'ชาติพันธุ์ปลดแอก' ประกาศสะสาง ประวัติศาสตร์บาดแผล 'คนอยู่กับป่า'

กลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก จัดกิจกรรม “ปลดแอกชาติพันธุ์ ชำระประวัติศาสตร์บาดแผล” เนื่องในวันชนเผ่าพื้นเมืองสากล เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมประกาศเจตนารมณ์ ปลดแอกมรดกสงครามเย็นออกจากนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคนชาติพันธุ์ทั้งหมด และเรียกร้องรัฐไทยขอโทษกลุ่มชาติพันธุ์อย่างจริงใจจากการสร้างมายาคติเชิงลบต่อคนชาติพันธุ์

11 ส.ค. 2565 เนื่องในวันชนเผ่าพื้นเมืองสากล เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา กลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก จัดกิจกรรม “ปลดแอกชาติพันธุ์ ชำระประวัติศาสตร์บาดแผล” ขึ้นที่บริเวณลานควายยิ้ม อ่างแก้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เวลา 17.00 - 19.00 น. เพื่อตรอกย้ำถึงศักดิ์ศรีความเป็นคนของคนชาติพันธุ์ และปัญหาป่าไม้ที่ดินที่ถูกทำให้ผูกโยงกับชีวิตคนชาติพันธุ์ที่อยู่กับป่า

ภายในงานมีการแสดง Performance Art และเวทีเสวนาปัญหาชาติพันธุ์โดยคนชาติพันธุ์รุ่นใหม่และนักวิชาการ ในประเด็นปัญหาของคนชาติพันธุ์ทั้งการกดขี่คนกลุ่มชาติพันธุ์ตั้งแต่สมัยสงครามเย็นมาจนถึงการดูถูกเหยียดหยามในความเป็นชาติพันธุ์ที่ยังหลงเหลืออยู่ในสังคมปัจจุบัน โดยสุมิตรชัย หัตถสาร ทนายความจากศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูชุมชนท้องถิ่น กล่าวว่า กระบวนการลดทอนความเป็นมนุษย์ในมิติต่างๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความคิดในการสร้างอคติให้แก่กลุ่มคนชาติพันธุ์ในการผนวกรวมเข้ามาเป็นคนชาติของรัฐ และการใช้คำว่า “ชาวเขา” หรือคำว่า “กลุ่มชาติพันธุ์” เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการเหมารวมกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งของรัฐไทย ที่ส่งผลให้คนชาติพันธุ์ถูกกดทับ ถูกเลือกปฎิบัติจากการได้สัญชาติของดินแดนที่พวกเขาเกิด การที่ทั่วโลกสู้กันด้วยคำว่า “ชนเผ่าพื้นเมือง” ก็เพื่อไม่ต้องการให้รัฐลดทอนอัตลักษณ์ของคนชาติพันธุ์ และทาบทับด้วยความเป็นชาติกระแสหลักเข้าไปแทนที่

ก่อนจบงานกลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอกได้ประกาศเจตนารมณ์ “ปัญหาชาติพันธุ์ต้องสะสาง ทุกประวัติศาสตร์บาดแผลต้องชำระ” 3 ข้อเรียกร้อง

1. กฎหมายเพื่อส่งเสริมศักยภาพ และคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ ถือเป็นแนวนโยบายขั้นแรกที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันผลักดันให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยโดยเร่งด่วน

2. ต้องปลดแอกมรดกสงครามเย็นออกจากนโยบายและกฎหมายทั้งหมด อาทิ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า นโยบายคณะกรรมการป่าไม้แห่งชาติ รวมถึงพระราชบัญญัติสัญชาติ

3. รัฐไทยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะต้องรับผิดชอบต่อทุกการกระทำ การผลิตซ้ำมายาคติเชิงลบ ทุกการกดขี่ ทุกโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับกลุ่มชาติพันธุ์ อย่างน้อยคือการขอโทษกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยความจริงใจ และการร่วมผลักดันให้เกิดปฏิบัติการตามข้อ 1 และ 2

 

ประกาศเจตนารมณ์ชาติพันธุ์ปลดแอก ปัญหาชาติพันธุ์ต้องสะสาง ทุกประวัติศาสตร์บาดแผลต้องชำระ

 

หาใช่วันแห่งการเฉลิมฉลองสำหรับพวกเรากลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองอีกแล้ว ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา แม้จะมีแนวนโยบายทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 2 มิถุนายน และ 3 สิงหาคม 2553 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 70 แผนปฏิรูปประเทศด้านสังคม หรือแม้แต่ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่ชัดเจนพออีกหรือ ว่าศักดิ์ศรีและความเป็นคนของเราได้ถูกพรากไปจนแทบหมดสิ้น

พวกเราถูกกดขี่ด้วยอคติทางชาติพันธุ์ที่รัฐไทยสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ถูกทำให้ต้องสยบยอม หล่อเลี้ยงพวกเราด้วยโครงการสงเคราะห์ บีบให้การพัฒนาศักยภาพและการดำรงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ของเราหดแคบลงทุกที คุณภาพชีวิตของเราบนผืนแผ่นดินนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการเป็นพลเมืองชั้นสอง มีค่าแค่ในสวนสัตว์มนุษย์ ให้คนเมืองได้รับชมรื่นเริงใจ หาใช่เคารพในความต่างของพวกเราอย่างแท้จริง

วันนี้พวกเราในนาม “ชาติพันธุ์ปลดแอก” ขอยืนยันอย่างตรงไปตรงมา ว่าเราต้องเผชิญกับการถูกละเมิดสิทธิในความเป็นคนอย่างน้อย 6 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิทางวัฒนธรรมและการศึกษา สิทธิในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิในสัญชาติและการกำหนดตนเอง สิทธิในความเสมอภาคและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ สิทธิในการมีส่วนร่วม และสิทธิในการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานจากรัฐ ซึ่งเราขอประกาศเจตนารมณ์และข้อเรียกร้องของชาติพันธุ์ปลดแอกไปยังทุกภาคส่วนในสังคม ดังนี้

1. กฎหมายเพื่อส่งเสริมศักยภาพ และคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ ถือเป็นแนวนโยบายขั้นแรกที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันผลักดันให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยโดยเร่งด่วน

2. ต้องปลดแอกมรดกสงครามเย็นออกจากนโยบายและกฎหมายทั้งหมด อาทิ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า นโยบายคณะกรรมการป่าไม้แห่งชาติ รวมถึงพระราชบัญญัติสัญชาติ

3. รัฐไทยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะต้องรับผิดชอบต่อทุกการกระทำ การผลิตซ้ำมายาคติเชิงลบ ทุกการกดขี่ ทุกโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับกลุ่มชาติพันธุ์ อย่างน้อยคือการขอโทษกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยความจริงใจ และการร่วมผลักดันให้เกิดปฏิบัติการตามข้อ 1 และ 2

เพื่อชำระทุกประวัติศาสตร์ และหยุดการส่งต่อภาพมายาคติและการโฆษณาชวนเชื่อจอมปลอมที่กดทับกลุ่มชาติพันธุ์ ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนต้องรับผิดชอบในการสร้างความเข้าใจที่ผิดต่อพวกเรา และหลังจากนี้พวกเราจะเดินหน้าเคลื่อนไหวและสื่อสารภาพใหม่ของชาติพันธุ์ เพื่อถอดรื้อ ทำลาย มายาคติทั้งหมด ทวงคืนความเป็นคนให้ชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง

 

ปลดแอกชาติพันธุ์ ชาตินี้

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท