Skip to main content
sharethis

'เพื่อไทย' ชี้ประชาชนรอพิพากษา 'ประยุทธ์' ในคูหาเลือกตั้ง เชื่อมั่นในพลังประชาชน - ‘ชลน่าน’ ชี้กฎเหล็ก กกต.เป็นอุปสรรคห้ามพรรคการเมือง แต่รัฐบาลและราชการหยุดช่วยประชาชนไม่ได้ ย้ำเปิดสภาเตรียมเสนอแก้กฎหมาย

1 ต.ค. 2565 เว็บไซต์พรรคเพื่อไทย รายงานว่านายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 วินิจฉัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ ความเป็นนายกฯ ไม่สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ว่าการวินิจฉัยที่เกิดขึ้นเป็นการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน 6 คนบอกว่าได้ไปต่อ 3 คนบอกว่าต้องพอแค่นี้ แต่การทำหน้าที่ของประชาชนไทย 66 ล้านคนยังไม่จบ ความจริงประชาชนได้วินิจฉัยมาตั้งแต่ต้นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรได้กลับมา แต่เมื่อได้กลับมาก็กังขาสงสัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะกลับมาทำไม หรือพล.อ.ประยุทธ์ อยู่มา 8 ปี ยังเสียหายไม่พอ บอกว่าจะคืนความสุข แต่ประชาชนได้รับแต่ความทุกข์เพิ่มหรือไม่ ทำประเทศหนี้ล้น ประชาชนหนี้ท่วม อะไรที่สัญญากับประชาชนไว้ไม่สามารถทำได้ 8ปี ใช้งบประมาณแผ่นดินไป 28.5 ล้านล้านบาท ทำหนี้สาธารณะทุละ 10 ล้านล้านบาท ทำหนี้ครัวเรือนพุ่ง 14.6 ล้านล้านบาท ทำคนจนจาก 6 ล้านคนเป็น 18 ล้านคน ทำเงินบาทอ่อนค่าที่สุดในรอบ 16 ปี ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส พาเหรดกันขึ้นราคา 8 ปีฝีมือได้แค่นี้ยากที่จะมีปาฏิหาริย์ชั่วข้ามคืน หากตั้งใจจะมาจัดการประชุมเอเปก จะเป็นการประชุมที่ล้มเหลวที่สุดครั้งหนึ่งเพราะตัว พล.อ.ประยุทธ์ เอง โจ ไบเดน ประธานนาธิบดีสหรัฐก็ไม่มา ผู้นำชาติต่างๆจะตั้งคำถามถึงการดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่ต้องออกเพราะอะไร พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อายแต่ประชาชนอาย ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมด้วยช่วยกันพายเรือ อุปถัมภ์ค้ำชูพล.อ.ประยุทธ์มา ประชาชนจำแม่น หวังว่าเมื่อถึงเวลา ประชาชนจะพิพากษาพล.อ.ประยุทธ์และพวกในคูหาเลือกตั้ง คงไม่มีพรรคไหนเล่นละครตบตาประชาชนอีก พรรคไหนที่โหวตพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ประชาชนรอพิพากษาพรรคเหล่านั้นในวันเลือกตั้ง

“ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯได้ถึง 5 เม.ย. 2568 แต่ถ้าประชาชนไม่เลือกพรรคพลังประชารัฐ ไม่เลือกพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน หรือพรรคที่จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ก็ไม่สามารถเป็นได้ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ แม้ศาลจะให้รอด ก็ต้องจอดเพราะประชาชนพิพากษาอยู่ดี” นายอนุสรณ์ กล่าว

‘ชลน่าน’ ชี้กฎเหล็ก กกต.เป็นอุปสรรคห้ามพรรคการเมือง แต่รัฐบาล-ราชการหยุดช่วย ปชช.ไม่ได้ ย้ำเปิดสภาเตรียมเสนอแก้กฎหมาย

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ รองหัวหน้าพรรค นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ส.ส.อุบลราชธานี นางสาวกิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี และนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี ลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนในพื้นที่ชุมชนพนม 1 ชุมชนพนม 2 วัดพนมวัน ชุมชนเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโนรูเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดฝนตกหนักจนน้ำท่วมสูงประมาณ 1 – 1.20 เมตร

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า จากการติดตามดูสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ถือว่ากระทบหนัก น้ำท่วมในตอนนี้รุนแรงเกือบเทียบเท่าน้ำท่วมในปี 2562 พี่น้องประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ บางส่วนต้องอพยพออกนอกพื้นที่ไปยังศูนย์อพยพที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดหาให้ ประชาชนบางส่วนสมัครใจอยู่บ้านเนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินภายในบ้าน แม้ระดับน้ำจะท่วมสูงก็ตาม ขณะที่การสัญจรภายในพื้นที่ต้องเดินทางโดยเรือ เนื่องจากระดับน้ำสูงมาก ซึ่งอุบลราชธานีเป็นจุดรับน้ำจุดสุดท้ายก่อนลงสู่แม่น้ำโขง จึงได้รับผลกระทบมาก

ส่วนการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนของ ส.ส.ในพื้นที่ ตอนนี้ทำได้ลำบาก ไม่สามารถช่วยเหลือได้อย่างเต็มที่อย่างที่เคยทำเนื่องจากกฎเหล็ก 180 วันของ กกต.ที่กลายเป็นอุปสรรคทำให้ประชาชนถูกทอดทิ้ง ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต ซึ่งมีความรู้ มีความเข้าใจสภาพพื้นที่และความต้องการของพี่น้องประชาชน เมื่อรวมเข้ากับเขตเทศบาลและประธานชุมชนที่ทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ ส.ส.ในพื้นที่ จึงสามารถประสานความร่วมมือกันช่วยเหลือกันได้ แต่หากท้องถิ่นทำงานคนละฝ่าย คำนึงถึงเรื่องการเมืองและคะแนนเสียงเป็นหลัก จะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ดังนั้นกฎเหล็ก 180 วันของ กกต.จึงไม่ควรใช้ในตอนนี้ หรือควรมีข้อยกเว้นไปก่อน เนื่องจากมีภัยพิบัติที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ทางออกในระยะอันใกล้หากสภาเปิดสมัยประชุมอีกครั้งจะเสนอแก้ไขกฎหมาย

“บรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ที่ ส.ส. หรือว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ถูกห้ามไม่ให้ทำงานช่วงนี้ ฝ่ายรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐต้องสนับสนุนการทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายและการชดเชยความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชน โดยไม่มีข้ออ้างว่ามีประกาศ กกต. แล้วหยุดการช่วยเหลือนั้นไม่ได้ ต้องเอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้ง จนกว่าภัยพิบัติและผลพวงของผลกระทบจากพายุโนรูจะหมดไป” นายแพทย์ชลน่าน กล่าว

นายวรสิทธิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมเริ่มขาดแคลนของใช้อุปโภคและบริโภค ประชาชนจึงช่วยเหลือกันเองด้วยเก็บเกี่ยวพืชผักสวนครัวที่ถูกน้ำท่วม แจกจ่ายกันในชุมชนเพื่อประกอบอาหารในเบื้องต้น ทั้งนี้ในพื้นที่ได้มีการตัดระบบน้ำระบบไฟเรียบร้อยแล้วเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน

นางสาวกิตติธัญญา กล่าวว่า ในภาวะปกติ ตอนนี้ ส.ส. หรือว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จะต้องเร่งทำงาน แต่ตอนนี้ที่มีกฎเหล็ก 180 วันของ กกต. ทุกฝ่ายกลัวจะกระทำผิด ขณะที่อีกฝ่ายจ้องจับผิด จึงเป็นกฎหมายที่เป็นอุปสรรคกับทั้งผู้ที่ให้การช่วยเหลือและรอการช่วยเหลือในเวลาเดียวกัน

'สดศรี' แนะ กกต.ปรับกฎเหล็ก ลดข้อครหาใช้งบฯ หลวงหาเสียง

นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ว่ากฎเหล็ก 180 วัน สร้างความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง จากการที่รัฐมนตรีลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนและมีการหาเสียงไปด้วย แต่พรรคฝ่ายค้านทำไม่ได้นั้น จริงๆ แล้วรัฐบาลต้องมีหน้าที่ไปช่วยเหลือชาวบ้านอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันต้องแฝงการหาเสียงไปด้วยเพื่อช่วยพรรคตัวเอง ส่วนที่มองว่าเป็นการใช้เงินงบประมาณของหลวงในการลงพื้นที่ ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ตนมีไอเดียว่าจริงๆ แล้ว กกต. ควรกำหนดไว้เลยว่าในช่วง 180 วัน ก่อนการเลือกตั้งนี้ ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีควรจะลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคหรือสมาชิกพรรคการเมือง เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบเกิดขึ้น เพราะจะได้ออกไปช่วยประชาชนในฐานะที่เป็นรัฐมนตรี ผู้มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน ซึ่ง กกต. ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ แต่ตนมองว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะให้เขาอยู่ในหมวก 2 ใบ ทั้งการเป็นหัวหน้าพรรคหรือสมาชิกพรรค และการเป็นรัฐมนตรี ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ ดีกว่าจะให้เขาใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งในพรรคตัวเอง

ทั้งนี้ แม้การที่รัฐมนตรีออกไปช่วยหาเสียงจะสามารถทำได้นอกเวลาราชการ แต่สำหรับรัฐมนตรีที่มีหน้าที่กำกับดูแลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้จะบอกให้เขาไปหลังเวลาราชการคงไปไม่ได้ เพราะเขาออกไปทำงานราชการ

นางสดศรี กล่าวอีกว่า คงจะเป็นเรื่องดีถ้า กกต. ปรับปรุงระเบียบที่วางไว้ ก็จะเกิดการไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกัน ขณะเดียวกันจะไม่เกิดปัญหาเรื่องการร้องเรียนว่าบุคคลนั้นเป็นรัฐมนตรีแล้วยังเอาเงินของหลวงไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งด้วย ในการออกไปช่วยเหลือชาวบ้านในขณะเกิดอุทกภัย วาตภัย ต่างๆ

กกต. แจงระเบียบ 180 วันก่อนเลือกตั้ง ไม่ใช่ริดรอนช่วยประชาชน

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ความเห็นกรณีที่มีการแสดงความเห็นว่าระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงไม่ให้ความเท่าเทียมกันในการหาเสียง หรือรอนสิทธิในการช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนว่าความคิดเห็นดังกล่าวยังมีความคลาดเคลื่อนจากข้อกฎหมายอยู่มาก การที่ กกต.ออกระเบียบนี้เพื่อความเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่มีการหาเสียงเลือกตั้งตามที่กฎหมายกำหนด เพราะโทษตามกฎหมายกำหนด นอกจากกฎหมายเลือกตั้งที่มีโทษใบเหลือง ใบแดง ใบดำ ใบส้ม หรือยุบพรรคการเมือง ชดใช้ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่แล้ว ยังมีโทษทางอาญาด้วย ซึ่งระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงที่ออกมาไม่มีสภาพบังคับตามกฎหมาย เป็นเพียงการอธิบายกฎหมาย ว่าสิ่งใหนทำได้ สิ่งใหนทำไม่ได้ ตามกฎหมายที่กำหนด กกต.จะไปกำหนดความผิดหรือโทษเองไม่ได้ เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา และตัวอย่างที่ยกขึ้นมาก็เป็นตัวอย่างที่ได้จากคำพิพากษาของศาล และหนังสือตอบข้อหารือของพรรคการเมือง หรือผู้สมัครรับเลือกตั้ง เช่น ความผิดเกี่ยวกับให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด การใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ หรือการติดป้ายประกาศ หรือการหาเสียงทางอิเลคทรอนิคส์

“เรื่องเหล่านี้เป็นข้อห้ามอยู่ในกฎหมาย ซึ่ง กกต.ไม่ได้เป็นผู้กำหนดขึ้นเอง กกต.เป็นเพียงผู้นำนำมารวมและอธิบาย ใว้ในระเบียบให้พรรคการเมืองหรือผู้สมัครได้ศึกษาอย่างสะดวกรวดเร็ว” นายแสวง กล่าว

นายแสวง ยังกล่าวว่า การหาเสียงและการทำหน้าที่ต้องแยกออกจากกัน การหาเสียงไม่ว่าผู้ใดจะเป็นรัฐมนตรี ส.ส หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น ก็ต้องหาเสียงภายใต้กฎหมายเลือกตั้งอย่างเสภอภาคกัน เช่น ส.ส. หรือรัฐมนตรี ใช้เงินหรือทรัพย์สินส่วนตัวให้เงินไม่ได้เช่นเดียวกัน เป็นต้น ส่วนการทำหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุกตำแหน่ง เช่น รัฐมนตรี หรือ ส.ส. ก็ทำหน้าตามกฎหมายที่ให้อำนาจใว้ตามปกติ กกต.ไม่อาจไปก้าวล่วงการทำหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าทำตามกฎหมายย่อมได้รับความคุ้มครอง เว้นแต่การใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ และระเบียบนี้ใช้บังคับมาตั้งแต่ปี 2562 ทุกอย่างเป็นไปตามหลักการเดิม คำอธิบายเดิม เพียงแต่ระยะเวลาใช้บังคับยาวนานขึ้น คือ 180 วัน ซึ่งระยะเวลาหนึ่ง 180 วัน กกต.ไม่ได้เป็นผู้กำหนด แต่เป็นกฎหมายที่ออกโดยรัฐสภา กกต.เป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น หากจะให้เวลาใช้บังคับในการหาเสียงน้อยลง ต้องแก้กฎหมาย และต้องแก้โดยรัฐสภา ไม่ใช่ กกต. แต่ที่ กกต.แจ้งและดำเนินการก็เพื่อความเรียบร้อย และความหวังดีกับผู้มีส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะหากมีการกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย หากมีผู้นำมาร้องเรียน ร้องคัดค้านภายหลัง ผลเสียก็จะเกิดแก่พรรคการเมืองหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งเอง เช่น ถูกเพิกถอนสิทธิรับสมัคร 1 ปี (ใบส้ม) หรือ ตลอดชีวิต(ใบดำ) เลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบแดง) ชดใช้ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ หรือยุบพรรคการเมืองแล้วแต่กรณี

 

ที่มาเรียบเรียงจาก: เว็บไซต์พรรคเพื่อไทย [1] [2] | สำนักข่าวไทย [1] [2]


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net