Skip to main content
sharethis

เป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้วที่มีเหตุการณ์ประท้วงใหญ่ในอิหร่าน รัฐบาลได้ใช้มาตรการตัดอินเทอร์เน็ตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ปี ชี้ ‘ชาวเน็ต’ เป็นศัตรูของชาติ ด้าน ‘กลุ่มแฮกเกอร์นิรนาม’ ประกาศสู้กลับ ลบเว็บไซต์ผู้นำสูงสุด

ในสัปดาห์ที่สองของการประท้วงใหญ่ในอิหร่าน รัฐบาลเริ่มใช้มาตรการตัดอินเทอร์เน็ตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ปี ใช้เหตุผล ชาวเน็ตเป็น ‘ศัตรูของชาติ’ ด้านกลุ่มแฮกเกอร์นิรนามประกาศสู้กลับด้วยการลบเว็บไซต์ของผู้นำสูงสุด

30 ก.ย. 2565 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (29 ก.ย.) สำนักข่าวอิหร่าน อินเตอร์เนชันแนล อิงลิช รายงานว่ารัฐบาลอิหร่านได้เริ่มใช้มาตรการตัดการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต (Internet blackout) เป็นเวลาอย่างน้อย 16 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อตอบโต้กับการประท้วงของประชาชนที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อสองอาทิตย์ก่อน หลังการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของหญิงสาวชาวเคิร์ด มาร์ซา อาร์มินี ขณะถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว

สำนักข่าวอิหร่าน อินเตอร์เนชันแนล อิงลิช รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากสื่อท้องถิ่น Donya-ye Eqtesad Daily ว่าการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างจำกัด แต่แอปพลิเคชันอย่างอินสตาแกรม (Instagram) และวอตส์แอปป์ (WhatsApp) เป็นช่องทางที่ผู้คนนิยมใช้ส่งวีดิโอและรายงานสถานการณ์ในอิหร่าน

อิหร่านได้ริเริ่มมาตรการจำกัดการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตครั้งแรกตั้งแต่เมื่อสองทศวรรษที่ผ่านมา แต่มาตรการการเซ็นเซอร์นี้ถูกท้าทายด้วยการเกิดขึ้นของโซเชียลมีเดีย ในขณะนี้ ชาวอิหร่านกำลังประสบปัญหาร้ายแรงในการเข้าถึงแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น เทเลแกรม (Telegram) ทวิตเตอร์ (Twitter) และยูทิวป์ (Youtube) แม้ว่าพวกเขาจะใช้ VPN 

สำนักข่าวอิหร่าน อินเตอร์เนชันแนล อิงลิช รายงานโดยอ้างอิงจากสื่อท้องถิ่นว่าประชาคมระหว่างประเทศ รวมทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ ได้วิพากษ์วิจารณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการจำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และให้คำมั่นด้วยว่าจะช่วยชาวอิหร่านให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ดีขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น รัฐบาลอิหร่านก็ยังทำสามารถทำให้ประชาชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ยากลำบากขึ้นด้วยการแฮ็ก VPN ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเครื่องมือการเล็ดรอดผ่านการเซ็นเซอร์ของรัฐบาล

เกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่การประท้วงยังคงดำเนินไปอย่างรุนแรง รัฐบาลได้ขยายการเซ็นเซอร์ไปแอปพลิเคชันอื่น ๆ เช่น ลิงกต์อิน (LinkedIn) สไกป์ (Skype) และซาวด์คลาวด์ (SoundCloud) และในขณะเดียวกัน กูเกิล เพลย์ (Google Play) และ แอป สโตร์ (App Store) ก็ถูกปิดกั้นเช่นกันเพื่อไม่ให้ชาวอิหร่านดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่ยังไม่ถูกแบน

ในวันเดียวกัน สำนักข่าวอิหร่าน อินเตอร์เนชันแนล อิงลิช รายงานคำพูดของ ลอตฟอลลาห์ ซีอาคาลี (Lotfollah Siahkali) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีแนวคิดสุดโต่งที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า โซเชียลมีเดียเป็นฐานการขยายเครือข่ายผู้ทำลายชาติที่ใหญ่ที่สุดและการจำกัดการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตจะยังคงดำเนินต่อไปตราบเท่าที่การประท้วงบนถนนยังคงมีอยู่ 

ส.ส. แนวคิดสุดโต่งยังกล่าวด้วยว่า การตัดอินเตอร์เน็ตว่าเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อผลประโยชน์ในด้านความมั่นคงของรัฐ แม้มาตรการดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเสียหายอย่างใหญ่หลวงก็ตาม เขายังเสริมด้วยว่า ผู้ที่ออกมาชุมนุมประท้วงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคนในชาติ 

สำนักข่าวคอนเท็กซ์ จากมูลนิธิทอมป์สัน รอยเตอร์ ระบุว่า Access Now กลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิดิจิทัล กล่าวว่าการปิดกั้นอินเทอร์เน็ตแทบจะทั้งหมด ทำให้การเผยแพร่ภาพและวิดีโอการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ด้านอามีร์ ราชิดี (Amir Rashidi) ผู้อำนวยการด้านสิทธิดิจิทัลของ Miaan Group ในรัฐเท็กซัส ซึ่งสนับสนุนนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนในอิหร่านให้สัมภาษณ์กับมูลนิธิธอมสัน รอยเตอร์ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ของรัฐบาลอย่างชัดเจน ประการแรก พวกเขาต้องการหยุดผู้ชุมนุมไม่ให้สื่อสารกันเอง และอย่างที่สอง พวกเขาต้องการหยุดผู้ชุมนุมไม่ให้ส่งหลักฐานและภาพถ่ายที่ปรากฎความรุนแรงออกไปยังโลกภายนอก

‘กลุ่มแฮกเกอร์นิรนาม’ สู้กลับ ลบเว็บไซต์ผู้นำสูงสุด 

สำนักข่าวอิหร่าน อินเตอร์เนชันแนล อิงลิช รายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มแฮ็กทิวิสต์นิรนาม (The Anonymous hacktivist group) ได้ทำการลบเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ อาลี คาเมเนอี (Ali Khamenei) ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทางกลุ่มฯ ได้ทำการแฮ็กกล้องสอดแนมมากกว่า 300 ตัว รวมถึงแฮ็กเว็บไซต์รัฐสภาอิหร่านและศาลตรวจสอบสูงสุดเพื่อเปิดเผยหมายเลขโทรศัพท์และข้อมูลอื่นๆ ของสภาชิกรัฐสภาอิหร่านทั้งหมด โดยปฏิบัติการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาลอิหร่าน 

‘กลุ่มแฮ็กทิวิสต์นิรนาม’ คือกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่พยายามสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับวิธีที่ผู้ชุมนุมชาวอิหร่านจะสามารถใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อส่งเสียงให้คนทั่วโลกได้ยิน โดยพวกเขาเริ่มปฏิบัติการทางไซเบอร์ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับการประท้วงอย่างต่อเนื่องที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ

เรียบเรียงจาก:
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net