Skip to main content
sharethis

อัยการศาลแขวงดุสิตเรียก "สิตานัน" พี่สาววันเฉลิมจ่ายค่าปรับข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งไม่พิมพ์ลายนิ้วมือคดีร้องเรียน UN ติดตามกรณีอุ้มหายผู้ลี้ภัยการเมืองไทย หลังสั่งไม่ฟ้องข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แล้ว เจ้าตัวสะท้อนไม่เคยรู้สึกได้รับความเป็นธรรมเรื่องน้องชายถูกอุ้มที่คดีไม่คืบหน้าแต่อัยการก็ยังดำเนินคดีกับตนที่ออกมาเรียกร้อง

สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เข้าพบทูตกัมพูชาติดตามความคืบหน้าการหาตัววันเฉลิม ภาพเมื่อ 11 ส.ค.2563 แฟ้มภาพ

5 ต.ค.2565 สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เดินทางเข้าพบพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวงดุสิตหลังจากเมื่อวานนี้ทางอัยการโทรศัพท์แจ้งกับเธอว่าคดีที่ทางอัยการเห็นสั่งฟ้องข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจากการที่สิตานันปฏิเสธการพิมพ์ลายนิ้วมือในคดียื่นหนังสือร้องเรียนต่อองค์การสหประชาชาติเมื่อ 10 ธ.ค.2564 และนัดสั่งฟ้องสิตานันต่อศาลแขวงดุสิตวันนี้เวลา 9.30 น. ณ ศาลแขวงดุสิต ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงนัดเป็นการเปรียบเทียบปรับในภายหลัง

พรพิมล มุกขุนทด ทนายความจากผสานมูลนิธิวัฒนธรรมอธิบายกระบวนการที่เกิดขึ้นในวันนี้ว่าทางอัยการได้นัดสิตานันท์ไปเพื่อเซนเอกสารรับทราบกับทางอัยการว่าจะมีการดำเนินการเปรียบเทียบปรับในข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานเท่านั้นซึ่งหลังจากนี้ทางอัยการจะส่งสำนวนกลับไปให้ทางพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้งที่เป็นเจ้าของคดีเพื่อดำเนินการนัดสิตานันไปดำเนินการเปรียบเทียบปรับต่อไป โดยเรื่องนี้ทางสิตานันท์กับทนายความได้ปรึกษากันแล้วว่าแม้การดำเนินคดีนี้ทางสิตานันท์จะรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมแต่การจะสู้กันในศาลต่อจะเป็นภาระมาก

“รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย แทนที่อัยการจะไปสอบสวนเรื่องวันเฉลิม แต่ 2 ปี ที่ผ่านมาไม่เคยความคืบหน้าคดีและไม่มองว่าตัวเองไม่ได้ทำหน้าที่เลย แต่กลับมาดำเนินคดีกับเรา” สิตานันท์กล่าวถึงความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมมาโดยตลอดจากการถูกดำเนินคดีเหล่านี้จากการออกมาถามหาความคืบหน้าคดีคดีของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์น้องชายของเธอที่ถูกบังคับสูญหายไปในกัมพูชาระหว่างลี้ภัยทางการเมืองนับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ทำรัฐประหารแต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ

พี่สาวของวันเฉลิมกล่าวต่อว่า คดีนี้เองก็เริ่มมาจากที่เธอไปยื่นหนังสือถึงองค์การสหประชาชาติเมื่อวันสิทธิมนุษยชนสากลปีที่แล้วเรื่องน้องชายของเธอและผู้ที่บังคับสูญหายคนอื่นๆ เธอมองว่าเป็นคดีที่ไร้สาระและไม่ควรมีการฟ้องร้องตั้งแต่แรกและการต่อสู้คดีก็ต้องใช้เวลาขึ้นศาลกันเป็นปี แล้วก็ไม่มีใครอยากวุ่นวาย อัยการก็ไกล่เกลี่ยให้รับสารภาพ

สิตานันท์กล่าวว่าสำหรับเรื่องคดีนี้ ล่าสุดทางตำรวจได้โทรศัพท์เพื่อนัดเข้าไปจ่ายค่าปรับแล้วในวันพรุ่งนี้ และเธอยืนยันจะจ่ายค่าปรับเพียง 200 บาทเท่านั้น

คดีนี้สืบเนื่องจาก หลังสิตานันถูกพนักงานสอบสวน สน. นางเลิ้ง แจ้งข้อหาชุมนุมโดยฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหตุร่วมกับกลุ่มนักเคลื่อนไหวเข้ายื่นหนังสือหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ (UN) ประจำประเทศไทยเพื่อยื่นร้องเรียนเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในวันสิทธิมนุษยชนสากลเมื่อ 10 ธ.ค.2564 และเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับน้องชายของตนรวมถึงเหยื่อจากการบังคับสูญหายอื่นๆ

ต่อมาวันที่ 21 ก.พ. สิตานันจึงได้เข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนและมอบเอกสารประจำตัวที่มีข้อมูลตัวตนของเธอแก่ตำรวจเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรได้อย่างเต็มที่แล้ว เพียงแต่ปฏิเสธการพิมพ์ลายนิ้วมือเนื่องจากเห็นว่าตรวจสอบได้ในฐานข้อมูลของตำรวจได้อยู่แล้วโดยไม่จำเป็นต้องใช้ลายพิมพ์นิ้วมือ จึงมองว่าการพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นการละเมิดสิทธิในร่างกายของตนเกินความจำเป็น และไม่มีเจตนาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานแต่อย่างใด แต่ทางตำรวจก็ยังเพิ่มข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา แม้ว่าสุดท้ายแล้วอัยการจะมีคำสั่งไม่ฟ้องข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แล้วก็ตาม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net