Skip to main content
sharethis

สภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพฯ และเครือข่ายเด็กและเยาวชนพื้นที่สูงในถิ่นทุรกันดาร ล่ารายชื่อร้อง รมว.ศึกษา และ พล.อ.ประยุทธ์ ปรับปรุงนโยบายเรียนฟรี ย้ำ “เรียนฟรีต้องฟรีจริง” ฟรีอย่างเสมอภาค นักเรียนต้องไม่ถูกพรากจากการศึกษาเพราะไม่มีเงิน

8 ส.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร เครือข่ายเด็กและเยาวชนพื้นที่สูงในถิ่นทุรกันดาร พร้อมเครือข่าย ตั้งแคมเปญรณรงค์ล่ารายชื่อใน Change.org (URL :

http://change.org/FreeEducationForAllThaiStudents ) เรียกร้องถึง ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีข้อเรียกร้องปรับปรุงนโยบายเรียนฟรี โดยระบุ 2 ข้อเรียกร้องคือ 1.ตอนนี้ โครงการเรียนฟรี 15 ปี ยังช่วยนักเรียนยากจนแค่ชั้นประถม ถึง ม.ต้น เพียงแค่ 9 ปี ยังไม่ครอบคลุม 15 ปีเหมือนชื่อโครงการ พวกเราคิดว่านักเรียนยากจนทุกคนควรได้รับเงินช่วยเหลือตรงนี้ คือ เพิ่มระดับชั้นอนุบาล และชั้นม.ปลาย ที่เป็นนักเรียนยากจน ให้ได้รับเงินซัพพอร์ตเหมือนกัน 

และ 2.ตอนนี้ อัตราเงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจนในแต่ละปี เด็กประถมจะได้คนละ 1,000 บาท (เฉลี่ยวันละ 5 บาทเท่านั้น) เด็ก ม.ต้น ได้คนละ 3,000 บาท (เฉลี่ยตกวันละ 15 บาท) ซึ่งมันไม่เพียงพอกับราคาของที่แพงขึ้น อยากให้รัฐปรับงบที่ให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบันคือ เด็กอนุบาลต้องได้คนละ 1,000 บาท เด็กชั้นประถมศึกษาควรได้คนละ 2,000 ม.ต้น ได้คนละ 4,000 บาท และเด็กม.ปลาย คนละ 6,000 บาท ครอบคลุมการศึกษาทุกสังกัด และทุกสถานศึกษา เพื่อให้เด็กเยาวชนทุกคน โดยเฉพาะนักเรียนยากจน ได้เรียนฟรีอย่างเสมอภาค 15 ปีจริง

มีรายละเอียดคำแถลงประกอบแคมเปญดังนี้

“เรียนฟรีต้องฟรีจริง” ฟรีอย่างเสมอภาค นักเรียนต้องไม่ถูกพรากจากการศึกษาเพราะไม่มีเงิน

ที่ผ่านมา เพื่อนของพวกเราต้องออกจากโรงเรียนกระทันหัน เราก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมเพื่อนของเราถึงต้องออกไป พอถามเพื่อน ทุกคนต่างก็อ้างว่า ที่บ้านมีปัญหาเรื่องเงินทอง บ้างก็อ้างว่าครอบครัวมีปัญหา แต่พอมองย้อนกลับไปดูในความเป็นจริง เราคิดว่านโยบายทางการศึกษายังไม่ซัพพอร์ตนักเรียนได้อย่างเพียงพอ ในทุกวันนี้ เราต่างเห็นเพื่อนของเราต้องมาเรียนอย่างกลุ้มใจ พะวงอยู่ในวังเวียนของความยากจนและไม่สามารถการันตีได้ว่า วันพรุ่งนี้เขาจะมาเรียนเหมือนกับเพื่อนคนอื่น ๆ ได้หรือเปล่า เพราะการมาโรงเรียนนั้นมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกเยอะมาก และยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วย

แม้ภาครัฐจะมีการส่งเสริมการเรียนฟรี 15 ปี และเพิ่งมีประกาศว่า ครม. จะให้เงินเพิ่มช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับนักเรียน 11.5 ล้านคน ทั้งในระบบ นอกระบบ บ้านเรียน และกลุ่มที่จัดการศึกษาโดยสถานประกอบการ หลังจากไม่ได้ถูกปรับเพิ่มมาสิบกว่าปีแล้ว เราเห็นรายละเอียดที่ภาครัฐจะเพิ่มให้มีค่าชุดนักเรียนคนละ 1 ชุด และให้อีก 1 ชุดเฉพาะนักเรียนยากจนที่ผู้ปกครองถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนค่าอุปกรณ์การเรียน ค่ากิจกรรม และค่าใช้จ่ายจัดการเรียนการสอนนั้นก็ยังไม่เห็นการซัพพอร์ตที่ชัดเจน และไม่ให้กับศูนย์การเรียนเลย รู้แต่ว่าจะใช้งบประมาณเพิ่มกว่า 8,000 ล้านบาท แบ่งจ่าย 4 ปี

เราเห็นคุณตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ แถลงข่าวว่าการเพิ่มงบเรียนฟรีครั้งนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดความเหลื่อมล้ำ ให้นักเรียนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาทุกคน แต่ทำไมในหมวดที่เรียกว่าเงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจนไม่ปรับเพิ่มให้ แล้วสิบกว่าปีที่ผ่านมาก็ให้แค่เด็กประถม กับ ม.ต้น ไม่เคยให้เด็กอนุบาลกับ ม.ปลาย เลย มันดูไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมและค่าครองชีพที่สูงขึ้น

โรคระบาดโควิด-19 ทำให้พ่อแม่ตกงานขาดรายได้ รวมไปถึงภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ไหนจะค่าชุดไปโรงเรียนอื่น ๆ ที่มีหลายชุด ค่าขนม ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายแฝงพวกนี้แพงขึ้นมาก เราเห็นว่าพ่อแม่ของหลายคนแทบจะส่งลูกเรียนไม่ไหว ยิ่งเห็นได้ชัดจากสถิติว่ามีเพื่อน พี่ น้อง นักเรียนของเรากว่า 1.9 ล้านคนที่เสี่ยงหลุดจากการศึกษา ครอบครัวมีรายได้เฉลี่ยแค่ 1,094 บาท (ซึ่งต่ำกว่าเส้นความยากจนในประเทศเกือบ 3 เท่า) เราคิดว่าเงินปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจนจึงสำคัญมาก

เราในนามสภาเด็กและเยาวชนขอเป็นกระบอกเสียงของเด็กนักเรียนทั่วประเทศทุกคน วอนขอผู้ใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการพิจารณาอนุมัติงบประมาณเรียนฟรี ให้เพิ่มงบเพื่อช่วยเหลือนักเรียนไทยที่กำลังเสี่ยงหลุดจากการศึกษา ช่วยส่งข้อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพราะจะมีส่วนช่วยสำคัญต่อเด็กนักเรียนที่จะกลายเป็นกำลังหลักของชาติในวันข้างหน้า

เราและเพื่อน ๆ เครือข่ายเด็กเยาวชนในพื้นที่สูงในถิ่นทุรกันดาร พร้อมเครือข่ายภาคสังคม อยากชวนทุกคนร่วมลงชื่อเพื่อสนับสนุนข้อเสนอการปรับปรุงนโยบายเรียนฟรี เพื่อนำเสียงสนับสนุนจำนวน 100,000 รายชื่อไปมอบให้คุณตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีข้อเรียกร้องปรับปรุงนโยบายเรียนฟรี ดังนี้

1.ตอนนี้ โครงการเรียนฟรี 15 ปี ยังช่วยนักเรียนยากจนแค่ชั้นประถม ถึง ม.ต้น เพียงแค่ 9 ปี ยังไม่ครอบคลุม 15 ปีเหมือนชื่อโครงการ พวกเราคิดว่านักเรียนยากจนทุกคนควรได้รับเงินช่วยเหลือตรงนี้ คือ เพิ่มระดับชั้นอนุบาล และชั้นม.ปลาย ที่เป็นนักเรียนยากจน ให้ได้รับเงินซัพพอร์ตเหมือนกัน

2.ตอนนี้ อัตราเงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจนในแต่ละปี เด็กประถมจะได้คนละ 1,000 บาท (เฉลี่ยวันละ 5 บาทเท่านั้น) เด็ก ม.ต้น ได้คนละ 3,000 บาท (เฉลี่ยตกวันละ 15 บาท) ซึ่งมันไม่เพียงพอกับราคาของที่แพงขึ้น อยากให้รัฐปรับงบที่ให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบันคือ เด็กอนุบาลต้องได้คนละ 1,000 บาท เด็กชั้นประถมศึกษาควรได้คนละ 2,000 ม.ต้น ได้คนละ 4,000 บาท และเด็กม.ปลาย คนละ 6,000 บาท ครอบคลุมการศึกษาทุกสังกัด และทุกสถานศึกษา เพื่อให้เด็กเยาวชนทุกคน โดยเฉพาะนักเรียนยากจน ได้เรียนฟรีอย่างเสมอภาค 15 ปีจริง

ก่อนหน้านี้ เราเคยเห็น กสศ. จัดเวทีนำเสนอผลวิจัยเพื่อบอกว่าถึงเวลาต้องปฏิรูปนโยบายเรียนฟรีเพราะไม่เคยปรับเงินอุดหนุนมานานแล้ว ทั้งที่งบตรงนี้ควรถูกปรับให้สอดคล้องกับเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นตลอด 15 ปีที่ผ่านมา และเพิ่มงบมุ่งเป้าเพื่อช่วยเหลือนักเรียนยากจน 1.9 ล้านคน ให้มีโอกาสที่เสมอภาคเท่ากันกับนักเรียนคนอื่น ๆ อย่าปล่อยให้เด็กไทยหลุดจากระบบการศึกษา พวกเราเชื่อว่า หนึ่งชื่อของทุกคนช่วยเหลืออนาคตนักเรียนไทยได้อีกนับล้าน เราจะนำรายชื่อทั้งหมดนี้ส่งต่อให้กับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อนำเสียงสนับสนุนที่ทุกคนลงชื่อในนี้ ไปผลักดันนโยบายเรียนฟรีในคณะรัฐมนตรีให้ปรับเปลี่ยนในปีงบประมาณ 2566 ต่อไป เราหวังว่าในวันนึง เพื่อนของเราที่ฐานะยากจนจะไม่ต้องพะวงและมาเรียนอย่างกลุ้มใจอีกต่อไป

รณรงค์แคมเปญโดย สภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร เครือข่ายเด็กและเยาวชนพื้นที่สูงในถิ่นทุรกันดาร พร้อมเครือข่าย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net