Skip to main content
sharethis

‘วิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์’ หรือ มือปืนป๊อปคอร์น จำเลยคดียิงปะทะกันที่แยกหลักสี่จนเป็นเหตุให้ ‘อะแกว แซ่ลิ้ว’ เสียชีวิต ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำกลางบางขวางแล้ว หลังได้รับอภัยโทษ 

 

18 ก.ย. 2565 เว็บไซต์ ข่าวออนไลน์7HD รายงานเมื่อ 17 ก.ย. 2565 รายงานข่าวจากกรมราชทัณฑ์แจ้งว่า เรือนจำกลางบางขวางได้ปล่อยตัว วิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือมือปืนป็อปคอร์น ผู้ต้องขังคดีความผิดต่อชีวิต เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังได้รับการพระราชทานอภัยโทษ

สำนักข่าวราษฎร ระบุว่า วิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 2 ครั้ง ทำให้โทษลดลงเหลือ 6 ปี 11 เดือน 14 วัน จนกระทั่งได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 15 กันยายน 2565 เนื่องจากครบกำหนดโทษแล้ว

ทั้งนี้ วิวัฒน์ถูกควบคุมในเรือนจำมาตั้งแต่ปี 2557 และไม่เคยได้ประกันตัวระหว่างสู้คดี

ภาพจาก Banrasdr photo

อนึ่ง คดีมือปืนป๊อปคอร์น พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ และโจทก์ร่วมคือ เอื้องฟ้า แซ่ลิ้ว บุตรสาวของอะแกว แซ่ลิ้ว ผู้เสียชีวิต ยื่นฟ้องวิวัฒน์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่า, พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำอาวุธปืนออกนอกเคหสถานภายในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371, พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 8, 72 และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 5, 6, 11, 18

คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2557 สรุปความผิดจำเลยว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2557 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกได้มีปืนเล็กยาวไม่ทราบชนิดและขนาด ติดตัวไปที่ทางแยกหลักสี่ เขตหลักสี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และยิงปืนเข้าไปในอาคารศูนย์การค้าไอทีสแควร์ ในการชุมนุมกลุ่ม กปปส. เพื่อสกัดผู้ชุมนุมกลุ่ม นปช. ที่จะเข้ามาปะทะกัน จน อะแกว แซ่ลิ้ว เสียชีวิต ส่วนสมบุญ สักทอง นครินทร์ อุตสาหะ และพยนต์ คงปรางค์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย เหตุเกิดที่แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. จำเลยให้การปฏิเสธ

คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2559 เห็นว่าพยานหลักฐานของอัยการโจทก์รับฟังได้ปราศจากข้อสงสัยว่า วิวัฒน์ จำเลย เป็นคนเดียวกับคนร้ายที่สวมชุดดำ และในมือสวมถุงกระสอบข้าวโพดสีเขียวเหลือง โดยการกระทำนั้นเป็นความผิดตามฟ้อง ให้จำคุกจำเลย 37 ปี 4 เดือน

ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างฎีกา เนื่องจากเห็นว่าคดีนี้มีพยานโจทก์หลายปาก แต่ไม่มีประจักษ์พยานมายืนยัน จึงยังมีข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่

จากนั้นอัยการโจทก์และโจทก์ร่วมยื่นฎีกา ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อ 7 พ.ย. 2561 ศาลเบิกตัวจำเลยจากเรือนจำมาฟังคำพิพากษา โดยศาลฎีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบแล้วเห็นว่า นอกจากจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งได้ทำการสืบสวนพยานหลักฐานวงจรปิดของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่บริเวณแยกหลักสี่ กับภาพเคลื่อนไหวบันทึกเหตุการณ์จากอินเทอร์เน็ตบางส่วน ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ต่อเนื่องกัน จึงสืบทราบว่าคนร้ายชุดดำที่สวมหมวกไหมพรม ใช้อาวุธปืนสวมถุงกระสอบข้าวโพดสีเขียวเหลืองปิดบังอาวุปืน ยิงใส่กลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้งบริเวณไอทีสแควร์ โดยโจทก์ก็มีทั้งภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งจากกล้องวงจรปิด และภาพบันทึกเหตุการณ์ในอินเทอร์เน็ต เปรียบเทียบบุคคลได้ชัดว่าเป็นตัวจำเลย และพี่ชายของจำเลยก็ให้การว่าบุคคลตามภาพมีลักษณะตรงกับจำเลย

พยานหลักฐานที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาให้ยกฟ้องจำเลยนั้นยังคลาดเคลื่อนไปจากพยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษากลับให้จำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นเวลา 37 ปี 4 เดือน

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่วิวัฒน์ ถูกกล่าวหาว่าเป็น มือปืนป๊อปคอร์น ยังมีข้อสงสัยว่าเป็นจริงหรือไม่ เพราะย้อนไปเมื่อ 26 มี.ค. 2557 ประชาไท เคยรายงานว่า แม้ว่าตัววิวัฒน์ยอมรับว่าไปร่วมชุมนุมกับม็อบ กปปส. ที่แยกหลักสี่ วันเกิดเหตุจริง แต่ไม่เคยยอมรับว่าเป็น มือปืนป็อปคอร์น ขณะที่วิวัฒน์ เคยกล่าวกับ พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความตนเองว่า สาเหตุที่ยอมรับสารภาพว่าเป็นมือปืนป๊อปคอร์น เนื่องจากถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่ซ้อมให้รับสารภาพระหว่างถูกควบคุมตัวขึ้นรถตู้ไม่ทราบเลขทะเบียนช่วงยามวิกาลที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีการถูกใช้ผ้าปิดตา จากนั้น ถูกรุมต่อย ทุบตี โดยใช้เบาะรองที่ท้อง แล้วต่อยท้องจำนวนหลายครั้งตลอดทาง ทำให้ไม่มีร่องรอย รวมถึงที่คอถูกเชือกรัดแต่ใช้ผ้ารองไว้ ทำให้ไม่มีร่องรอยเป็นหลักฐาน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หมายเหตุ - มีการอัปเดตเนื้อหาข่าวเพิ่มเติม เมื่อ 18 ก.ย. 2565 เวลา 13.53 น. 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net