ศาลพิพากษาจำคุก ‘ทิวากร’ 3ปี คดีล่าชื่อเปิดประชามติเลิกระบอบกษัตริย์แต่รอลงอาญา

ศาลลำปางพิพากษาจำคุก “ทิวากร” ข้อหายุยงปลุกปั่น 3 ปี คดีรณรงค์ล่ารายชื่อคนที่เห็นด้วยกับการทำประชามติว่าจะให้ระบอบกษัตริย์ยังคงมีอยู่หรือไม่ แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญานาน 3 ปี

4 ต.ค.2565 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า วันนี้ที่ศาลจังหวัดลำปางอ่านคำพิพากษาคดีของทิวากร วิถีตน ชาวขอนแก่น ในกรณีที่เขาเปิดรณรงค์ล่ารายชื่อคนที่เห็นด้วยกับการเปิดทำประชามติที่ให้เลือกว่าจะยังคงให้มีระบอบกษัตริย์ไว้ในประเทศไทยหรือไม่บนเว็บไซต์ change.org เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2564 และมีข้อความประกอบว่า“เราฝันถึงระบอบสาธารณรัฐ/สหพันธรัฐที่ไม่ต้องมีกษัตริย์” เขาถูกดำเนินคดีด้วยข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 (3)

คดีนี้ผู้แจ้งความดำเนินคดีทิวากรคือ ทวีอินทะ จากเครือข่ายเฝ้าระวังปกป้องและพิทักษ์สถาบันฯ ในจังหวัดลำปาง

ศูนย์ทนายความระบุว่า วันนี้ศาลอ่านคำพิพากษาอย่างรวดเร็ว โดยสรุปได้ว่าจากการนำสืบในศาลของทั้งสองฝั่ง ทิวากรรับว่าโพสต์ข้อความดังกล่าวจริง และพยานโจทก์เห็นว่าข้อความดังกล่าวเป็นการชักชวนให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นระบอบสาธารณรัฐ

ศาลระบุว่า รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 1 2 และ 3 กำหนดให้ไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวแบ่งแยกไม่ได้และมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แม้ว่าในมาตรา 32 จะำกำหนดเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมาตรา 34 เรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นจะถูกริดรอนไม่ได้เว้นแต่เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพบุคคลอื่นหรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และกำหนดหน้าที่ให้คนไทยพิทักษ์รักษาชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขควบคู่กับการใช้สิทธิเสรีภาพไว้ด้วย

เมื่อจำเลยโพสต์ข้อความดังกล่าวจริงและฝ่ายโจทก์มีกิตติพงศ์ กมลธรรมวงศ์ อาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า ข้อความสื่อถึงระบอบสาธารณรัฐขัดต่อหน้าที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในหมู่ประชาชน กระทบต่อจิตใจของประชาชนที่รักสถาบันกษัตริย์

ศาลระบุว่าการกระทำของทิวากรเป็นการกระทำที่ขัดต่อความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ เผยแพร่ข้อความที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบ หรือล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินตามประมวลกฎหมายอายามาตรา 116 จึงเป็นความผิดตามมาตรา 14 (3) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ด้วย แต่เป็นการทำความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนักที่สุดคือข้อหายุยงปลุกปั่น พิพากษาให้จำคุก 3 ปี แต่ทิวากรไม่เคยถูกลงโทษจำคุกมาก่อนจึงให้รอลงอาญาไว้ 3 ปี

ศูนย์ทนายความฯ รายงานต่อว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาทิวากรกล่าวว่าตนจะอุทธรณ์คดีนี้ต่อ เขาเห็นว่าคำพิพากษามีความย้อนแย้งในตัวเองว่าแม้รัฐธรรมนูยจะรับรองสิทธิเสรีภาพการแสดงความเห็นโดยสุจริตไว้ แต่พอเป็นเรื่องสถาบันกษัตริย์กลับงดเว้นเรื่องนี้ และคำพิพากษานี้จะส่งผลเสียต่อระบอบการปกครองที่เป็นประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตาม ทนายความมองเรื่องนี้ศาลไม่ได้นำประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยมาพิจารณา และยกความเห็นของ กิตติพงศ์พยานจากนิติ มธ. มาไม่หมดจากที่เคยเบิกความไว้ในการสืบพยานคดีนี้ว่าแม้การกระทำของทิวากรจะไม่ใช่การใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่ได้เข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 116 และ 112 อีกทั้งการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญจะเป็นความผิดอาญาได้ก็ต้องมีการบัญญัติเอาไว้ด้วย

ศาลขอนแก่นยกฟ้อง ม.112 'ทิวากร' คดีใส่เสื้อ 'หมดศรัทธาสถาบันฯ'

นอกจากคดีนี้แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาศาลจังหวัดขอนแก่นเพิ่งมีคำพิพากษาในคดีที่ทิวากรโพสต์ภาพตัวเองสวมเสื้อ “เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว” พร้อมมีข้อความในโพสต์ว่า “หมดศรัทธา ไม่ได้แปลว่า ล้มเจ้า หมดศรัทธา มันคือความรู้สึกที่อยู่ในใจ ที่มีต่ออะไรสักอย่าง ในทำนองเดียวกับ หมดรัก, หมดเยื่อใย, หมดใจ, หมดความไว้ใจ”

คดีดังกล่าวศาลพิพากษายกฟ้องโดยให้เหตุผลว่าไม่ได้มีข้อความที่ชักชวนให้คนรู้สึกเกลียดชังหรือดูหมิ่นสถาบันอีกทั้งไม่ได้ระบุถึงกษัตริย์พระองค์ใดจึงไม่ได้เป็นการดูหมิ่นหมิ่นประมาท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท