

ประธานสภาฯ ตรวจสอบ 172 รายชื่อเสร็จแล้ว เตรียมส่งเรื่องศาลรธน.ต่อ

สำนักข่าวไทย รายงานว่า สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นคำร้องผ่าน ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐธรรมนูญ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค สองและมาตรา 158 วรรคสี่ ว่า หลังได้รับรายชื่อ ประธานรัฐสภาได้ตรวจสอบรายชื่อทั้ง 172 รายชื่อ เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับและรัฐธรรมนูญ

“พบว่าใน 172 รายชื่อ มีลายเซ็นไม่ตรงกับตัวอย่างที่สมาชิกเคยให้ไว้กับเลขาธิการสภาฯ จำนวน 5 ราย ซึ่งได้ทำบันทึกยืนยันรายชื่อกลับมาแล้วว่าได้ลงชื่อสนับสนุนจริง ดังนั้น นายชวนจะนำรายชื่อทั้งหมดไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญต่อไป” สุกิจ กล่าว

 

'ประยุทธ์' ยิ้ม พร้อมส่ายหน้าแทนคำตอบกังวลปมวาระ 8 ปีหรือไม่

ส่วนปฏิกิริยาของ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันนี้ (19 ส.ค.) รายงานข่าวระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า มีความกังวลเรื่องครบวาระ 8 ปี หรือไม่ โดยนายกรัฐมนตรีเดินออกจากโพเดียมแถลงข่าว พร้อมยิ้มและส่ายหน้าเล็กน้อย

และเมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีต้องใช้หลักขันติในการรับข่าวสารที่มีหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ปมวาระ 8 ปี หรือไม่ นายกรัฐมนตรี พยักหน้ารับ ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที

ส.ส.เพื่อไทย วอนศาลรธน. เร่งวินิจฉัยปม 8 ปี หวั่นสังคมความเห็นแตกเป็นชนวนขัดแย้ง

ด้าน ส.ส.ฝ่ายค้าน ทีมสื่อพรรคเพื่อไทย รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ของการบริหารประเทศภายใต้นายกรัฐมนตรีที่ชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้ประเทศประสบปัญหาทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบจากการบริหารงานที่ผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ วันนี้ ภายใต้รัฐธรรมนูญที่พวกท่านเป็นคนยกร่างขึ้นมามีการกำหนดวาระการตำแหน่งของนายกฯ ว่าจะดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี ไม่ได้ ทว่า การเริ่มนับวาระการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ กลับกลายเป็นข้อถกเถียงว่าจะเริ่มนับเมื่อไร จนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้เข้าชื่อกันยื่นคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อดำเนินการส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลง

“วันนี้ สังคมเกิดข้อถกเถียงต่อประเด็นดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ดังนั้น เพื่อให้ป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในสังคม รวมถึงความเสียหายจากการบริหารราชการแผ่นดินในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์  ดิฉันขอวอนให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในประเด็นนี้โดยเร็วก่อนวันที่ 24 สิงหาคม ซึ่งถือเป็นวันสุดท้ายในการดำรงตำแหน่งของพล.อ.ประยุทธ์  เพราะวันนี้ภาคส่วนต่างๆในสังคม รอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่“ พวงเพ็ชร กล่าว

ประธาน ครป.ห่วงบ้านเมืองปั่นป่วน แนะประยุทธ์เลือกทางลง ไม่ลาออกก็ยุบสภา 

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งด้วยว่า บุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์  ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาถกเถียงกันแล้วว่าวาระ 8 ปี เริ่มเมื่อไหร่และจะจบลงเมื่อใด ประยุทธ์ ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ไม่ต้องให้ศรีธนญชัยคนที่สองคนที่สามคนที่สี่มาพูดกรอกหูอีก และเรื่องนี้ป่วยการที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญมาตีความเพื่อคนๆ เดียว เพราะควรจะไปทำเรื่องอื่นที่สำคัญต่อประชาชน และประเทศชาติบ้านเมืองมากกว่า

"สิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักก็คือ การที่ นายกรัฐมนตรี หรือผู้นำประเทศที่ขาดสัจจะ และ หิริ โอตตัปปะ ความละอายเกรงกลัวต่อบาป ไม่สมควรอยู่ในอำนาจอีกต่อไป นี่คือหลักการที่เป็นสากล ผู้นำที่ประเทศพัฒนาแล้วควรต้องมี ช่วงเวลานึ้จึงเหมาะสมแล้วที่คุณประยุทธ์จะเลือกก้าวลงจากหลังเสืออย่างไร้ความกังวล ปล่อยให้กระบวนการประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปเถอะครับ โดยปราศจากการแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบ หาไม่แล้วตนเป็นห่วงว่าบ้านเมืองจะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย ความเสียหายย่อมจะเกิดขึ้นอีกโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ การดันทุรังต่อไปย่อมไม่มีประโยชน์ต่อสังคมไม่ว่าประการใดๆ" บุญแทน กล่าว

เมธา มาสขาว เลขาธิการ ครป. กล่าวว่า ขณะนี้มีกระแสว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจเลือกหนทางยุบสภา เพื่อเป็นนายกฯ รักษาการในช่วงการประชุม APEC ในปลายปีนี้ แต่ตนคิดว่าประยุทธ์ไม่มีความเหมาะสมที่จะเชื่อมประสานสุดยอดผู้นำโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสันติภาพ เนื่องจากขาดศักยภาพและคณะทำงานมืออาชีพ เพราะบริหารประเทศเหมือนขายของเด็กเล่น ทีมทำงานก็ใช้แต่ผู้ที่ตนเองรักและไว้ใจแต่ไม่มีฝีมือ ซ้ำร้ายใช้ พรก.ฉุกเฉินฯ มา 2 ปีกว่าซึ่งขัดธรรมาภิบาลและกฎหมายระหว่างประเทศ

"ผลงานเด่นของรัฐบาลประยุทธ์ คือการสร้างความเหลื่อมล้ำและเจ้าสัวคนใหม่ ตนไม่ทราบว่ารัฐบาลบริหารเศรษฐกิจอย่างไรให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น เกิดการสัมปทานและต่อสัญญาโครงการต่างๆ ให้อภิมหาเศรษฐีมากมายในยุครัฐบาล คสช. ผืนแผ่นดินไทยกลายเป็นเค๊กก้อนใหญ่ที่รัฐบาลโยนมีดให้นายทุนเลือกเฉือนท่ามกลางหยดเลือดของประชาชน ทุกสัญญาสัมปทานต้องเปิดเผยโปร่งใสให้ประชาชนรับทราบเข้าถึงได้ เรื่องหนึ่งที่คลางแคลงใจและเพื่อประโยชน์สาธารณะ ผมขอให้รองวิษณุช่วยเปิดเผยสัญญาสัมปทานการผลิตไฟฟ้า 20 ปีที่บริษัทเอกชนทำสัญญาผูกชาดกับ กฟผ. โดยมีการประกันราคา อยากทราบว่าเกี่ยวกับการปล้นกระเป๋าคนไทยและค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นหรือไม่" เมธา กล่าว

เมธา กล่าวว่า ส่วนเรื่อง 8 ปีนายกฯ นั้น เป็นเรื่องคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นต่อได้ต้องออกพระราชบัญญัติล้างมลทินเท่านั้น แต่มีความพยายามโยนไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินวินิจฉัยตีความ แต่ไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อยอย่างไร เพราะประชาชนไม่เชื่อมั่นว่าจะมีความเป็นอิสระทางการเมือง และศาลรัฐธรรมนูญจะรับพิจารณาหรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจเพราะถือเป็นการกระทำของรัฐบาล ตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ การโยนหินถามทางให้นับตั้งแต่ 2560 หรือ 2562 ล้วนเป็นการพยายามสืบทอดอำนาจโดยการงดเว้นรัฐธรรมบางมาตรา ซึ่งจะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ซ้ำรอยพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ซึ่งเป็นจุดด่างพร้อยของประชาธิปไตยไทยมาจนถึงปัจจุบัน สุดท้ายพระยามโนปกรณ์ถูกรัฐประหารขับออกจากตำแหน่ง

"สิ่งที่ทุกฝ่ายควรรับผิดชอบชาติบ้านเมืองก็คือ ประธานรัฐสภา ควรจะต้องเรียกประชุมสมาชิกรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีแคนดิเดตนายกฯ ที่เหลืออยู่ 5 คนเพื่อไม่ให้เกิดการรัฐประหารเงียบ โดยการงดเว้นรัฐธรรมนูญบางมาตรา การร่วมรับผิดชอบชาติบ้านเมืองเป็นคุณธรรมจริยธรรมสูงสุดของนักการเมือง ซึ่งถ้าขาดหายไปแล้วจะทำให้บ้านเมืองไปต่อได้ยากยิ่ง แต่ทุกวันนี้เราคุยกันเรื่องขัดต่อกฎหมายหรือไม่ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ต่ำที่สุดในการประกันการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม" เมธา กล่าว พร้อมระบุด้วยว่า ครป. และเครือข่าย 99 พลเมืองและปัญญาชน จะจัดเวทีวิเคราะห์การเมืองไทยหลังเงื่อนไข 8 ปีนายกฯ และชะตากรรม พล.อ.ประยุทธ์ ในวันพรุ่งนี้ ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถ.ราชดำเนิน กรุงเทพฯ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net