'เพื่อไทย' ชี้ปลดทุกข์คนไทย ประยุทธ์ต้องออกไป

  • รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ ชี้ 'ประยุทธ์' คือสาเหตุแห่งทุกข์ ฝืนอยู่ต่อมีแต่ปัญหา ชี้ 4 ความทุกข์ที่คนไทยต้องเผชิญ  
  • 'อนุสรณ์' สวน 'ประยุทธ์' อ้างธรรมะ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แต่หมายถึงปล่อยตามยถากรรม
  • ชี้ 'ประยุทธ์' อยู่ต่อ ทุจริตจะยิ่งพุ่งสูง ไม่เคยสนใจประชาชนที่ถูกโกง ไม่แก้ปัญหา ไม่เยียวยา

 

23 ส.ค.2565 พรรคเพื่อไทยรายงานต่อสื่อมวลชนว่า พรรคจัดแถลงข่าว “ปลดทุกข์คนไทย ประยุทธ์ต้องออกไป” โดย พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ประเด็น 8 ปีของพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้สร้างปัญหาให้กับประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากจะมีคนจำนวนมากไม่พอใจ โดยผลโหวตล่าสุดกว่า 3 แสนคนร่วมโหวต ปรากฏว่าว่า  93.17% ไม่เอาพลเอกประยุทธ์แล้ว แถมยังปรากฏข่าวคราวการวิ่งเต้นศาลรัฐธรรมนูญออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศในเรื่องระบบยุติธรรมที่แย่อยู่แล้วกลับแย่ลงไปอีก ผู้ที่มีหน้าที่ชี้แจงเช่นมีชัย ฤชุพันธุ์ประธาน กรธ. ก็ไม่ยอมออกมาชี้แจง เหมือนตั้งใจให้คลุมเคลือเพื่อเป็นประโยชน์กับ พลเอกประยุทธ์ ทั้งนี้ โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์ไปต่อได้ยากแล้ว ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างไร ความเชื่อมั่นและความศรัทธาของประชาชนต่อพลเอกประยุทธ์ได้หมดสิ้นแล้ว ยิ่งอยู่ต่อไปประชาชนจะมีทุกข์กันมากขึ้น เพราะพลเอกประยุทธ์กลายเป็นสาเหตุแห่งทุกข์ไปแล้ว 

ทั้งนี้หากมองความทุกข์ของประชาชนจะพบว่าตอนนี้ประชาชนกำลังประสบความทุกข์ 4 เรื่องดังนี้ 

