Skip to main content
sharethis
  • ฝ่ายค้าน เตรียมเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา พิจารณาเหตุโศกนาฏกรรมหนองบัวลำภูและปัญหาน้ำท่วมต่อที่ประชุมสภา วันที่ 3 พ.ย.นี้ ขณะการยื่นเปิดอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 ขอประเมินสถานการณ์อีกครั้งหลังการประชุมเอเปค
  • 'ชลน่าน' เผยจ่อยื่นยุบ พรรค ‘ภูมิใจไทย’ ส่อผิด พ.ร.ป.พรรคการเมือง ด้าน 'ศุภชัย' ระบุ หาก 'เพื่อไทย' จ้องใช้วิธียุบพรรคเล่นงานภูมิใจไทย ปมกัญชาเสรีลวงคะแนนนิยม จะจัดให้หนักหน่วงในไม่ช้า เผยเคยเห็นใจตอนถูกยุบ 'ไทยรักไทย-พลังประชาชน' ในอดีต ชี้เป็นการลงโทษทางการเมืองที่ไม่เป็นธรรมที่สุด

 

17 ต.ค.2565 ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยพรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมแถลงข่าวภายหลังประชุมวิปพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ที่ประชุมได้มีมติร่วมกันในประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย เรื่องความก้าวหน้าของการดำเนินคดีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นผลพวงจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้มีความเห็นว่าจะเสนอขอเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยประชุมวิสามัญพิจารณากรณีโศกนาฏกรรม จังหวัดหนองบัวลำภู แต่เนื่องจากเมื่อวานนี้ (16 ต.ค.65) ได้มีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2565 เป็นต้นไป พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงมีมติไม่ดำเนินการขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญดังกล่าว เนื่องจากเป็นเรื่องที่ทำได้ยากและค่อนข้างใช้เวลาในการดำเนินการ อย่างไรก็ตาม จะยื่นเป็นญัตติด่วนด้วยวาจาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 3 พฤศจิกายน นี้ แทน เพื่อพิจารณาเหตุโศกนาฏกรรมหนองบัวลำภูและปัญหาน้ำท่วม เพื่อให้สภาร่วมแสวงหาทางออกร่วมกัน

ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมจะเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง พร้อมมีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายเร่งด่วน 12 ข้อของรัฐบาล นั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านจะขอประเมินสถานการณ์หลังการประชุมเอเปคเสร็จสิ้นอีกครั้ง เนื่องจากสาระสำคัญในการอภิปรายได้มีการยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาแล้ว ซึ่งมีทั้งการพิจารณาปัญหายาเสพติด รวมทั้งปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย สำหรับการประเมินสถานการณ์จะพิจารณาว่าจะมีโอกาสยุบสภา หรือไม่ ซึ่งหากมีการยุบสภาจะเร่งยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปทันที เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาให้ประเทศชาติ

จ่อยื่นยุบพรรคที่เกี่ยวกับนโยบายกัญชา

ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการเตรียมยื่นยุบพรรคที่เกี่ยวกับนโยบายกัญชาว่า เบื้องต้นคือพรรคภูมิใจไทย เพราะการประกาศนโยบายกัญชาเสรีนั้น เข้าข่ายพฤติกรรมที่นำไปสู่การยุบพรรคตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 ในประเด็นการให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยไม่ชอบ เนื่องจากการประกาศนโยบายที่หาเสียงเมื่อตอนปี 2562 เกี่ยวกับนโยบายกัญชา อาทิ การให้ครัวเรือนปลูก การปลดล็อก ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ ประมวลกฎหมายยาเสพติดซึ่งรัฐสภาให้ความเห็นชอบ

ชลน่านกล่าวต่อว่า กรณียุบพรรคที่เกี่ยวข้องซึ่งออกนโยบายที่เป็นปัญหา และเข้าข่ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือว่าเป็นการใช้นโยบายพรรคเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางปกครอง ที่เข้าข่ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยการยื่นยุบพรรคนั้นจะยื่นให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง ฐานะองค์กรที่กำกับดูแลพรรคการเมือง ทั้งนี้ การยื่นคำร้องนั้นจะพิจารณาในรายละเอียดให้รอบด้าน ทั้งการนำเสนอนโยบาย การปฏิบัติตามนโยบาย การโฆษณา ที่เข้าข่ายหลอกลวง เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการปกครอง ส่วนในรายละเอียดนั้นฝ่ายกฎหมายของพรรคฝ่ายค้านอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด และคาดว่าวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้นั้น จะทราบความชัดเจน

ชลน่านกล่าวด้วยว่า สำหรับประเด็นการยื่นศาลปกครองให้มีคำสั่งคุ้มครองและมีคำสั่งให้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ.2565 ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ทำให้ทุกส่วนของกัญชากัญชงไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดที่มีสารทีเอชซีเกิน 0.2% นั้นออกไม่ชอบตามกฎหมาย เพราะสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนให้กับประชาชนและมีผลกระทบต่อสังคม

'ศุภชัย' เตรียมสวนให้หนักหน่วงในไม่ช้า

ด้าน ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทยโพสต์เฟซบุ๊ก 'Suphachai Jaismut' กรณีมติพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ว่า เราทำถูกต้อง ตนมั่นใจว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายคนก็เคยน้ำตาตก เมื่อครั้งพรรคไทยรักไทย ไปจนถึงพรรคพลังประชาชนถูกยุบ ตอนนั้นมีการพูดไปว่าเป็นการลงโทษทางการเมืองที่ไม่เป็นธรรมที่สุด เนื่องจากทำลายความหวังของประชาชนนับล้านที่เลือกพรรคการเมืองนั้น

ศุภชัย ระบุต่อว่า เพราะการยุบพรรคการเมืองเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนด้วยหลักเหตุผลที่ว่า พรรคการเมืองมิใช่เป็นของแค่คณะกรรมการบริหารพรรค แต่แท้จริงเป็นของสมาชิกพรรคทั้งปวง การพิจารณาโทษของพรรคการเมือง ควรพิจารณาโทษเฉพาะคณะกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น ไม่ควรลงโทษสมาชิกพรรคด้วยการยุบพรรคที่สมาชิกทั้งหมดเป็นเจ้าของร่วมกัน ซึ่งการยุบพรรคการเมืองไม่ได้ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง

“การยุบพรรคผิดหลักประชาธิปไตย แต่กลับกลายเป็นว่าพรรคที่พยายามกอดประชาธิปไตย อย่างพรรคเพื่อไทย รวมทั้งพรรคฝ่ายค้านอื่น กลับจะมายื่นยุบพรรคภูมิใจไทย เพราะนโยบายกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งเป็นนโยบายหาเสียงเมื่อปี 2562 และเราเป็นพรรคการเมืองเพียงไม่กี่พรรคที่ดำเนินการตามกฎหมายในการทำนโยบาย และได้ยื่นให้กกต.ตรวจสอบและเห็นชอบ ซึ่งต่อมานโยบายนี้ก็ได้ถูกกำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ 4 ของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา” ศุภชัย ระบุ

ศุภชัย ระบุด้วยว่า ย้อนกลับไป เราคือพรรคที่เห็นอกเห็นใจตอนที่พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบ และเราเห็นว่าการยุบพรรคนั้น เป็นกระบวนการเล่นงานทางการเมือง ที่บั่นทอนความเข้มแข็งของประชาธิปไตย แต่วันนี้ พรรคเพื่อไทยกลับเลือกใช้เป็นวิธีเล่นงานพรรคภูมิใจไทย เราไม่กังวลเลยว่านโยบายของเรา จะนำไปสู่การที่พรรคจะต้องถูกยุบ เพราะนโยบายนี้ได้รับการตรวจสอบจาก กกต.แล้ว

ส่วนการปลดล็อกกัญชาหรือที่เรียกว่าประกาศ ยส.5 ที่รมว.สาธารณสุขลงนาม ก็เป็นการออกประกาศตามคำเสนอของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด เป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการของรัฐมนตรีที่ถูกต้องตามที่กฎหมายบัญญัติทุกประการ และไม่เกี่ยวกับพรรคการเมือง

“ผมเพียงแปลกใจที่ท่านใช้การยุบพรรคมาเล่นงานเรา เท่ากับว่าพรรคท่านก็เห็นดีเห็นงามกับการใช้เรื่องของการยุบพรรคมาเล่นงานทางการเมือง และถ้าคิดว่าการยุบพรรคการเมืองคือสิ่งที่ท่านโหยหา ผมจะจัดให้ในไม่ช้าด้วยข้อมูลข้อเท็จจริงที่แน่นหนาและหนักหน่วง” ศุภชัย ระบุ

 

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไปความว่า  พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่สภาผู้แทนราษฎรได้กำหนดวันเริ่มสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ตามความในมาตรา 121 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 121 มาตรา 122 และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net