เลขาธิการ สปสช. ชี้เข้าใจเหตุผลความจำเป็นของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะที่ต้องลดจำนวนประชากรสิทธิบัตรทองที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิ เผยกำลังประสาน กทม. ให้ศูนย์บริการสาธารณสุขรับช่วงดูแลผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่ได้รับผลกระทบ โดยผู้ใช้สิทธิจะถูกขึ้นทะเบียนกับศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้านโดยอัตโนมัติ
6 ส.ค. 2565 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ขอคืนประชากรสิทธิบัตรทองหรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิโดยตรงกับโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน เนื่องจากเกิดปัญหาความแออัด มีผู้ป่วยมากเกินพื้นที่ใช้สอยที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยระบุว่า สปสช. เข้าใจเหตุผลเรื่องความแออัดจนต้องขอลดจำนวนประชากรที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิเพื่อความสะดวกในการให้บริการ และต้องขอขอบคุณโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ที่ได้ช่วยเหลือดูแลประชาชนผู้ใช้สิทธิบัตรทองมายาวนานกว่า 12 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นพ.จเด็จ กล่าวต่อไปว่า ได้รับจดหมายขอคืนประชากรจาก รพ.มงกุฎวัฒนะแล้ว ซึ่งตามกฎหมายถือเป็นการขอเลิกสัญญากับ สปสช ซึ่งโดยสัญญาการบอกเลิกในกรณีนี้จะมีผลในวันที่ 1 ตุลาคม สปสช จะมีกระบวนการในการย้ายสิทธิประชาชนหลังจากมีการยกเลิกสัญญา ในส่วนของประชากรสิทธิบัตรทองที่เคยขึ้นทะเบียนปฐมภูมิกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะนั้น สปสช. จะต้องหาหน่วยบริการอื่นมารับช่วงดูแลเพื่อไม่ให้สิทธิในการรับบริการขาดตอน ประกอบกับ กทม. โดยผู้ว่าชัชชาติ มีนโยบายพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิและเป็นเจ้าภาพระบบปฐมภูมิใน กทม สปสช.จึงจะได้หารือ กทม. ในการมอบหมายให้ศูนย์บริการสาธารณสุขในสังกัด เป็นเจ้าภาพรับดูแลผู้ใช้สิทธิกลุ่มนี้ต่อ โดยประชาชนจะถูกขึ้นทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิกับศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้านโดยอัตโนมัติ ทำให้สามารถเข้ารับบริการสุขภาพได้ต่อเนื่องไม่ขาดตอน และหากไม่สะดวกไปรับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุขที่ สปสช. เลือกให้ ก็สามารถย้ายหน่วยบริการปฐมภูมิในภายหลังได้เช่นกัน
ขณะเดียวกัน สปสช. ยังมีนโยบายยกระดับบัตรทองให้เข้ารับบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ ดังนั้นในระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ หากมีความจำเป็นหรือไม่สะดวกไปรับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่เคยขึ้นทะเบียนกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะก็ยังสามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิอื่น หรือ คลินิกชุมชนอบอุ่น ที่อยู่ในเครือข่าย สปสช. ได้อีกด้วย
"หากผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้มีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม สามารถโทรมาที่สายด่วน สปสช. 1330 ทางเฟสบุ๊คสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือไลน์ไอดี @nhso ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลหรือประสานงานแก้ปัญหาให้ท่านอย่างไม่ชักช้า" นพ.จเด็จ กล่าว
นพ.จเด็จ กล่าวอีกว่า ในส่วนของข้อเรียกร้องของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะที่ต้องการให้ สปสช. เป็นตัวหลักในการประสานงานกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เพื่อขออนุมัติเพิ่มจำนวนเตียงจาก 440 เตียง เป็น 750 เตียง เพื่อให้สามารถรองรับคนไข้ส่งต่อมากขึ้นนั้น สปสช.ยินดีเป็นตัวกลางประสานงานกับ สบส. ในประเด็นนี้ เพราะการเพิ่มจำนวนเตียงมากขึ้น ก็จะทำให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองมีโอกาสได้เข้าถึงบริการเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
อนึ่ง รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้ทำหนังสือถึง สปสช. ลงวันที่ 25 ก.ค. 2565 ขอลดจำนวนประชากรขึ้นทะเบียนปฐมภูมิ และการประสานงานเพิ่มจำนวนเตียงเป็นกรณีพิเศษ โดยแจ้งว่า ประสบปัญหาความแออัดจากจำนวนผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจำนวนมาก ถึงแม้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพจะอนุมัติหลักการเพิ่มจำนวนเตียงจาก 100 เตียง เป็น 440 เตียง โดยจะมีการอนุมัติต่อเมื่อการก่อสร้างอาคารเสร็จสิ้นในปี 2566 แต่ด้วยปรากฏว่าผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนแออัดเกินพื้นที่ใช้สอยที่มีอยู่ในปัจจุบัน จึงคาดการณ์ว่าถึงแม้จะเพิ่มจำนวนเตียงเป็น 440 เตียงในปี 2566 ที่จะถึงนี้แล้วก็ตาม แต่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะก็จะประสบปัญหาความแออัดในทันทีที่ได้รับอนุมัติ ดังนั้น จึงขอความกรุณาจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดังต่อไปนี้
1.ขอลดจำนวนประชากรขึ้นทะเบียนปฐมภูมิเป็นการเร่งด่วน โดยขอขึ้นทะเบียนในกลุ่มประชากรที่เป็นผู้ถือหุ้น บุคลากรในสังกัด และครอบครัวสูงสุดไม่เกิน 20,000 คน ทั้งนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะใคร่ขอให้มีการดำเนินการโดยเร็วที่สุด
2.รพ.มงกุฎวัฒนะขอให้ สปสช.เป็นตัวหลักในการประสานงานกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ในการแก้ไขเพื่อขอเพิ่มจำนวนเตียงจาก 440 เตียงที่ได้รับอนุมัติ โดยขอเพิ่มใหม่ให้เป็น 750 เตียง
3.หากไม่สามารถเพิ่มเตียงได้เป็น 750 เตียง ในปี 2566 รพ.มงกุฎวัฒนะจะประสบปัญหาการปฏิเสธรับผู้ป่วยจนเกิดปัญหาการร้องเรียน และจะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและ สปสช.โดยตรง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand
หมายเหตุ : 13.25 น. วันที่ 1 ต.ค.2565 ประชาไทดำเนินการอัพเดทเนื้อหาบางส่วน