1. ทุกข์จากการมีหนี้ หารายได้ไม่พอรายจ่าย ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หนี้ครัวเรือนในระบบพุ่งขึ้นมาก พุ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยเกือบ 15 ล้านล้านบาท พอกู้ระบบไม่ได้แล้วก็ต้องไปกู้หนี้นอกระบบที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยมหาโหด พอชำระไม่ได้ก็ถูกซ้อม ถูกทุบตี และอีกไม่นานดอกเบี้ยก็จะขึ้นอีก เพราะสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีก อาจจะขึ้นถึง 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้เพราะเงินเฟ้อของสหรัฐยังสูงอยู่ เมื่อสหรัฐขึ้นไทยก็อาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ยด้วย ซึ่งภาระดอกเบี้ยจะเป็นปัญหาอย่างมากในอนาคต ทั้งหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือน รวมถึงหนี้เสียของธนาคารด้วย นอกจากนี้คนไทยยังถูกโกงรายวันจาก call center โดยที่รัฐบาลช่วยไม่ได้เพราะแก้ไขไม่เป็น หรือการโกงฟอเร็กซ์ที่เป็นข่าวล่าสุด 
2. ทุกข์จากค่าใช้จ่ายสูง ค่าครองชีพสูง เงินเฟ้อ สินค้าแพง และล่าสุดการต้องจ่ายค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้น หลังจากจ่ายค่าน้ำมันและค่าก๊าซหุงต้มที่พุ่งกระฉูดแล้ว ประชาชนต้องมาจ่ายค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นอย่างมาก แต่พลเอกประยุทธ์ กลับทำได้แค่สอนธรรมะ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ซึ่งหมายถึงปล่อยตามยถากรรม แทนที่จะไปแก้ไขที่เหตุ ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เสนอไว้แล้ว ที่ท่อก๊าซพม่าก็ถูกวางระเบิด ก๊าซอ่าวไทยก็ขาด ต้องนำเข้าก๊าซ LNG ราคาแพง การลดค่าความพร้อม และไม่เร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา   และต้องขอบอกว่า ตลกร้ายเดิมยิ่งร้ายหนักขึ้น เพราะประเทศไทยมีการผลิตไฟฟ้าล้นเกิน แต่เชื้อเพลิงขาดแคลนต้องนำเข้าในราคาสูงมากแล้ว ปรากฏว่าอภิมหาเศรษฐีอันดับ 1 ล่าสุดของไทยคือผู้ผลิตไฟฟ้า แบบนี้จะไม่เรียกว่าพลเอกประยุทธ์ เอื้อประโยชน์แล้วจะเรียกว่าอย่างไร นอกจากนี้ ตอนนี้น้ำมันดิบราคาต่ำกว่า $90 ต่อบาเรลแล้ว ซึ่งต่ำกว่าราคาน้ำมันในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่บาเรล ละ $110 แต่ทำไมราคาน้ำมันดีเซลในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ที่ 29.95 บาท แต่น้ำมันดีเซลรัฐบาลปัจจุบันยังคงอยู่ที่ 34.95 บาท แสดงถึงการบริหารจัดการที่ต่างกันมาก 
3. ทุกข์ของการไม่มีรายได้หรือรายได้ไม่พอประทังชีวิต  ทั้งนี้เกิดมาจากเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ำมาตลอด จากการบริหารล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์ แม้กระทั่งไตรมาสที่แล้วที่ไทยขยายได้ 2.5% แต่มาเลเซียกลับขยายได้ถึง 8.9% เวียดนามขยายได้  7.7% และฟิลิปปินส์ขยายได้  7.4% หรือแม้แต่สิงคโปร์ยังขยายได้ 4.8% นอกจากนี้ เวียดนามที่เคยตามหลังไทยมาตลอดกลับมีการส่งออกสูงกว่าไทยตั้งแต่ปี 2562 และล่าสุดปีที่แล้ว การส่งออกของเวียดนาม (14.4 ล้านล้านบาท) แซงการส่งออกของไทย (9.5 ล้านล้านบาท) ไปแล้วถึง 51% และคงแซงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ตามที่ได้เคยเตือนแล้ว หากเป็นแบบนี้อีกไม่นานเวียดนามคงแซงไทยแน่ 
4. ทุกข์จากไม่เห็นอนาคต ไม่รู้ว่าประเทศไทยในอนาคตจะไปทางไหนมองไปไหนก็มืดมน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่จะไม่รู้เลยว่าจะหางานทำได้อย่างไร ที่จะมีรายได้ดีๆ อุตสาหกรรมสมัยใหม่ก็ไม่มี ธุรกิจเทคโนโลยีเหมือนประเทศอื่นก็ไม่เกิด หลายคนจึงไม่อยากมีลูก เพราะกลัวลูกเกิดมาจะลำบาก ประเทศไทยจึงมีประชากรลดลง 

นี่เป็นแค่ทุกข์บางส่วนเท่านั้น ยังมีทุกข์อีกมาก และทุกข์ทั้งหมดนี้เกิดมาจากพลเอกประยุทธ์ ดังนั้นจะปลดทุกข์คนไทยได้ พลเอกประยุทธ์ต้องออกไป สังคมพูดถึงการทำร้ายทหารรับใช้ของภรรยาน้อยของ สว. ซึ่งน่าจะสะท้อนถึงปัญหาการใช้อำนาจอย่างผิดๆ และพลเอกประยุทธ์ เองก็ใช้อำนาจผิดๆ มาตลอด แถมยังไม่มีความรู้ ซึ่งไม่ควรจะอยู่ต่อไปแล้ว ดังคำสอนที่ว่า “พาโล อปริณายโก” แปลว่า “คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ” 

รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่าทางคณะทำงานฯ อยากให้ทราบว่าพรรคเพื่อไทยได้เตรียมนโยบายและแนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเพื่อดับทุกข์ของประชาชนไว้แล้ว ดังนั้นหากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้ ขอให้มั่นใจและเลือกพรรคเพื่อไทยกันมากๆ เพื่อจะเราจะได้เข้าไปแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างเต็มที่ 

'อนุสรณ์' สวน 'ประยุทธ์' อ้างธรรมะ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แต่หมายถึงปล่อยตามยถากรรม

อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยสถานะ 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไรเป็นเรื่องที่ต้องลุ้น แต่ที่ไม่ต้องลุ้นคือเสียงประชาชน เพราะมีการสรุปผลโหวตเสียงประชาชน ครั้งที่ 2 พบว่า 93.17% โหวตไม่ควรให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี หากใครคิดจะวิ่งเต้นช่วยเหลือกันอย่างไรให้ฟังเสียงประชาชนให้ดี พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามทำไมข้าวของแพง ค่าไฟแพง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นราคา โดยทำตัวเป็นมรรคทายกให้โอวาทอ้างธรรมะ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคแม้แต่พระพยอม กัลยาโณ พระนักเทศน์ชื่อดังยังออกมาแย้งว่าอริยสัจ 4 คือ การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า 4 เรื่อง คือ เรื่องทุกข์ เหตุของทุกข์ การดับทุกข์ และข้อปฏิบัติที่ทำให้ทุกข์ดับ ค่าไฟขึ้นมันจะเกี่ยวกับอริยสัจ 4 ได้ยังไง ประชาชนเขาถามปัญหา ก็บอกวิธีแก้ปัญหามาดีๆ หรือที่พล.อ.ประยุทธ์ อ้างธรรมะแท้จริงแล้วหมายถึงการสารภาพว่าตัวเองไร้ฝีมือ ไม่มีวิธีแก้ปัญหา เลยปล่อยลอยแพประชาชนตามยถากรรม ความจริงถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จะอ้างอริยสัจ 4 ควรนำมาประกอบการพิจารณาตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตกรณี 8 ปีประยุทธ์ จนแฮชแท็ก #นายกเถื่อน พุ่งติดเทรนด์ทวิตเตอร์ประเทศไทย จะดีกว่า

พล.อ.ประยุทธ์ ทุกข์ เหนื่อย เครียด จากการที่ถูกประชาชนออกมาด่า ออกมาขับไล่ 8 ปี ไม่มีผลงานอะไร และรัฐธรรมนูญเขียนห้ามเป็นนายกฯรวมกันเกิน 8 ปี

สมุทัย สาเหตุแห่งทุกข์ คือ การอยากสืบทอดอำนาจ อยากเป็นนายกรัฐมนตรีนานๆ แต่ฝีมือไม่มี แก้ปัญหาไม่ได้ กลายเป็นการสะสมปัญหาจนเกิดวิกฤต

นิโรธ การดับทุกข์ คือการเก็บข้าวของออกจากทำเนียบ กลับบ้าน ตั้งสติ รู้จักคำว่าพอ

มรรค หนทางของการดับทุกข์ คือการลาออก หรือ ยุบสภา

“8ปีที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ น่าจะได้ทำในสิ่งตัวเองอยากทำมาเกือบครบหมดแล้ว เหลือเพียงการได้ถ่ายรูปกับผู้นำประเทศต่างๆ ที่จะมาประชุมเอเปคเพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีกับวงศ์ตระกูล หากใครการันตีได้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะได้รับสิทธิถ่ายรูป เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ อาจตัดสินใจในทางที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติก็เป็นได้” อนุสรณ์ กล่าว

ชี้ 'ประยุทธ์' อยู่ต่อ ทุจริตจะยิ่งพุ่งสูง

เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.เลย กรรมการบริหาร และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าประวัติศาสตร์มีไว้ให้จดจำ ไม่ได้มีไว้ให้เดินซ้ำ พล.อ ประยุทธ์ กาลังจะเดินซ้ำรอยประวัติศาสตร์ จากที่เคยเป็นคนกลาง อ้างว่า เข้ามาเพื่อแก้ปัญหา อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จะทำเพื่อชาติ หรือจะเป็นตัวปัญหาซะเอง

เรียนท่านสื่อมวลชนที่รักทุกท่านครับการแถลงข่าวของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยในรอบสัปดาห์นี้ตรงกับวันนัดสำคัญที่สุดวันหนึ่ง ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้จะครบระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมามีการถกเถียงในสังคมโดยเฉพาะประเด็นในเรื่องข้อกฎหมายและ เจตนารมย์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะความหมายและคำอธิบายประกอบมาตราของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่มีความว่าการกำหนดระยะเวลา 8 ปีไว้เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดอำนาจในทางการเมืองยาวเกินไป อันจะเป็นต้นเหตุเกิดวิกฤตทางการเมืองได้ บัดนี้กำลังจะครบ 8 ปีในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า และไม่ว่าจะตีความในรัฐธรรมนูญเรื่องของการเริ่มนับระยะเวลา 8 ปีเมื่อใด 

พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำของประเทศควรต้องเสียสละโดยการลาออกจากตำแหน่งเพื่อรักษาไว้ซึ่งจริยธรรม ทางการเมือง สปิริตทางการเมือง ในอันที่จะป้องกันวิกฤตทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นจากความไม่พอใจของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ และความพยายามในการสืบทอดอำนาจ เพื่อปกป้องปิดบังความผิดพลาดจากการบริหารประเทศตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา  ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะในด้านความตกต่ำของเศรษฐกิจไทยที่เติบโตรั้งท้ายในอาเซียน และในประเด็นเรื่องทุจริตที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้เปิดประเด็นไว้ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา

ประการแรกในเรื่องความตกต่ำของเศรษฐกิจ ผลการสำรวจของ Japan Center For Economic Research พบว่า ภายใต้ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจทั้งโควิด สงครามรัสเซีย ยูเครน รวมถึงเงินเฟ้อที่สูงเช่นเดียวกันทั้งภูมิภาค แต่เศรษฐกิจไทย ภายใต้การนำของพล.อ ประยุทธ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้นำพาเศรษฐกิจไทยดิ่งเหว การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาศแรก ขยายตัวต่ำสุดใน 5 ชาติของอาเซียน โดยเติบโตเพียง 3.1 % พี่น้องชาวไทยจะหวังพึ่งรัฐบาลที่ไม่กล้าตัดสินใจ คัดคนเก่งมาทำงาน ทำเพียงเพื่อหวังอยู่ในอำนาจต่อ

ประการต่อมาจากการที่กระผมได้อภิปรายเพื่อปกป้องการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรของชาตินั่นคือเรื่องการต่อสัญญาซื้อ น้ำประปา 20 ปี ที่กระผมได้กล่าวหาท่านนายกรัฐมนตรี และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในข้อหา ปล่อยปะละเลย และละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ส่อทุจริตเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนเพียงรายเดียวไปแล้วนั้น ซึ่งในการอภิปรายท่าน รมว. มหาดไทย ได้ตอบและยืนยันในที่ประชุมสภาบอกพี่น้องประชาชนทั้งประเทศว่า ไม่เห็นด้วยกับผู้บริหารและบอร์ดของการประปาส่วนภูมิภาคที่จะต่อสัญญาให้กับเอกชน
กระผมจึงขอถือโอกาสนี้เรียกร้องให้ท่าน รมว. มหาดไทย ได้เร่งรัด สั่งการให้ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาคได้เร่งรัดออกคำสั่งให้มีการเตรียมการเข้าดำเนินการโดยบุคลากรของการประปาก่อนสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 14 ตุลาคม 2566 ตามที่ได้รับปากต่อสภาไว้ เช่นการเตรียมโครงสร้างบุคลากรด้านการผลิตน้ำประปา เพื่อรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการผลิตจาก เอกชนเป็นประการที่หนึ่ง ประการที่สอง ขอเรียกร้องให้ท่านผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาคบริหารกิจการประปาซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติให้เป็นธรรม และมีธรรมาภิบาลในการบริหารองค์กรและผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเป็นธรรมและตัดสินใจใดๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้น้ำประปาโดยรวม

ส.ส.จ.เลย พรรคเพื่อไทย กล่าวด้วยว่า  ตลอด 8 ปี ในการบริหารของพลเอกประยุทธ์ มีแต่ข่าวคราวการทุจริต โดยเฉพาะ 5 ปีหลังดัชนีความโปร่งใสทรุดลงตลอดจากอันดับที่ 96 ในปี 2560 ลงมาถึงอันดับที่ 110 ในปี 2564 ซึ่งแสดงถึงการทุจริตที่เพิ่มขึ้นมาตลอดจากการตรวจสอบขององค์กรต่างประเทศ Transparancy International ซึ่งหากปล่อยให้บริหารต่อไป การทุจริตจะยิ่งเพิ่มขึ้น 

ไม่เคยสนใจประชาชนที่ถูกโกง ไม่แก้ปัญหา ไม่เยียวยา

ศรัณย์ ทิมสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเลย เขต 2 และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ย้ำถึงปัญหาการช่อโกงประชาชน ที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายและสร้างความเสียหายต่อทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจอย่างเป็นวงกว้าง ปัญหาการหลอกลวง การช่อโกงประชาชน ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย สิ่งที่น่าใจหายคือ ปัญหาดังกล่าว ดูเหมือนจะยังทวีความรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งทำให้กลุ่มมิจฉาชีพเข้าหาประชาชนได้มากมายหลายช่องทางมากกว่าแต่ก่อน ประสานกับความไม่เอาใจใส่ในการแก้ไขปัญหาและคุ้มครองประชาชนของภาครัฐ ทำให้มีประชาชนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ สูญเสียทรัพย์สิน อีกทั้งยังกระทบความเชื่อมั่นในภาพรวมของประเทศ จากการที่มีกลุ่มมิจฉาชีพจากต่างชาติเข้ามาทำการหลอกลวงมากขึ้น แต่รัฐบาลก็ยังคงไม่สนใจ ไม่ตั้งใจแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
 
หลังจากเกิดการถกเถียงประเด็นดังกล่าวในสังคมมากขึ้นจากภาคประชาชน สิ่งที่รัฐบาลทำคือ ทำการโปรโมต ประชาสัมพันธ์ ออกคำเตือนประชาชน แต่กลับไม่มีความพยายามในการจัดการปัญหาอย่างชัดเจน เห็นได้จาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่น สอท หรือ ปอท ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงกลับไม่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากทั้งขาดกำลังพล ขาดอุปกรณ์และผู้มีความรู้เฉพาะทาง ในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่กลับมุ่งความสนใจและกำลังพลในการปิดปาก และต่อต้านข่าวที่เป็นผลเสียกับรัฐบาล เรื่องเหล่านี้ยิ่งเห็นได้ชัด หลังจากได้ดูรายละเอียดในเอกสารงบประมาณปี 66 ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ในสภาขณะนี้ หน่วยงานและโครงการซึ่งมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา และรับปัญหาของประชาชนผู้ถูกโกงผ่านช่องทางต่างๆ กลับเป็นโครงการที่ถูกปรับลด แต่โครงการที่มีเป้าหมายเพื่อปกป้องรัฐบาล กลับได้งบประมาณเต็ม ทั้งที่ไม่สามารถแสดงผลการทำงานได้อย่างเหมาะสม ตอกย้ำให้เห็นว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการรักษาอำนาจของตน มากกว่าความปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชน
 
ศรัณย์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลยังไม่เคยมีแผนรองรับ หรือช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของขนวนการหลอกลวงจากวิธีต่างๆ ซึ่งเราเห็นได้จากการที่ ไม่ว่าคดีการช่อโกงจากวิธีการใดก็ตาม เช่น กรณี Forex3d วงแชร์ต่างๆ หรือการหลอกให้ลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ถึงแม้คดีจะถึงที่สิ้นสุด มีคำตัดสิน มีการรวบรวมมูลค่าความเสียหายของแต่ละคดีไม่ว่าจะเป็นหลักร้อยล้านหรือพันล้าน แต่ประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อก็แทบไม่มีโอกาสจะได้ทรัพย์สินที่สูญเสียไปคืน หรือแม้แต่ความช่วยเหลือจากรัฐก็ไม่เคยมี เพราะว่าหน่วยงานไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวได้ ซึ่งก็เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลไม่เคยตั้งใจในการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ทำให้หน่วยงานที่ควรต้องรับผิดชอบไม่สามารถทำงานได้ ผลสุดท้ายความเสียหายที่เกิดจากความไม่เอาไหลและไม่ใส่ใจของรัฐบาล ก็ตกกับประชาชน ในยุคสมัยที่การบริหารประเทศล้มเหลวในทุกด้าน ประชาชนกลับต้องเจอกับขบวนการหลอกลวงที่สร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดนที่ผู้นำรัฐบาลไม่สนใจแก้ไข สนใจแต่หาทางโกงเวลา ยืดอายุการอยู่ในอำนาจของตัวเองเพียงอย่างเดียว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท