Skip to main content
sharethis

'พิชัย' รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เสนอ 8 แนวทางที่รักษาการนายกฯ ควรเร่งทำ เพื่อพลิกฟื้นเศษฐกิจ 'จักรพล' คณะทำงานเศรษฐกิจ ไม่เห็นด้วยกับการเก็บเงินค่าเหยียบแผ่นดิน หวั่นซ้ำเติม-ไล่นักท่องเที่ยว แนะให้ทางเลือกทำประกัน ด้าน 'สมคิด เชื้อคง' ส.ส.อุบลฯ ขอรัฐบาลดันแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติช่วยคนจน

 

6 ก.ย. 2565 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทย รายงานต่อสื่อวันนี้ (6 ก.ย.) พิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ต้องเข้ามาทำหน้าที่แทนพลเอกประยุทธ์ ปรากฏว่าการทำงานของพลเอกประวิตร ในเวลาไม่กี่วันกลับทำได้ดีกว่าพลเอกประยุทธ์มาก เข้าใจปัญหาและเข้าถึงใจประชาชนได้มากกว่าพลเอกประยุทธ์ ขนาดทำให้พลเอกประยุทธ์ ต้องเสียศูนย์ออกมาแสดงอาการหวงตำแหน่งเดิมอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยรูปนั่งคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นั่งพร้อมกับ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา โดยไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสม เพราะโดยตำแหน่งแล้วนายอนุทิน ที่เป็นรองนายกฯ ย่อมมีฐานะสูงกว่าพลเอกประยุทธ์ ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยิ่งแสดงถึงภาพการยึดติดและอิจฉาทำใจไม่ได้ที่มีกับพลเอกประวิตร ทั้งที่น่าจะรู้ว่าเวลาของตนเองหมดแล้วแต่ยังพยายามจะดันทุรัง

พิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ ในฐานะ รมว.กลาโหม ยังลงพื้นที่น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของ รมว.กลาโหมเลย รมว.กลาโหมน่าจะลงไปดูพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ที่กำลังมีปัญหาอยู่มากกว่า ทั้งนี้ เพราะต้องการแข่งกับพลเอกประวิตร ที่ลงพื้นที่น้ำท่วมก่อนหน้านี้และทำคะแนนนำไปมาก แต่พลเอกประยุทธ์ ลงพื้นที่กลับเสียคะแนน เพราะนั่งรถกันกระสุนและไม่ยอมเปิดหน้าต่างคุยกับประชาชน โดยอ้างว่าเปิดไม่ได้ เพราะเป็นรถกันกระสุน ซึ่งถ้าหากกลัวคนทำร้ายและกลัวตายขนาดนี้ ก็ไม่น่าจะยังดื้อรั้นจะอยู่ตำแหน่งต่อไปอีกเลย ควรออกไปได้แล้ว ทั้ง 2 เรื่องนี้แสดงถึงความเสื่อมของพลเอกประยุทธ์ ได้ชัดเจนและพิสูจน์ได้เลยว่าใคร เพราะมาเป็นนายกฯ ก็จะทำได้ดีกว่าพลเอกประยุทธ์ จากผลงานของพลเอกประวิตร เพียงไม่กี่วันมานี้พิสูจน์แล้ว จนทำให้พลเอกประยุทธ์ ต้องออกมาแย่งซีนกลัวพลเอกประวิตร จะโดดเด่นกว่าจนคนลืมพลเอกประยุทธ์ แต่กลับยิ่งทำยิ่งเสีย

ทั้งนี้ ไหนๆ พลเอกประวิตร โชว์ฟอร์มเหนือชั้นกว่าพลเอกประยุทธ์ แล้วก็อยากให้เร่ง แก้ไขปัญหาของประเทศที่ควรจะเร่งทำทันที อย่าปล่อยให้มีปัญหามากขึ้นเหมือนพลเอกประยุทธ์ ทำโดยนอกจากนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ยังไม่ได้ทำแล้ว อยากให้เร่งทำ 8 เรื่องดังนี้

1.การแก้ไขหนี้ ทั้งหนี้ธุรกิจและหนี้ครัวเรือน โดยจัดระบบการพิจารณาลดหนี้ ลดดอกเบี้ย ยืดเงินต้น เพื่อให้ประชาชนทำธุรกิจและประคองชีวิตต่อได้ โดยหนี้ไม่ท่วม และวิธีแก้ที่ดีที่สุดคือการต้องเพิ่มรายได้ เพื่อให้ชำระหนี้ได้ เรื่องนี้ควรเร่งทำก่อนดอกเบี้ยจะขึ้นไปอีกมาก

2. การปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ทั้งราคาน้ำมัน ก๊าซ และ ไฟฟ้า เพื่อแก้ไขให้ยุติธรรม อย่าให้บริษัทพลังงานและนายทุนพลังงานเอาเปรียบประชาชน

3. การเจรจาพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา เพื่อให้ได้พลังงานในราคาถูก อีกทั้งยังจะมีรายได้เข้ารัฐสามารถนำไปทำสวัสดิการได้

4. เร่งก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ หนองคาย-เวียงจันทน์-จีน เพื่อให้ส่งสินค้าไทยไปจีน และ นักท่องเที่ยวจีนมาไทยได้

5. เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมากขึ้น ยกเลิกค่าเหยียบแผ่นดิน

6. แก้ปัญหาของแพง เงินเฟ้อ ล่าสุดเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมสูงถึง 7.86% โดยเข้าไปดูโครงสร้างของราคาสินค้า อย่าให้นายทุนเอาเปรียบประชาชน

7. การรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งจะเป็นภาระกับประชาชนอย่างมาก ต้องมีแนวทางรับมือ

8. การปล่อยตัวคนเห็นต่างที่ถูกกักขังอยู่ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ โดยต้องเรียกเข้ามาหันหน้าปรึกษากัน 

8 เรื่องที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องที่มีแผนงานอยู่และสามารถทำได้ทันที ถ้าผู้นำเข้าใจและสามารถผลักดันได้ ประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงและไม่อยากอยู่ได้การบริหารของพลเอกประยุทธ์ต่อไปแล้ว พรรคเพื่อไทยยังมีแผนงานอื่นๆ อีกมากที่จะดำเนินการเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ อะไรทำได้ก่อนก็อยากให้พลเอกประวิตร ทำไปเลย เพราะการฟื้นเศรษฐกิจที่ทรุดหนักมาตลอดจากฝีมือการบริหารของพลเอกประยุกธ์ ยังต้องแก้ไขอีกมาก ต้องอาศัยคนมีความเข้าใจอย่างแท้จริงถึงจะแก้ได้ พวกที่เคยทำแล้วล้มเหลวก็อย่าไปเลือก

ค้านค่าเหยียบแผ่นดิน ซ้ำเติมนักท่องเที่ยว

จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย แถลงว่า จากการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยอยู่นั้น กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โดยคาดว่าการศึกษาทั้งหมดจะแล้วเสร็จประมาณสิ้น ก.ย. จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ คาดว่าจะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมได้ราวต้นปี 2566 และเข้าใจว่าค่าเหยียบแผ่นดินอาจจะมีการคิดหลายอัตราอีกด้วย

จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย

จักรพล กล่าวต่อว่า แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลคงเอาจริงกับการเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม การกระทำของรัฐบาลนั้นได้นำมาสู่ข้อสงสัยทั้ง 3 ประการ ดังนี้ ข้อสงสัยที่ 1 ทำงานของรัฐบาลไร้ซึ่งความพร้อม รัฐบาลมีการประกาศการเงินค่าเหยียบแผ่นดินตั้งแต่ต้นปี แต่ก็เลื่อนมาตลอด ส่วนหนึ่งอาจมาจากการขับเคลื่อนด้วยการด่าจากประชาชน แต่อีกส่วนหนึ่งมาจากการทำงานที่ไร้ความพร้อมของรัฐบาล เพราะในความเป็นจริงรัฐบาลควรมีการศึกษา วิจัย สอบถามความเห็นของประชาชนก่อน หลังจากนั้น ก็ทำประชาวิจารณ์ และดำเนินตามขั้นตอนต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด แต่ทั้งนี้ หากเจาะเข้าไปในไส้ในพบว่า การศึกษาเรื่องนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาทางอากาศเพิ่งเสร็จ ส่วนผู้ที่เดินทางเข้ามาทางบกอยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าการศึกษาทั้งหมดจะแล้วเสร็จประมาณสิ้นเดือนกันยายนนี้ นั่นหมายความว่าการดำเนินการมาตรการของรัฐไร้ซึ่งข้อมูลที่แท้จริง 

ข้อสงสัยที่ 2 นโยบายของรัฐบาลจะสร้างต้นทุนในการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทุกวันนี้วิกฤตเงินเฟ้อยังไม่เบาบางลง วิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครนก็ยังระอุ และยังมีวิกฤตพลังงานที่เข้ามาอีก ทั้งนี้ จะเพิ่มต้นทุนให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น ผู้บริโภคก็จะต้องใช้จ่ายมากขึ้นแม้จะซื้อสินค้าเท่าเดิม และหากมีมาตรการนี้อีกก็จะเพิ่มต้นทุนในการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวมากขึ้น เท่ากับว่ารัฐบาลไล่นักท่องเที่ยวทางอ้อมหรือไม่ 

ข้อสงสัยที่ 3 มาตรการดังกล่าวจะเป็นการสร้างผลกระทบทางผลลบต่อจิตใจนักท่องเที่ยวหรือไม่ ทางกระทรวงอาจมองว่าค่าใช้จ่ายในการเยียวยาหรือดูแลของนักท่องเที่ยวด้านสาธารณสุขเป็นภาระให้กับทางงบประมาณ แต่นักท่องเที่ยวคือผู้สร้างรายได้ให้กับประเทศ การที่รัฐบาลมีมาตรการบังคับเก็บเงินแบบนี้จะสร้างความบั่นทอนจิตใจของนักท่องเที่ยวหรือไม่?

จักรพล กล่าวเพิ่มว่า เพื่อไทยขอเสนอทางแก้ไขเบื้องต้น คือ การทำทางเลือกประกันภัย ประกันชีวิต หรือประกันแบบอื่นๆ ให้กับนักท่องเที่ยว แล้วทำการตลาดให้นักท่องเที่ยวซื้อประกันตามความเหมาะสมดีกว่า เพราะเราจะโน้มน้าวนักท่องเที่ยว (Persuade) แทนที่จะไปบังคับเก็บเงิน (Enforcement) ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะทำให้นักท่องเที่ยวไม่หนักใจ ไม่รู้สึกว่าถูกบังคับ มีตัวเลือกประกันมากมาย และสร้างความสบายใจให้แก่ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจะรู้สึกปลอดภัย ผู้ประกอบการมีความมั่นใจในบริการ ประเทศมีรายได้เพิ่ม แรงงานมีตลาดรองรับ มาตรการทั้งหมดนี้ควรที่จะดำเนินการมากกว่าไปบังคับเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวด้วยซ้ำ

“ทั้งหมดนี้กล่าวมานี้ คือ พฤติกรรมที่เรียกว่า “รัฐบาลมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ” ที่แท้จริง รัฐบาลควรมองถึงความสามารถในการบริหารประเทศของตัวเองและฟังเสียงของประชาชนมากกว่า แทนที่จะคิดไปเองและตัดสินใจโดยไม่ฟังเสียงประชาชน ที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยนำประชาชนเข้ามาในสมการเพื่อออกนโยบายและแก้ไขปัญหาเลย คิดแทนประชาชนไปซะทุกเรื่อง ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองไร้ความสามารถในการบริหารแต่ยังไม่คิดที่จะให้ใครมาช่วยหรือฟังเสียงคนรอบข้างให้มากขึ้น นอกจากนี้จะเห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลยังสร้างบาดแผลและกดหัวประชาชนอย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่วายคิดจะอยู่ต่อ ไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศแล้วยังไม่มีจิตสำนึกต่อประชาชนด้วย ในนามของพรรคเพื่อไทยขอคัดค้านการเก็บค่าเหยียบแผ่นดินและคัดค้านการอยู่ต่อของรัฐบาล เพื่อเปิดทางให้ประชาชนได้พบกับสิ่งที่ดีกว่า” จักรพล กล่าว

ขอ “ประวิตร” ดันแก้หนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติช่วยคนจน 

สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสาน งานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า จากกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาญัตติแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ที่กำลังทำร้าย สังคมไทยหนักมาก ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องผิดกฎหมายแต่ไม่มีหน่วยงานไหนจะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลฯ พรรคเพื่อไทย

นอกจากนี้ เห็นชัดว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะแก้ปัญหา ทั้งๆ ที่มีอำนาจ สามารถแก้ปัญหาได้ แต่รัฐไม่ทำ ทุกวันนี้ประชาชนลำบากมาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ประชาชนไม่มีรายได้ จำเป็นต้องกู้เงินยืมจากบรรดานายทุนเงินกู้ ดอกเบี้ยโหด เป็นหนี้นอกระบบ เพราะความจำเป็น หากไม่กู้ก็ไม่มีเงินดูแลครอบครัวหรือต่อทุนในการขายสินค้า

สมคิด กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่รัฐทราบดีว่าหนี้นอกระบบ เป็นการให้กู้ยืมที่ผิดกฎหมาย ในช่วงที่ผ่านมามีข่าวแกงค์ทวงหนี้ ข่มขู่ รื้อบ้าน ทำลายร้าน ทำร้ายร่างกายลูกหนี้ในหลายพื้นที่ จนลูกหนี้บางคนต้อง หนีจากพื้นที่เดิม เพราะอยู่ไม่ได้กลัวตาย เมื่อไปแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่ทำอะไร ปัญหาคือมีการข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย สารพัดอย่าง รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง

“เรื่องนี้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี จะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาระดับประเทศ และขยายวงกว้างมากจนส่งผลกระทบกับประชาชนโดยตรง จากการตรวจสอบ พบว่าบางจังหวัดมีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นคนออกเงินกู้เสียเอง นอกจากนี้คนที่ออกเงินกู้ ส่วนใหญ่ยิ่งใหญ่มาก อยากให้รัฐบาลนำเรื่องแก้หนี้นอกระบบ รัฐบาลควรจัดให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อแก้หนี้นอกระบบเพื่อช่วยเหลือประชาชน หวังว่า พลเอกประวิตร จะใช้ช่วงเวลานี้ปลดภาระที่หนักอึ้งของประชาชน อย่าปล่อยให้เรื้อรังจนเป็นภัยร้ายของประเทศไทยในอนาคต” สมคิด กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net