พระสงฆ์พม่ารูปใด เชียร์เผด็จการทหารบ้าง

แฮกเกอร์ชาวพม่าคนหนึ่งซึ่งไม่นับถือศาสนา เขียนบทความอธิบายถึงบทบาทของพระสงฆ์นิกายเถรวาท 6 รูป ที่ออกมาสนับสนุนเผด็จการทหารพม่า เพราะเชื่อว่าการรัฐประหารครั้งนี้มีขึ้นเพื่อปกป้องพุทธศาสนาจากกลุ่มศาสนาอื่นๆ บางรูปเชื่อกันว่าเป็นโหรประจำตัวของ พล.อ. อาวุโส มิน อ่อง หล่าย แต่บางรูปก็ความเชื่อที่น่าประหลาด เช่น เชื่อว่ามนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาก่อนโลก เป็นต้น

'เฮน เท็ด จ่อ' โฆษกของกลุ่มอเทวนิยมในพม่า และแฮกติวิสต์ที่พยายามต่อต้านการเซ็นเซอร์ของรัฐบาล เพื่อสนับสนุนการนำเสนอความคิดเห็นของนักปฏิรูปศาสนาที่รู้จักสงสัยและตั้งคำถาม และสนับสนุนคำสอนที่มีลักษณะก้าวหน้า เขียนบทความเมื่อ 24 ก.ค. ที่ผ่านมาลงในเว็บไซต์พันธมิตรอเทวนิยมสากล (Atheist Alliance International) เกี่ยวกับพระสงฆ์ที่มีบทบาทสนับสนุนเผด็จการทหารในพม่า

เขาเล่าว่า "พม่าอยู่ในสถานการณ์ความไม่สงบมาเป็นเวลา 18 เดือนแล้ว" การรัฐประหารก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างมาก  "ประชาชนทั่วพม่าได้ตัดสินใจจับอาวุธขึ้นสู้กับการรัฐประหาร เพื่อรักษาความถูกต้องของรัฐบาลประชาธิปไตยที่พวกเขาเลือกมา อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายคนกลับตัดสินใจสนับสนุนเผด็จการรัฐประหารด้วยเหตุผลต่างๆ นานา"

หนึ่งในเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ แฮกเกอร์เทวนิยมเล่าว่า ได้แก่ "การหลงคิดว่าเผด็จการทหารเป็นระบอบที่ปกป้องพุทธศาสนาจากศาสนาอื่นๆ เช่น อิสลามและคริสต์" ด้วยเหตุนี้ "คณะสงฆ์ที่เคยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในประเทศกลับแตกแยกอย่างสาหัสเกี่ยวกับสาเหตุหลักของการรัฐประหารครั้งล่าสุด"

ในอดีต คณะสงฆ์ในพม่าเคย "ถึงขนาดจัดตั้งขบวนการต่อต้านองค์กรการปกครองของกองทัพที่ครอบงำชาติมากว่า 60 ปี" โฆษกองค์กรอเทวนิยมในพม่ากล่าว "พระเป็นผู้นำการประท้วงต่อต้านการเพิ่มราคาเชื้อเพลิงใน พ.ศ. 2550 และจัดตั้งกิจกรรมบรรเทาช่วยเหลือต่างๆ หลังการเกิดพายุโซโคลนนากีสใน พ.ศ. 2551 ท่ามกลางความนิ่งเฉยของเผด็จการทหาร"

หลังการรัฐประหาร ก.พ. 64 "ประชาชนในพม่าสูญเสียทั้งบ้านเรือน ความใฝ่ฝัน บุคคลผู้เป็นที่รัก และทรัพย์สิน ในการตอบโต้ต่ออาชญากรรมสงครามที่กระทำโดยเผด็จการทหารและรอบฟาสซิสต์ปฏิกิริยาของพวกเขา" ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ "พระส่วนน้อยเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านเผด็จการทหารบนท้องถนน ขณะบุคคลสำคัญที่มีเชื่อเสียงหลายคนและพระหลายองค์กลับปกป้องเผด็จการทหาร"

สิตากุภิกขุ  (Sitagu Sayadaw)

 

ที่มาภาพ https://www.atheistalliance.org

สิตากุภิกขุออกมาสนับสนุนเผด็จการทหาร และต่อต้านขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไม่นานมานี้ โดยให้เหตุผลว่าการรัฐประหารมีขึ้นเพื่อต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยม หลังการประกาศสวามิภักดิ์กับ พล.อ. อาวุโส มินอ่องหล่าย เขาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสังฆราชของชเวยินนิกายา ซึ่งเป็นองค์กรสงฆ์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของพม่า  และ 1 ใน 9 องค์กรสงฆ์ของพม่าที่ถูกต้องตามกฎหมาย

สิตากุภิกขุ เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนพุทธสิตากุ โรงพยาบาลสิตากุอายุดานาในภาคสะกาย และเป็นคณะกรรมการผู้นำศาสนาโลกของสถาบันเอลียะห์ ซึ่งส่งเสริมความเข้าใจระหว่างผู้คนต่างศาสนา ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2540 ณ กรุงเยรูซาเล็ม สิตากุภิกขุมีบทบาทต่อศาสนชุมชนอย่างมาก องค์กรของสิตากุภิกขุเป็นผู้ให้เงินช่วยเหลือแก่โครงการเพื่อสังคมต่างๆ ของพม่า เช่น การสร้างปั๊มน้ำและคลินิก แม้สิตากุภิกขุจะทำคุณประโยชน์ต่อสังคม แต่บทบาทเหล่านี้ก็ไม่ได้ปราศจากซึ่งปัญหา

ด้วยเหตุผลที่สิตากุภิกขุมีอิทธิพลอย่างมากต่อสังคมผ่านสถาบันและโครงการเหล่านี้ ความคิดต่อต้านการแต่งงานของคนรักเพศเดียวกันของสิตากุภิกขุส่งผลให้เกิดการเลือกปฏิบัติต่อคนชายขอบ หลังคนรุ่นใหม่เข้าสู่การปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตยในพม่า และเปิดกว้างต่อแนวคิดเกี่ยวกับเพศสภาพและความรักที่เป็นอิสระมากขึ้น สิตากุภิกขุได้ออกมาประกาศในขณะสนธนาธรรมว่าเขาหวังเป็นอย่างยิ่งไม่ให้การแต่งงานของคนรักเพศเดียวกันถูกต้องตามกฎหมายในพม่าโดยเด็ดขาด

วาสิเป๊กภิกขุ (Vasipake Sayadaw)

วาสิเป๊กภิกขุ หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่าวิมาลา พัททันตา อาชิน โกวินทะ เป็นพระสงฆ์ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโหราศาสตร์และคุณไสย มีชื่อเสียงมาจากการปฏิญาณว่าจะงดเว้นการพูด (vows of silence)

"เขาปฏิญาณว่าจะฝึกฝนการงดเว้นการพูด ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับคำสอนพุทธศาสนา" เฮน เท็ด จ่อ กล่าว

หลายฝ่ายเชื่อว่า วาสิเป๊กภิกขุเป็นโหรประจำตัวของ พล.อ. อาวุโส มินอ่องหล่าย และมีบทบาทสำคัญในการรัฐประหาร ก.พ. 64 พล.อ. อาวุโสมินอ่องหล่ายกลายเป็นสาวกของวาสิเป๊กภิกขุใน พ.ศ. 2549 ขณะเขาเป็นเจ้าหน้าที่ผู้บัญชาการเขตสามเหลี่ยมทองคำบริเวณภาคตะวันออกของรัฐฉาน

มีการกล่าวหาว่าวาสิเป๊กภิกขุเป็นผู้แนะนำให้มินอ่องหล่ายโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และแนะนำนายพลระดับสูงให้ยิงผู้ประท้วงที่ศรีษะ ในช่วงแรกที่มีการปราบปราม ผู้ประท้วงต่อต้านเผด็จการทหารส่วนใหญ่มักได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะ

เฮน เท็ด จ่อ  เล่าว่ามีครั้งหนึ่งมินอ่องหล่ายพบว่ามีประชาชนไปแขวนชุดชั้นในหญิงบนรูปภาพของวาสิเป๊กภิกขุ เขารีบสั่งให้ทหารไปนำชุดชั้นในดังกล่าวออกทันที และประกาศผ่านสื่อของรัฐว่าผู้ใดกระทำการดังกล่าวจะถูกฟ้องในข้อหาดูหมิ่นพุทธศาสนา

ในพม่ามีความเชื่ออย่างแพร่หลายว่า หากผู้ชายแตะต้องชุดชั้นในหญิงจะทำให้อาคมเสื่อม อย่างไรก็ตาม ความเชื่อนี้ถูกตั้งคำถามมากขึ้นในช่วงหลังโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ผ่านมามีการแขวนชุดชั้นในหญิงตามท้องถนน หรือสถานที่ต่างๆ เพื่อชะลอการเคลื่อนพลของตำรวจและทหารด้วย

ธรรมทูตภิกขุ (Dhammaduta Sayadaw)

ที่มาภาพ: https://www.atheistalliance.org 

หลังการรัฐประหารเมื่อ ก.พ. 64 ธรรมทูตภิกขุนิ่งเงียบไม่เข้าร่วมกับกลุ่มพระสงฆ์ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และ 1 ปีต่อมา เขาได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยนานาชาติธรรมทูตเถรวาท (ITBMU) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลพม่า และเมื่อไม่นานมานี้เขาถูกพบว่าอยู่กับสิตากุภิกขุ และ พล.อ. อาวุโส มินอ่องหล่ายที่รัสเซียด้วย

ธรรมทูตภิกขุ หรือ ดร. อาชิน เชคินทะ เป็นผู้ก่อตั้งและอธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัยธรรมทูตเชคินทะ ก่อนจะมาเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยนานาชาติธรรมทูตเถรวาท ธรรมทูตภิกขุเคยสอนวิชาการบำเพ็ญสมาธิที่มหาวิทยาลัยดังกล่าวมาก่อน

ภายใต้รัฐบาลประชาธิปไตยครึ่งใบ อู่เตงเส่งประธานาธิบดีของพม่าในขณะนั้นได้พูดคุยกับธรรมทูตภิกขุ เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ในการดึงดูดการสนับสนุนจากพระสงฆ์ หลังจากพูดคุยดังกล่าว รัฐบาลของอู่เต่งเส่งได้เริ่มสนับสนุนพุทธศาสนาในทางการเมืองและแนวคิดชาตินิยมสุดโต่ง

ในการปฏิวัติจีวรเมื่อ พ.ศ. 2551 มีรายงานว่าธรรมทูตภิกขุพยายามโน้มน้าวให้พระที่เป็นแกนนำการลุกฮือเข้าร่วมขบวนการชาตินิยมแทนขบวนการเพื่อประชาธิปไตย แต่พระเหล่านั้นปฏิเสธข้อเสนอ

ต่อมาธรรมทูตภิกขุและพระชาตินิยมสุดโต่งคนอื่นๆ มีบทบาทในการสนับสนุนและนำไปสู่การก่อตั้งองค์กรที่ชื่อว่าสมาคมผู้รักชาติแห่งพม่าหรือ "มาบาทา" ซึ่งรณรงค์สนับสนุนให้กวาดล้างโรฮิงญา รายงานของอัลจาซีราระบุว่า "มาบาทา" อาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มพันธสัญญาเลือด ที่ฆ่าสมาชิกของพรรคสันนิบาตชาติเพื่อประชาธิปไตย 

ทั้งนี้ พระวีรตู แกนนำของกลุ่มมาบาทา แกนนำผู้สนับสนุนการฆ่ากวาดล้างชาวโรฮิงญา รณรงค์ขับไล่อองซานซูจีโดยกล่าวหาว่าเธอรับเงินจากต่างชาติและล้มเหลวในการปกป้องชาวพุทธจากชาวมุสลิม และถูกจับในข้อหายุยงปลุกปั่นในรัฐบาลของอองซานซูจี ได้รับการปล่อยตัวออกมาหลังการรัฐประหาร 64

ทาบาร์วาภิกขุ (Thabarwa Sayadaw)

ภาพ: https://www.atheistalliance.org 

ทาบาร์วาภิกขุ เป็นที่รู้จักในฐานะอาจารย์ด้านการวิปัสนาและความตระหนักรู้ตนเอง คนบางกลุ่มเชื่อว่าเขาได้บรรลุถึงนิพพานบางอย่างแล้ว และเขายังมีชื่อเสียงในชุมชนชาวพุทธเถรวาทในโลกตะวันตกด้วย โดยทาบาร์วาภิกขุมีความเชื่อมโยงกับชุมชนหัวก้าวหน้าในพม่าบางแห่ง เช่น "Insight Myanmar" และ "Tricycle.org" ซึ่งเป็นสื่อพุทธหัวก้าวหน้า

อย่างไรก็ตาม ทาบาร์วาภิกขุเป็นเจ้าอาวาสของศูนย์ทาบาร์วา ซึ่งสร้างอยู่บนพื้นที่ขนาดสามเอเคอร์ในเมืองตานลยีน โดยได้รับการบริจาคจากอู่จอเอ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารที่เกษียณอายุแล้ว เฮนเท็ดจ่อตั้งข้อสังเกตุว่าคงเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้ทาบาร์วาภิกขุลำเอียงเข้าข้างเผด็จการทหาร และในบรรดาพระสงฆ์ที่เขานำประวัตินำมาเล่าเสนอทาบาร์วาภิกขุเป็นพระรูปที่ "ย้อนแย้งมากที่สุด"

"ตามความเห็นของเขา เมื่อใดที่ประชาชนเข้าใจสิ่งต่างๆ มากขึ้นและได้รับการศึกษาอย่างเหมาะสม พวกเขาจะไม่นับถือศาสนาอีกต่อไป และจะเริ่มทอดทิ้งคุณค่าแบบอนุรักษ์นิยมของศาสนา" เฮนเท็ดจ่อพูดถึงความคิดว่าทาบาร์วาภิกขุ "ดังนั้นเขาจึงสรุปไว้อย่างชัดถ้อยชัดคำว่าสำหรับเขาที่เป็นผู้ถ่ายทอดคำสอนทางศาสนาแล้ว ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสนับสนุนเผด็จการทหาร เพราะอย่างน้อยเผด็จการทหารก็ยินดีที่จะปกป้องคุณค่าแบบอนุรักษ์นิยมที่ได้รับการส่งเสริมจากคุณธรรมทางศาสนาไว้"

นอกจากนี้เฮนเท็ดจ่อยังเล่าว่า ทาบาร์วาภิกขุโทษเหยื่อที่ถูกข่มขืนว่าเป็นเวรกรรมมาแต่ชาติปางก่อนด้วย

"ในลักษณะเดียวกัน เขาเคยสั่งสอนดาราหญิงคนหนึ่งที่คอยช่วยเหลือเหยื่อจากคดีข่มขืนอย่างแข็งขันด้วยว่า 'การถูกข่มขืนหมายความว่าเหยื่อเคยไปข่มขืนหรือทำอะไรไม่ดีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในชาติก่อน'" เฮนเท็ดจ่อกล่าว "ประชาชนหัวก้าวหน้าหลายคนรู้สึกสะอิดสะเอียนกับชุดความคิดเหยียดเพศและโทษเหยื่อของเขา และการสนับสนุนที่เขามอบให้กับเผด็จการทหาร"

มหาโพธิเมียงภิกขุ (Maha Bodhi Myaing Sayadaw)

มหาโพธิเมียงภิกขุ ปัจจุบันอายุ 80 ปี เป็นพระสงฆ์ที่มีอิทธิพลอย่างมาก เพราะใช้ชีวิตอย่างสมถะและปฏิบัติตามประเพณีอย่างเข้มงวด มหาโพธิเมียงภิกขุโดยทั่วไปแล้วถูกมองว่าเป็นพระที่ลึกลับในสายตาของชาวพุทธทั่วไปในพม่า โดยเฉพาะในภาคสะกาย

ภาคสะกายเป็นพื้นที่ซึ่งมีการสู้รบกันอย่างรุนแรงระหว่างกองกำลังปกป้อง (PDF) ประชาชนของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติพม่า (NUG) และไพร่พลของเผด็จการทหาร เผด็จการถูกกล่าวหาว่าเผาบ้านเรือนและก่ออาชญากรรมสงคราม ทว่ามหาโพธิเมียงภิกขุกลับนิ่งเฉย และไม่ออกมาแสดงจุดยืนใดๆ ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อไม่นานมานี้ มหาโพธิเมียงภิกขุได้พบกับพระวีรตู และพูดคุยเกี่ยวกับการปกป้องพุทธศาสนาจากกลุ่มศาสนาอื่นๆ ทั้งที่มีชื่อเสียงในด้านการเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการบำเพ็ญสมาธิ แต่มหาโพธิเมียงภิกขุก็เคยเขียนกวีชาตินิยมและคลั่งชาติ และในการพบปะกับพระวีรตู เขายังผลิตซ้ำทฤษฎีสมคบคิดเพื่อใส่ร้ายชาวโรฮิงญาอย่างเปิดเผย

นอกจากนี้ พระสงฆ์ทั้ง 2 รูปยังพูดคุยเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิดต่อต้านองค์กรความร่วมมืออิสลาม (OIC) ซึ่งมีสมาชิกจำนวน 57 ประเทศใน 4 ทวีป ในกวีบทหนึ่ง มหาโพธิเมียงแสดงออกแนวคิดเกลียดกลัวต่างชาติและแปะป้ายประชากรที่ไม่ใช่ชาวพุทธในพม่าว่าเป็นคนต่างด้าว พร้อมสนับสนุนให้ปกป้องพุทธศาสนาจากศาสนาอื่นๆ

นันทมาลาพิวัมสาภิกขุ (Sayadaw Ashin Nandamalabhivamsa)

ภาพ: https://www.atheistalliance.org 

นันทมาลาพิวัมสาภิกขุเป็นอดีตอธิการบดีของโรงเรียนพุทธศาสนานานาชาติสิตากุ และเป็นผู้ช่วยเจ้าคณะสงฆ์ของชเวยินนิกายา องค์กรศาสนาขนาดใหญ่อันดับสองของพม่า อย่างไรก็ตาม เขากลับเป็นผู้เชื่อในวิทยาศาสตร์เทียมและชี้นำสาวกให้เชื่อในเรื่องผิดๆ หลายอย่าง

ตัวอย่างเช่น นันทมาลาพิวัมสาภิกขุเคยอ้างว่าตนไม่เชื่อตามองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ร่วมสมัยว่าระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นเพราะแรงโน้มถ่วง เหตุที่น้ำขึ้นเป็นเพราะน้ำรั่วไหลออกมาจากก้อนหินหลังกระทบกับแสงจันทร์ต่างหาก เขาเรียกความเชื่อของเขาว่า "วิทยาศาสตร์แบบพุทธ" 

นันทมาลาพิวัมสาภิกขุวิจารณ์ทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินว่ายังบกพร่อง และเสนอว่ามนุษย์มีมาก่อนการปรากฎขึ้นของโลก โดยอ้างข้อความจากตัวบทพระพุทธศาสนา เขาเสนอต่อไปอีกว่าตามตัวบทพุทธศาสนาที่เขาอ่านนั้น วิวัฒนาการของมนุษย์ไม่ใช่วิวัฒนาการแต่เป็นความถดถอย

"ข้อเสนอเหล่านี้โดยตัวมันเองแสดงให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์เทียมเข้าไปมอมเมาชาวพุทธหัวอ่อนมากเพียงใดในพม่า" เฮนเท็ดจ่อกล่าว

นอกจากจะมีความเชื่อที่แปลกประหลาดแล้ว นันทมาลาพิวัมสาภิกขุยังเคยจัดช่วงถามตอบธรรมะร่วมกับ เน​ ชเว ทเว อ่อง หลานของอดีตเผด็จการทหาร พล.อ.อาวุโส อู่ตานฉ่วย ด้วย เฮนเท็ดจ่อกล่าวว่า เนชเวทเวอ่องซึ่งเป็นชนชั้นนำที่ได้รับการศึกษาชั้นหนึ่งและทรัพย์สินเงินทองมากมาย ต้องการที่จะได้รับชื่อเสียงและอยากเป็นคนเด่นคนดังอย่างมาก แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะเกลียดครอบครัวของเขา

ทั้งที่ครอบครัวของเขาสังหารคนไปจำนวนมากมาเป็นเวลากว่า 19 ปี นันทมาลาพิวัมสาภิกขุกลับใช้ชื่อเสียงในทางพุทธศาสนาของเขาตัดสินใจช่วยเหลือ เน ชเว ทเว อ่อง จนเขากลายเป็นคนดังในโซเชียลมีเดียขึ้นมา จากข้อมูลแหล่งอื่นๆ พบว่า เน ชเว ทเว อ่อง เป็นนักร้องบนยูทูป และตัวกลางเจรจาระหว่างนักธุรกิจกับรัฐบาล โดยใช้อิทธิพลทางการเมืองและทหารในการจำกัดคู่แข่งทางธุรกิจจนร่ำรวยมหาศาล

หลังการรัฐประหารเฟสบุ๊คของ เน ชเว ทเว อ่อง โพสต์ว่า You will never walk alone ในทวิตเตอร์พบว่ามีผู้วิจารณ์ว่าเขาย้อนแย้ง และไม่น่าเชื่อถือ เพราะข้อความให้กำลังใจประชาชนของเขาดูขัดกับผลประโยชน์ที่เขาเคยได้จากระบอบเผด็จการทหาร หลังจากโพสต์ดังกล่าว เฟสบุ๊คของ เน ชเว ทเว อ่อง ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อีกหลังจากนั้น

ก่อนการรัฐประหาร 64 พล.อ. อาวุโส มินอ่องหล่าย ผู้สืบทอดตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพจาก พล.อ. ตานฉ่วย ได้ไปพบกับ พล.อ. อาวุโส ตานฉ่วย ผู้เป็นตาของเน ชเว ทเว อ่อง บุคคลที่นันทมาลาพิวัมสาภิกขุให้การสนับสนุน พล.อ. อาวุโส มินอ่องหล่าย แจ้งล่วงหน้าว่าจะทำการรัฐประหาร พล.อ. อาวุโส ตานฉ่วย

พล.อ. อาวุโส ตานฉ่วย ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด ขอเพียงแค่ให้คิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ อย่างถี่ถ้วนเท่านั้น หลังการการรัฐประหาร พล.อ. ตานฉ่วย ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะติดเชื้อไวรัสโควิด 19​ในเดือนสิงหาคม 64 เขาอาการดีขึ้นในเวลาต่อมา และยังคงมีชีวิตอยู่ดีในวัย 89 ปี ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากความรุนแรงทางการเมืองไปแล้ว 541 คน

แปลและเรียบเรียงจาก :

  • The Khomeinis of Burmese Theravada Buddhism: Buddhist monks, Military Junta & Political Buddhism https://www.atheistalliance.org/blog/the-khomeinis-of-burmese-theravada-buddhism-buddhist-monks-military-junta-political-buddhism/ 
  • @pyaezone https://twitter.com/pyaezone/status/1358408489077403655
  • NAY SHWE THWAY AUNG https://peoplepill.com/people/nay-shwe-thway-aung
  • Myanmar’s Dictator Shows Unparalleled Arrogance and Self-Regard  https://www.irrawaddy.com/opinion/commentary/myanmars-dictator-shows-unparalleled-arrogance-and-self-regard.html
  • Than Shwe https://en.wikipedia.org/wiki/Than_Shwe

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท