Skip to main content
sharethis

'จตุพร-ทนายนกเขา' จัด Exclusive Talk ตอน 'จีน-อเมริกา กรณีไต้หวัน' เชิญ 'ไพศาล พืชมงคล' วิเคราะห์ ชมจีนใช้ตำราพิชัยสงคราม ไม่ต้องรบเสียเลือดเนื้อ ป้อง 'จีนเดียว' ปม 'Nancy Pelosi' เยือน 'ไต้หวัน' มั่นใจไม่กระทบไทย เหตุ 'สัมพันธ์ไทย-จีน' มีลักษณะพิเศษ 3 ระดับไม่เหมือนชาติอื่น - มั่นใจ 'ประยุทธ์' พ้นตำแหน่ง 8 ปี ตาม ม.158 'ทนายนกเขา' ชี้หากไม่ลงจากอำนาจดีๆ อาจเจอ 'อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย' อย่างแท้จริง

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2565 ที่ผ่านมาทีมสื่อกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) หรือทนายนกเขา กล่าวในรายการ “Exclusive Talk” ตอน “จีน-อเมริกา กรณีไต้หวัน กระเทือนไทยอย่างไร? ในวัน "ประยุทธ์" 8 ปี โดยมีนายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วย รองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมด้วย 
     
นายไพศาล กล่าวว่าการมองสถานการณ์ ต้องมองหลายอย่าง คนมักจะมองว่าการสงคราม จะต้องรบอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะจีนใช้ตำราพิชัยสงครามมานาน ในโลกนี้มีแต่จีนประเทศเดียว ที่สร้างวิชาพิชัยสงคราม และสร้างขึ้นมาถึง 7 ฉบับ ซึ่งชัยชนะที่เลิศที่สุด ก็คือชัยชนะที่ไม่ต้องรบ ฉะนั้นจีนคิดแต่จะเอาชนะโดยไม่ต้องรบ

การเดินทางมาของสหรัฐ ไปยังไต้หวัน ถือว่าเข้าไปในส่วนที่เรียกว่าการศึกแล้ว เกมนี้อเมริกาต้องการสู้ด้วยอาวุธ แต่จีนไม่เล่นด้วย เพราะจีนมีวิธีของเขา แต่เป็นการรบเหมือนกัน ซึ่งอาจจะร้ายแรงกว่าด้วยซ้ำ สงครามคราวนี้ อเมริกาต้องการประทะ ตอนนี้เสียหายในยุโรปก็แย่เต็มทีแล้ว ยังต้องการจะย้ายสมรภูมิ มาที่นี่ให้เร็วที่สุด ต้องการปะทะให้ได้เลย ส่งนาง Nancy Pelosi ประธานสภาผู้แทนราษฎร ของสหรัฐอเมริกา เดินทางไปเยือนไต้หวัน ซึ่งจีนก็รู้ว่าล่อให้ไปรบ

แต่จีนไม่รบ เพราะฉะนั้นการจัดการตอนนี้ คือจัดการไต้หวันด้วยการรวมชาติ ทั้งนี้ในการทำสงคราม จีนถือหลัก 2 อย่างเสมอ ถือว่าสงครามในโลกนี้มี 2 ประเภทคือ 1.สงครามที่เป็นธรรม กับ 2.สงครามที่ไม่เป็นธรรม และอนาคตก็คือ สงครามที่เป็นธรรมจะชนะ สงครามที่ไม่เป็นธรรม ฉะนั้นเขาต้องช่วงชิงทำเสียก่อน ซึ่งถือว่าจีนทำตามตำราพิชัยสงครามเป๊ะเลย

สหประชาชาติรับรองว่า โลกนี้มีจีนเดียว อาเซียนก็รับรองว่าโลกนี้มีจีนเดียว และประเทศต่างๆในโลกนี้ 120 ประเทศ เป็นเอกฉันท์ รับรองว่าโลกนี้มีจีนเดียว ฉะนั้นนาง Nancy Pelosi มาคราวนี้เสียเลย เมื่อเขาถือว่าไต้หวันเป็นของจีน ถามว่าไต้หวันจะยืนหยัดได้กี่วัน เพราะว่าไม่สามารถที่จะ ขนส่งสินค้าเข้า-ออก และน้ำมันกับแก๊สก็ขนส่งเข้าออกไม่ได้เช่นกัน 

นายไพศาล กล่าวว่า สิ่งที่เป็นไปได้ที่อาจจะเกิด ปรากฏการณ์ประชาชน ลุกฮือ คือแก้ไขปัญหากับผู้นำเอง แบบกรณีผู้นำศรีลังกาก็ได้ ซึ่งปรากฏการณ์ของอเมริกา ทำให้ รัสเซีย อีหร่านและเกาหลีเหนือ ประกาศร่วมรบกับจีนหมดเลย

“ความสัมพันธ์ไทย-จีนมีลักษณะพิเศษ ไม่เหมือนชาติอื่น แบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ 1.หนึ่งความสัมพันธ์ ระหว่างประมุขแห่งรัฐ คือ พระมหากษัตริย์กับผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน 2.ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล 3.ความสัมพันธ์ของภาคประชาชน ถึงวันนี้ถือว่าความสัมพันธ์ระดับบน และระดับล่างไม่เปลี่ยนแปลง เห็นหรือว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง” นายไพศาล กล่าว
     
ขณะที่ภาคประชาชน ก็ไม่เปลี่ยนแปลง คนไทยและคนจีนยังคบหา ไปมาหาสู่กันอยู่ แต่ที่จะได้รับผลกระทบ คือรัฐบาล คุณจะเป็นศรีธนญชัยแค่ไหน คุณก็รับผลกรรมเอาเอง วันนี้ยังโม้และหลอกลวงว่า ไทยส่งออกได้เป็นแสนล้าน ความจริงแล้วตั้ งแต่สมัยทักษิณก็ แสนล้านแล้ว ความจริงตอนนี้การค้าไทย-จีนต้อง 2-3 แสนล้านแล้ว 

เรื่องส่งออกอย่ามาโม้ เพราะคุณล้มเหลว การค้าไทย-จีนลดต่ำลง ด้อยกว่าประเทศอาเซียนอื่นๆ สินค้าจากลาว ,กัมพูชา , พม่าเคยส่งไปขายจีนผ่านไทย วันนี้เขาไม่ต้องส่งผ่านไทยแล้ว แต่ส่งไปยังจีนโดยตรงได้เลย แต่เราต้องไปส่งออกผ่านประเทศเหล่านั้นแทน

นายไพศาล กล่าวว่า เรื่องนี้มีบัญชีค้างอยู่ ว่าการที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อนุมัติข้อตกลงรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีนแล้วเบี้ยวไม่ทำตาม ที่ สนช. อนุมัติแต่ไปทำอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งถ้าทำตามที่ สนช.ตามที่มีการวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น สิ้นปีนี้รถไฟไทย-จีนที่เชื่อมกับลาว ไปถึงจีนได้แล้ว เราสามารถขนส่งผู้โดยสาร และส่งของถึงจีนได้เลย แต่เดี๋ยวนี้เราส่งของไปจีน ไม่ได้ต้องขออนุญาต สปป.ลาวก่อน 

นอกจากนี้ไทยยังไปเบี้ยว ข้อตกลงเรื่องแม่น้ำโขงด้วย 5 ประเทศเขาขนส่งสินค้ากัน ในแม่น้ำโขง รับนักท่องเที่ยวไปมากันเยอะ จากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่จะมาเที่ยวในแม่น้ำโขง แต่ขึ้นฝั่งไทยไม่ได้ต้องขึ้นฝั่ง สปป.ลาวแทน และเราไม่ให้ขุดลอกแม่น้ำ ฉะนั้นท่าเรือฝั่งไทยไม่มี จึงขนส่งสิ่งของไม่ได้ จะส่งของไปลงแม่น้ำโขงต้องข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว

แต่ถ้าเราร่วมปฏิญญาแม่น้ำโขง ก็สามารถส่งสินค้าเรา ส่งสินค้าที่ท่าเรือเชียงแสน ลงที่ท่าเรือเชียงของ ลงที่ท่าเรือหนองคาย , ท่าเรือมุกดาหารแต่รัฐบาลกลับไม่ทำ ถ้าตรงนี้แก้ไขไม่ได้พี่น้องเกษตรกร และการค้าขาย จะวายวอดหมด ตอนนี้รถไฟพม่า-จีนจากมัณฑะเลย์ ขึ้นไปถึงคุณหมิง และต่อไปยังเสฉวนได้ เพราะมีประชากรจำนวนมาก

ด้านนายนิติธร กล่าวว่าวันนี้จีนยังล้อมอยู่ แล้วก็ล้อมอเมริกากับไต้หวันด้วย โดยที่ผู้นำของจีนตัดสินใจเอง เพราะจะได้ไม่เกิดกรณีว่าจีนฆ่าจีน และไม่หักกรณีจีนเดียว ซึ่งอเมริกาประมาทจีน นึกว่าจะเป็นเหมือนผู้นำยูเครน แต่ปรากฏว่าจีนไม่รบ และผู้นำจัดการเอง ทั้งนี้ยุทธการหนึ่งของอเมริกาน่ากลัว คือ ต้องการให้ประเทศใหญ่ ประเทศ 1 รบด้วยคือจีน ซึ่งเป้าหมายในการไปสร้างปัญหา ให้จีนกับรัสเซียคือ ต้องการให้ 2 ประเทศนี้หยุดการพัฒนา และไม่ไว้ใจกันไม่ร่วมมือกัน ตนคิดว่าความมุ่งหมายของอเมริกาไม่หยุด

แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย กล่าวว่าหลังจากอเมริกาปฏิบัติการ ต่อฮ่องกงและไต้หวัน ต้องถือว่าแพ้ราบ ทั้งนี้ยุทธการในการปฎิบัติการ ยังอาศัยแผ่นดินไทย ไปแทรกแซง ผ่านพม่าก็ยังทำอยู่ เพราะฉะนั้นวันนี้เป้าหมาย ของอเมริกายังอยู่ที่ไทย โดยต้องการตั้งฐานทัพ เพราะที่อื่นตั้งไม่ได้แล้ว เหลือไทยประเทศเดียว แสดงว่าความมุ่งมั่นของอเมริกา ยังดำรงอยู่และรัฐบาลยังดำเนินการ เรื่องอินโด-แปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลไทยยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจน ที่จะสลัดทิ้งจากอินโด-แปซิฟิก ซึ่งเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์หลัก ในการเปลี่ยนแปลงนั้น สำคัญมาก

มั่นใจ 'ประยุทธ์' พ้นตำแหน่ง 8 ปี ตาม ม.158 

นายไพศาล กล่าวว่าหากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี ขัดรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 มาตรา 264 และยังฝ่าฝืนมาตรา 170 ต้องใช้ช่องทาง การทำรัฐประหารตัวเอง เหมือนจอมพล ถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่หนทางที่ พล.อ.ประยุททธ์ จะประกาศภาวะผู้นำ โดยไม่ทำลายรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วยการประกาศ พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 

เช่น มีผู้นำอย่าง พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ลาออกจากนายกรัฐมนตรี แล้วเสนอ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน และต่อมา พล.อ.เปรม ก็ประกาศวางมือ ทางออกนี้ถือว่าสง่างาม ชอบธรรม และไม่เกิดวิกฤตวุ่นวายขึ้นในประเทศ ขึ้นอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกตัดสินใจช่องทางใด
 
เมื่อรัฐธรรมนูญ 60 กำหนดไว้ชัดเจน ตามตัวอักษรไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี ตนก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น คนไทยจะมาอ้างไม่รู้กฎหมายก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องเป็นผลบังคับรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 158 โดยเขียนมาตรานี้ เพื่อดักนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีก เนื่องจากเป็นมาแล้ว 5 ปีกว่า จึงเป็นได้อีกแค่ 2 ปีกว่าเท่านั้น
 
“พล.อ.ประยุทธ์ เคยสัญญากับประชาชน ว่าจะอยู่ไม่นานแต่เมื่ออำนาจเป็นของหอม ของเหนียวจนแกะตัวเอง ไม่ออกจากอำนาจ แล้วยังทำตัวอยู่เหนือกฏหมาย ถ้าเปรียบรัฐธรรมนูญเป็นเสาเอก ของบ้านเมืองแล้ว ต้องยึดปฎิบัติ หากทำลายแล้ว บ้านเมืองก็พังลงทันที พล.อ.เปรม ซึ่งมีความซื่อสัตย์ ไม่เกรงกลัวคนไหนที่ทำความผิด จะถูกจัดการปลดออกจากตำแหน่งหมด แต่เมื่อประชาชนเบื่อท่าน ไม่อยากให้อยู่ต่อ ท่านก็ลาออก ทั้งที่ไม่มีกฎหมายกำหนดไว้ ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ไม่ยอมออก เพราะอยากยึดกุมอำนาจ แม้รัฐธรรมนูญบังคับก็ยังไม่ยอมออก กลับบอกว่าใครสงสัยให้ไปฟ้องศาล เป็นการแสดงถึงความวิปริต ของผู้นำและความวิปริตของบ้านเมือง” นายไพศาล กล่าว
 
นายไพศาล กล่าวว่าผู้นำของประเทศ ไม่ควรเอาการทำงานหนัก เหนื่อยมาพูด เพราะการทำงานหนัก และเหนื่อยนั้นจะสู้ยาม รักษาความปลอดภัย หรือกรรมกรไม่ได้ แต่ผู้นำประเทศ ให้ถือเอาประโยชน์ ของประเทศชาติและประชาชน ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ไม่ให้ใครมาเบียดเบียนประเทศ ซึ่งผู้นำมีหน้าที่ 2 ข้อสำคัญ 1.ต้องเป็นศูนย์กลางประเทศ และ 2. ชี้ทิศนำทางไปสู่ความสำเร็จ ต้องเน้นให้เกิดความสามัคคีของคนในชาติ
 
การใส่ร้ายผู้คน ยัดข้อหาคนให้เป็นพวกชังเจ้า ชังชาติ ซึ่งตนก็เจอมา แต่ไม่ยอมรับ รวมทั้งยังยัดนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ให้เป็นศัตรูกับเจ้า ซึ่งคนกล่าวหาพวกนี้ ไม่มีความจงรักภักดีเลย ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ อาทิ นโยบายคนละครึ่ง ขณะนี้ประชาชนที่ต้องจ่ายอีกครึ่ง ไม่มีจะจ่ายแล้ว เพราะเศรษฐกิจช่วงนี้แย่ มาตราการด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่มี เพราะไม่มีอะไรจะมาแจก นอกจากคนละครึ่ง
 
การถวายสัตย์ปฎิญาณตน ในวันเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ยังมีความกังขาว่า เป็นความพลั้งเผลอหรือเจตนากันแน่ เมื่อพิจารณาถึงวันนี้ แสดงถึงการถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วน เท่ากับเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ และยังสะท้อนถึง การไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดไว้ชัดเจน ตามตัวอักษร คนไทยอ่านก็เข้าใจ รู้เรื่องดี
 
เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 60 กรณีเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เกิน 8 ปีนั้น เขียนบันทึกเจตนารมณ์ไว้ชัดเจน เพราะไม่ต้องการ ให้เกิดวิกฤตของบ้านเมือง และพิจารณาคำปรารภของรัฐธรรมนูญ ระบุถึงสาเหตุวิกฤตบ้านเมือง เกิดจากการทุจริต ฉ้อฉล การบิดเบียนการใช้อำนาจ และไม่นำพาความเดือดร้อนของประชาชน 
     
“กรณีนี้สะท้อนว่าอยู่เกิน 8 ปี จะทำให้ เกิดโมฆะทางอำนาจการ ดังนั้น บริหารราชการแผ่นดิน ตั้งแต่หลังเที่ยงคืน 23 ส.ค. จะไม่มีรัฐบาล ไม่มีผู้ปกครอง แล้วจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อรัฐธรรมนูญ 60 เขียนการอยู่ในตำแหน่ง 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ จะบอกไม่รู้กฎหมายไม่ได้ เพราะคนตาบอด ตาสีตาสาเก็บเห็ด หาของป่า ยังถูกจับทำผิดกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ผู้นำเบอร์หนึ่งของประเทศยังมาบอกไม่รู้กฎหมายไม่ได้”นายไพศาล กล่าว
 
หลังวันที่ 23 ส.ค. ประธานรัฐสภา ต้องเรียกประชุม หานายกรัฐมนตรีคนใหม่ หากไม่ทำจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ เมื่อบ้านเมืองว่างการบริหาร รัฐธรรมนูญกำหนดให้ ปลัดกระทรวงมาบริหารประเทศชั่วคราว ถ้าประธานสภา ไม่ทำถือว่าผิด หรือปลัดกระทรวง ไม่บริหารบ้านเมืองก็ผิด อย่าทำเป็นเล่นกัน
 
ความจริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีมา 2 สมัย ตั้งแต่ 24 ส.ค. 57 และสมัยที่ 2 หลังเลือกตั้งปี 62 ถึงปัจจุบัน จึงจะครบ 8 ปี ในวันที่ 23 ส.ค. ส่วนข้อกฎหมายบอกไม่ให้เป็นเกิน 8 ปี ไม่ว่าก่อนหรือหลัง ดังนั้นเวลาจึงนับต่อ จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ตาม รธน.มาตรา 158 และ 264 ประกอบการสิ้นสุดตำแหน่ง ตามมาตรา 170 ด้วย
 
นายไพศาล กล่าวถึง กองเชียร์ที่ออกมาโต้แย้ง แทน พล.อ.ประยุทธ์ว่า โดยกระบวนการแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 158 วรรค 1-3 มาบิดเบือนระยะเวลา การดำรงนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นคนละกรณีกัน แสดงถึงการแถและดิ้น ไร้ข้อเท็จจริง 

ยกกรณีนายศิระ เจนจาคะ อดีตส.ส.พลังประชารัฐ ที่พ้นจาก ส.ส. กรณีติดคุกคดีฉ้อโกง สมัยรัฐธรรมนูญปี 38 แต่ศาลให้นับต่อเนื่องด้วย เพราะมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2560 จึงต้องพ้นจากตำแหน่ง ดังนั้น กรณีเช่นนี้จึงแสดงถึงความต่อเนื่อง ในระยะเวลาอันเป็นข้อห้าม ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเช่นกัน และยากจะดิ้นหลุดพ้นได้ง่าย

“ประวัติศาสตร์ของชาติ ไม่มีใครกล้าเล่น เรื่องขัดรัฐธรรมนูญ มีแต่จะยึดอำนาจตัวเอง เหมือนจอมพล ถนอม กิตติขจร ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ต้องการทำลายรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใส่ใจรัฐธรรมนูญแล้ว จะทำให้ขื่อแปบ้านเมืองพัง แม้จะถลกแขนเสื้อ ส่งสัญลักษณ์สู้ แต่ไม่รู้จะสู้อย่างไร เพราะผู้ใหญ่บ้านเมือง ไม่มีใครออกมาช่วยเลย ถ้าทำปฎิวัติ ผมจะสู้ไม่ถอย และเพื่อนผมใน 3 กองพันจะสู้ จะต้านด้วย” นายไพศาล กล่าว
 
พล.อ.ประยุทธ์ ต้องประกาศว่า จะเคารพในรัฐธรรมนูญนี้ ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดี และสง่างาม แล้วให้สภาฯ คัดเลือกนายกฯใหม่ ตามกระบวนการมาตรา 272 ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ยังดันทุรังไปต่อ อาจจะลงจากอำนาจไม่สวยงาม ซึ่งพล.อ.เปรม เคยพูดว่า แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นต้องรอดูปรากฎการณ์ ประชาชนหลังเที่ยงคืน 23 ส.ค.ของจริงจะปรากฎ
 
“นายกฯ อยากรู้ ว่าประชาชนชอบท่านจริงหรือไม่ พิจารณาจากใช้รักษาความปลอดภัยจำนวนมากคอยคุ้มกัน ไปที่ไหนมีแต่เสียงบ่นของประชาชน ไม่มีความชื่นชม สิ่งเหล่านี้สามารถตรวจสอบได้ว่า จะอยู่ต่อเกิน 8 ปีได้หรือไม่ แต่ทางออกที่ดีที่สุดคือ ประกาศลาออกเหมือน พล.อ.เกรียงศักดิ์ และเสนอพล.อ.เปรมขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ โดยสามารถกลบเสียงตำหนิ ถึงความล้มเหลวได้สิ้นเชิง นี่คือทางออกที่ดีที่สุด” นายไพศาล กล่าว
 
นายไพศาลกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ที่ยอมเห็นประชาชนทุกข์ยาก ลำบากกับราคาพลังงานที่แพงขึ้น ซึ่งไม่เข้าใจว่า ทำได้และทนได้อย่างไร ทั้งที่สามารถแก้ได้ แต่ไม่ทำ เป็นเพราะอะไร เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนหรือไม่ จึงเป็นความสงสัยในการบริหารบ้านเมือง ในตำแหน่งนายกฯ ที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน แล้วกลับทนเฉย

'จตุพร' มั่นใจ 'ประยุทธ์' ไม่ยอมลงจากอำนาจ 

ด้านนายจตุพร กล่าวว่า ถ้าประยุทธ์ลงจากตำแหน่งดีๆ คิดว่าสถานการณ์ ของประเทศเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ในนาทีนี้เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ลงดีๆ แน่ ตามพฤติกรรมที่ปรากฏ ถ้าคุณจะไป คุณทำคลิปขอเวลาอีก 2 ปี แบบนั้นไม่ได้ ไปลั้นลาได้อย่างไร

ต้องพูดแล้วว่าข้าพเจ้ามีเวลาเท่านี้ แต่ละหน่วยงานจะได้เตรียมตัวไว้ แล้วพล.อ.ประยุทธ์ต้องบอกว่า ผมจะทำหน้าที่สิ้นสุด ไม่มีอะไรติดยึด ทำหน้าที่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เป็นเรื่องของนายกฯ คนต่อไปอย่างนั้นสง่างาม แต่ตนมองแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เลือกเส้นทางนี้ เพราะบรรดาบริวารทั้งหลาย บอกว่าอย่าได้กังวล รอดแน่ ไปข้างหน้าแน่ 

บรรดาผู้ปกครองในขณะนี้ ยังไม่เห็นฤทธิ์ประชาชน คิดว่าตอนนี้ไม่เห็นมีอะไร คิดว่าเรื่องนั้นก็รอด เรื่องนี้ก็รอด เดี๋ยวก็ผ่านไปได้ ประชาชนคนไทย ไม่มีสภาพ คนไทยตื่นยาก แต่ถ้าตื่นมาแล้วแป๊บเดียว เพราะฉะนั้นถ้าดูปรากฏการณ์ตอนนี้ ยังไม่เห็นภัย แต่ทันทีหลังจากวันที่ 23 สิงหาคม เวลาเที่ยงคืนไปแล้ว จะเป็นของจริงที่ปรากฏ

ประธาน นปช. กล่าวว่าเขาเห็นว่าไม่มีอะไร ผ่านมาทุกเรื่อง ถวายสัตย์ไม่ครบก็ไม่เป็นไร รอดกันทั้งนั้น แต่เรื่องนี้ไม่มีช่องทางรอดได้เลย คือวันดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญ จะเขียนยังไงแม้ว่าจะเขียนได้ แบบถูไถไปนับวัน เป็นนายกรัฐมนตรี ความจริงแล้วเขียนไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าเขียนช่วยแล้วก็ตาม 

กรณีของพล.อ.ประยุทธ์ มีฝั่งที่เป็นกองเชียร์ และก็ยังถูไถกันไป ทั้งที่บางทีก็ยกมาตราขึ้นมาฟังไม่ได้ แม้แต่ข้อเดียว แล้วไม่อ่านเต็ม ดังนั้นคิดว่าไม่มีช่องทางไหนเหลือ ช่องทางเดียว ถ้าอยากไปต่อก็คือ “ปฏิวัติตัวเอง” 

ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ แสดงสปิริต คนก็จะลืมเรื่อง 8 ปี ถ้าเป็นอย่างนั้น ทุกอย่างก็เป็นที่ยุติ ประชาชนก็ไม่พูดเรื่องนี้ 8 ปี ย่อมมีคนชอบใจ , ไม่พอใจแต่ทุกอย่างจะลบในคราวเดียว ด้วยการแสดงสปิริต คิดว่าคนที่ได้รับประโยชน์ จากการแวดล้อม พล.อ.ประยุทธ์ พวกนี้เป็นคนที่บังตา อย่างแท้จริง เพราะถ้าพลเอกประยุทธ์ ไม่ติดยึดความเป็นตัวตน แม้จะไปแล้ว แต่กลไกส่วนมาก ก็ยังอยู่ในมือท่าน

ประธาน นปช. กล่าวว่ากรณี 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นชนวนใหญ่ แต่ตอนนี้อยากให้ท่าน ลองใช้เวลานั่งนิ่งๆ ในช่วง 10 กว่าวันนี้ ลองอ่านกฎหมาย มาตรา 158 , มาตรา 170 และมาตรา 264 ทุกบรรทัด ท่านย่อมรู้แก่ใจดี และต้องนึกว่าท่าน ไปข้างหน้าจะได้อะไร จะมีจุดจบอย่างไร รวมทั้งหนทางถัดจากเที่ยงคืน วันที่ 23 ไปแล้วด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่มีโอกาส ลงดีๆอีกแล้ว วันนั้นอยากจะไปก็ไปไม่ได้ เพราะคนจะไม่ยอมให้ไป แล้วสถานการณ์ก็จะเปลี่ยน เพราะควรตัดสินใจแล้ว ว่าคุณไม่เคารพกฎเกณฑ์กติกา คุณหลอกคนมาตั้งแต่ต้นว่า จะขออยู่ไม่นาน ตนไม่ได้ร้องขอว่าท่าน จะต้องมีสามัญสำนึกอะไร ใจตนอยากให้ท่าน ดื้อดึงดันต่อไป เพราะจะได้เวลาประชาชน ถ้าลุกฮือเหมือน 14 ตุลาคม และเกิดปรากฏการณ์ เหมือนพฤษภา 35 ก็จะเปลี่ยนแปลงได้เยอะ

เวลา 8 ปีกำหนดไว้ชัดเจนแล้ว ทั้งข้อกฎหมาย จึงเถียงไม่ได้ ทั้งนี้มาตรา 264 รับรอง เชื่อมโยงกับมาตรา 158 ยังไม่แสดงบัญชีทรัพย์สิน ต่อคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อีก โดยอ้างเป็นนายกรัฐมนตรีต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้จึงชัดเจน ในระยะต่อเนื่อง ของการเป็นนายกรัฐมนตรี และเข้าเงื่อนไขตามมาตรา 158 วรรค 4 
 
“ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่หมดวาระ จะมีคนออกมาเถียงแทนเลย แต่ขณะนี้ทุกคนในรัฐบาล กลับเงียบกันหมด แสดงถึงความชัดเจน ในกรณี 8 ปีตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ดังนั้นเวลาที่เหลืออีก กว่าสิบกว่าวัน พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรีบตัดสินใจก่อนเที่ยงคืน 23 ส.ค. เพราะผลลัพธ์ที่จะตามมา มันหนักหน่วงยิ่งกว่า การต่อต้านกฎหมายสุดซอย อีกทั้งสถานการณ์วันนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว” นายจตุพร กล่าว
 
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ของรัฐบาลและให้คำปรึกษา พล.อ.ประยุทธ์ รู้อยู่เต็มอกอยู่แล้ว เด็กเรียนกฎหมายอ่านยังรู้เรื่องเลย เพราะมาตรา 158 กำหนดไว้ชัดเจน ดิ้นไม่ได้ และเข้าใจทั้งวิธีการ กระบวนการ ขั้นตอนการเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ 60 แล้วยังบังคับระยะเวลาให้อยู่ได้ไม่เกิน 8 ปีด้วย
 
รวมทั้งเมื่อนำมาตรา 264 มาประกอบแล้ว ระบุว่า ให้ครม.ที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ ในวันก่อนประกาศใช้ รัฐธรรมนูญนี้ เป็นครม.ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จนกว่าครม.ที่ตั้งขึ้นใหม่ ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ จะเข้ารับหน้าที่ และให้นําความในมาตรา 263 วรรค 3 มาใช้บังคับ แก่การดํารงตําแหน่งรัฐมนตรี โดยอนุโลม ดังนั้นการกำหนดเช่นนี้จึงชัดเจน และสอดคล้องระยะเวลา ต่อเนื่องตามมาตรา 158 ด้วยข้อเท็จจริงตามตัวอักษรกำหนด
 
นายจตุพร กล่าวว่าเมื่อพิจารณา มาตรา 170 ระบุว่า นอกจากเหตุที่ทําให้ ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง เฉพาะตัวตามวรรค 1 แล้ว ความเป็นนายกรัฐมนตรี ก็สิ้นสุดลง เมื่อครบกําหนดเวลา ตามมาตรา 158 วรรค 4 ด้วย สรุปแล้ว ยิ่งอ่านโยงกัน ยิ่งชัดเจน ยิ่งล็อคการเป็นนายกฯ ไม่เกิน 8 ปีไว้หมด ดิ้นไม่ได้ แถไม่ออก ไม่รู้กองเชียร์จะช่วยอย่างไรกัน
     
“ประเด็นเป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี จะเป็นชนวนใหญ่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องเชื่อผม ให้ใช้เวลา 10 กว่าวันนี้ ไปอ่านกฎหมายมาตรา 158 ทุกบรรทัด และนึกว่า ถ้าไปข้างหน้าจะมีจุดจบอย่างไร ถ้าหลังเที่ยวคืน 23 ส.ค. ไม่ยอมลงแล้ว คนไทยจะไม่ยอมให้ไปแบบดีๆแน่” นายจตุพร กล่าว

'ทนายนกเขา' ลั่น หาก ปม 8 ปี 'ประยุทธ์' ได้ไปต่อ เจออำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยแน่ 

นายนิติธร ล้ำเหลือ กล่าวว่าปัจจุบันเป็นวิกฤติวิบัติแล้วก็กลียุค บรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่ดูถูกประชาชนทั้งนั้น กรณี 8 ปีตนฟังดูแล้ว ถ้าไปใช้อภินิหารทางกฎหมาย ไปอาศัยอำนาจ หรือศาลรัฐธรรมนูญ อธิบายไม่ได้ หรืออธิบายคนไม่ยอมรับ ก็จะพังเป็นระบบกันไปเลย

แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย กล่าวว่าถ้าทำกันอย่างนี้ ก็จะเจอคำว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย อย่างแท้จริง และตรงนี้จะแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ได้อย่างถาวร อาจจะเกิดอภินิหารแบบว่า ลาออกยุบสภาไปเลย ถ้าไม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน กฎหมายก็ไม่สอดคล้อง หลักธรรมก็ไม่ใช่ ความรู้สึกของประชาชนก็ไม่ใช่

“การถวายสัตย์ในความเห็นส่วนตัวผม พลั้งเผลอได้ยากมาก แต่ถ้าสมมุติว่า พล.อ.ประยุทธ์ วางเกม ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น คือ นำเรื่องเข้าสู่ศาล และศาลชี้ไม่ได้ ศาลบอกว่าเป็นเรื่องของนายกฯ กับสถาบันกษัตริย์ ในเรื่องสัตย์ปฏิญาณ ไม่มีกฎหมายให้ศาล ไปดำเนินการถึงที่สุด แล้วทางฝ่ายนี้ไม่ทำ ความเห็นส่วนตัวผมโดยสุจริต ในฐานะนักกฏหมายเหมือนกัน คิดว่าศาลควรจะชี้ ว่าฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ใช่ไปชี้เรื่องผิดเรื่องถูก” นายนิติธร กล่าว 

คืนวันที่ 23 ส.ค. เวลา 00.01 ที่อยู่ในพระราชปรารภหรือ อารัมภบทครบเลย ฉ้อฉล -ทุจริต – บิดเบือนอำนาจ -ไม่นำพาความเดือดร้อน ของประชาชน กรณีนี้มี 2 ทางเลือก คือ 1.ไปบอกให้เขาทำตามหน้าที่ 2. บ้านเมืองเข้าสู่กลียุค 3.เตรียมประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าสู่กลียุค ทั้งนี้บ้านเมือง ระบบไหนล่มประเทศก็อยู่ได้ มีสงครามเศรษฐกิจก็ฟื้นได้แต่ถ้าระบบยุติธรรมล่มอันนี้ยากมาก 

แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย กล่าวว่าถ้าเรื่องนี้กฎหมายชัดเจน เจตนารมณ์ชัดเจน ที่มาของรัฐธรรมนูญ เบื้องหลังชัดเจน และประชาชนเข้าใจ บรรทัดฐานที่เคยตัดสินแล้วชัดเจน ปัญหาที่ตามมา บ้านเมืองเข้าสู่กลียุค มีโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์จะยึดอำนาจตัวเอง ตนคิดว่าเขาทำแต่คงไม่สำเร็จ ยึดอำนาจยังดีกว่า ทำลายรัฐธรรมนูญลง แต่ถ้าเขาปฏิวัติตัวเอง เจอกันรอบนี้ ตนไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว และคิดว่าหลายคนก็คิด แต่ไม่ได้พูด และรอเคลื่อนไหว รอปฏิบัติอยู่ 

เรื่องนี้เหมือนทางตัน แต่ความจริงแล้วทางออกมี คือ การประชุมรัฐสภา โดยไม่ต้องไปปฏิวัติตัวเอง ปลัดกระทรวงทำหน้าที่ แทน ครม. ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์จะต้องส่งสัญญาณแล้ววันนี้ ปลัดกระทรวงจะได้เตรียมการ ไว้ให้ เรียบร้อย ตนคิดว่าโอกาสที่จะ ไปเปิดล็อกทางการเมือง ตามวิถีทาง ดูบรรยากาศแบบนี้ ในขณะนี้ถ้าจะเกิดยาก ความเป็นไปได้ที่จะยึดอำนาจตัวเอง อาจจะนำมาใช้ ถ้าปล่อยไปแบบนี้ เกิดวิกฤติวิบัติ และกลียุคแน่นอน

ถ้าไปใช้ อภินิหารทางกฎหมาย ไปอาศัยอำนาจ หรือศาลรัฐธรรมนูญ อธิบายไม่ได้คนไม่ยอมรับ จะพังกันเป็นระบบไปเลย พังระเนระนาด และถ้าผลออกมา พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อ จะได้เจอคำว่า “อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย” อย่างแท้จริง และตรงนี้จะแก้ไขปัญหา ของชาติบ้านเมืองได้อย่างมั่นคงถาวร


     

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net