ครป.ชี้ 'ประยุทธ์' รอด-ประเทศพัง ระบบนิติรัฐ-นิติธรรมถูกบั่นทอน จับตาความขัดแย้งขยายตัว

เลขาฯ ครป.ให้ความเห็นหลังศาล รธน.วินิจฉัยปม 8 ปี 'ประยุทธ์' ให้ไปต่อ จะนำไปสู่ข้อถกเถียงของสังคมอย่างกว้างขวาง และ ม.264 ให้นับรวมตำแหน่งก่อนหน้าหมายความว่าไง การดึงดันอยู่ในอำนาจของประยุทธ์ จะทำให้ประเทศพัง ระบบนิติรัฐถูกบั่นทอน เชื่อยุบสภาหลังเอเปค

 

30 ก.ย. 2565 เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ให้ความเห็นภายหลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปต่อ ตรงตามที่เนติบริกรทั้งหลายชี้นำว่าน่าจะนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ในวันที่ 6 เม.ย. 2560 แต่ไม่ตรงตามที่ภาคประชาชนฟันธงว่าไม่น่ารอด ตามหลักการของรัฐธรรมนูญ มาตรา 264 ที่ให้นับรวมการดำรงตำแหน่งก่อนหน้า แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็วินิจฉัยว่าให้เริ่มนับการดำรงตำแหน่งนั้นตั้งแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือเป็นนายกฯ รอบแรกตั้งแต่ 6 เม.ย. 2560 แค่ 2 ปีเท่านั้นก่อนรับตำแหน่งนายกฯ รอบใหม่ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ปัจจุบันจึงเป็นนายกฯ เพียงแค่ 5 ปี ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยชี้แจง

การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่ข้อเถียงสังคมอย่างกว้างขวางต่อไปว่า แล้วก่อนหน้านั้นการเป็นนายกฯ ตั้งแต่ปี 2557-2560 เป็นนายกฯ เถื่อนใช่หรือไม่ แล้วการตีความตรงตามลายลักษณ์อักษรมาตรา 264 จะอธิบายในห้องเรียนกฎหมายมหาชนของคณะนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศได้อย่างไร นักกฎหมายที่เคยออกมาเตือนสติ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องประท้วงหยุดการเรียนการสอนหรือไม่ ส่วนประชาชนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยด้วยกับคำตัดสินและตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการช่วยเหลือกันหรือไม่ก็คงจะมีการจัดการชุมนุมกันอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญอาจกลายเป็นคู่ความขัดแย้งทางการเมืองของสังคมไปด้วย เพราะเชื่อว่าถูกทำให้กลายเป็นศาลการเมืองจากคำวินิจฉัยดังกล่าว ซึ่งที่มาตุลาการยังถูกผูกโยงจากการรับรองเห็นชอบโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้ง ซึ่งต้องรอดูคำวินิจฉัยส่วนตัวด้วยว่าเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ไม่ต่างจากคดีความในอดีตที่มักใช้ทำลายคู่ขัดแย้งทางการเมืองของผู้มีอำนาจ และประชาชนบางกลุ่มนั้นอาจจะถือว่าเป็นคำวินิจฉัยอัปยศ หรือ 2 มาตรฐานได้หากมีเปรียบเทียบกับคดียุบพรรคการเมือง และตัดสิทธินักการเมืองในอดีต

อย่างไรก็ตาม เมธา เห็นว่าการเคลื่อนไหวของ 99 พลเมืองและปัญญาชนที่ผ่านมา ได้ทำให้ความชอบธรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ ทรุดโทรมลงอย่างมากจากหลักคุณธรรม-จริยธรรม การดึงดันที่จะอยู่ต่อในอำนาจได้ทำลายความชอบธรรมของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ลงแล้ว ซึ่งเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงจะเร่งเวลายุบสภาในเวลาอันใกล้นี้ อย่างช้าที่สุดก็คงหลังประชุมเอเปคตามแผนเดิม แต่ความชัดแย้งที่ขยายตัวอาจไม่อนุญาตให้อยู่ได้นาน เพราะสถานการณ์ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนคงเห็นตรงกันว่าประยุทธ์รอด ประเทศพัง ระบบนิติรัฐ-นิติธรรมถูกบั่นทอน  

ทั้งนี้ ภาคประชาชนโดยสภาที่ 3 จะจัดเวทีอภิปรายในวันอาทิตย์นี้ (2 ต.ค.) เพื่อตั้งคำถามกับคำวินิจฉัยในเชิงวิชาการและทวงเอกสิทธิ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรีกลับมาตามเจตจำนงค์ของประชาชน เวลา 13.30 น. ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และในสัปดาห์หน้าจะจัดประชุมเพื่อผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับรอบใหม่ในทุกรูปแบบเพื่อปฏิรูปการเมืองทั้งระบบ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท