Skip to main content
sharethis
  • จนท.กองทัพบกและ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้าในฐานะพยานจำเลยเข้าสืบพยานครั้งแรก ในคดีที่ถูก 2 ผญ.นักปกป้องสิทธิฯ ฟ้องแพ่งกรณีถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนการทำไอโอเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนใส่ร้าย
  • 'อังคณา' เผยบันทึกของฝ่ายปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของ กอ.รมน.ซึ่งเป็นเอกสารและคำเบิกความที่นำมาใช้ประกอบการพิจารณาคดีในครั้งนี้ มีชื่อตนและสื่อมวลชนบางสำนักที่ตรวจสอบอำนาจรัฐอยู่ในลิสต์ “ผู้เห็นต่าง” “แนวร่วม” รวมถึง “ฝ่ายตรงข้ามรัฐ” ด้วย ระบุ แสดงถึงอคติ หวาดระแวง และทัศนคติเหมารวม ซึ่งขัด รธน. และกติกาสากล
  • ขณะที่ทนายความยันไม่กังวลเพราะน้ำหนักสารตั้งต้นและพยานหลักฐานทั้งหมดสามารถยืนยันพิสูจน์ได้ถึงที่มาที่ไปว่ามีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันกับจำเลยอย่างไร

21 ต.ค.2565 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งความคืบหน้ากรณีที่ 2 ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน คือ อังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน คณะทำงานด้านการบังคับสูญหายโดยไม่สมัครใจ องค์การสหประชาชาติ(UN Human Rights Expert- WGEID) และอัญชนา หีมมิหน๊ะ อดีตอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจังหวัดชายแดนใต้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องแพ่งกับสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแล กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)และกองทัพบก เป็นจำเลย ในความผิดละเมิด ตาม พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ 2539 กรณีสนับสนุนการทำไอโอเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนใส่ร้ายผู้หญิงนักปกป้องสิทธิทางโลกออนไลน์ผ่านทางเว็บไซด์ Pulony.blogspot.com โดยศาลได้สืบพยานฝ่ายโจทก์เสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 65 ที่ผ่านมา

ล่าสุดวานนี้ (20 ต.ค.65 ) ศาลแพ่งรัชดาได้นัดสืบพยานจำเลยเป็นครั้งแรก โดยสืบพยานจำเลยจำนวน  2 ปาก คือ นายทหารพระธรรมนูญ กองทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการสำนักสารสนเทศ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า และมีอังคณาเข้าร่วมรับฟังการสืบพยานในครั้งนี้ด้วย

ภายหลังจากสืบพยานฝ่ายจำเลยเสร็จสิ้นในครั้งแรกแล้วนั้น อังคณาได้ออกมาเปิดเผยความรู้สึกว่า การสืบพยานจำเลยวันนี้ เป็นการสืบพยานจำเลยฝ่ายกองทัพบก และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่ปฏิบัติการข่าวสาร ของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ซึ่งทั้งสองปฏิเสธว่า กองทัพบก ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ กอ.รมน. อย่างไรก็ตามการถามพยานจำเลยทั้งสองตามเอกสารที่จำเลยส่งศาล ซึ่งเป็นบันทึกของฝ่ายปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของ กอ.รมน. ได้ปรากฏชื่อของผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน รวมถึงสื่อมวลชนบางสำนัก ซึ่ง เจ้าหน้าที่ได้ให้การต่อศาลว่าได้ติดตามบุคคลที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเป็นการติดตามความเคลื่อนไหวแต่ไม่ได้จับตาใครเป็นพิเศษ โดยในเอกสารรวมถึงคำเบิกความได้เรียกบุคคลเหล่านี้ว่า “ผู้เห็นต่าง” “แนวร่วม” รวมถึง“ฝ่ายตรงข้ามรัฐ”

มีข้อสังเกตคือ ชื่อของบุคคลไม่กี่คนที่อยู่ในเอกสารของปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร ซึ่งมีชื่อของตัวเองรวมอยู่ด้วย ทั้งที่ในช่วงเวลานั้นปฏิบัติหน้าที่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ทำให้รู้สึกว่า ที่ผ่านมา กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า มองเราเป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐมาตลอด ซึ่งความคิดเช่นนี้ถือเป็นการกล่าวหาโดยมิชอบ และเป็นการด่วนสรุปว่าใครก็ตามที่คิดต่างจากรัฐ คน ๆ นั้น คือ “ฝ่ายตรงข้าม” ซึ่งการกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ และกติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง ที่ประเทศไทยเป็นภาคี ซึ่งได้ไห้ความคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพแสดงความคิดเห็น การแสดงออก รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์รัฐด้วยความสุจริตของประชาชน

“ เอกสารและคำเบิกความพยานจำเลย (กอ.รมน. 4 สน.) ในวันนี้ จึงแสดงถึงอคติ หวาดระแวง และทัศนคติเหมารวมผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน รวมถึงสื่อมวลชนที่ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐ โดยไม่สามารถปฏิเสธได้” อังคณา กล่าว

สัญญา เอียดจงดี ทนายความกล่าวว่า แม้แนวทางที่พยานฝ่ายจำเลยเบิกความในศาลจะระบุว่าโครงสร้างของ กอ.รมน. แยกส่วนจากกองทัพบก ในการใช้อำนาจของ กอ.รมน. แม้ว่าแม่ทัพภาคที่4 จะเป็นเจ้าหน้าที่ในสังกัดกองทัพบกก็ตาม และมีหมวกอีกใบหนึ่งเป็น ผอ.รมน. ภาค4 ส่วนหน้า ซึ่งใช้อำนาจคนละแท่งกับกองทัพบก กองทัพบกจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจของ กอ.รมน. กองทัพบกจึงไม่ต้องรับผิดในคดีนี้นั้น ในส่วนของรูปของคดีนี้เราไม่ได้กังวลมากเพราะเราคิดว่าน้ำหนักเรา สารตั้งต้นของเรา แล้วก็พยานหลักฐานทั้งหมด โดยเฉพาะพยานบุคคล สามารถยืนยันพิสูจน์ได้ถึงที่มาที่ไปของเว็บไซด์ Pulony.blogspot.com ว่ามันมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันกับสำนักประชาสัมพันธ์ของ กอ.รมน ภาค4 ส่วนหน้า มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหลายรายที่ถูกเอ่ยชื่อในคดีนี้และมีตัวตนอยู่จริง URL หรือเว็บไซต์ต่างๆ ลิ้งค์ต่างๆ ก็ปรากฏอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์จริง แล้วก็ลิ้งค์ไปถึงสำนักประชาสัมพันธ์ กอ.รมน ภาค4 ส่วนหน้า จริง ก็อยู่ที่ว่าศาลจะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาวินิจฉัยความเกี่ยวโยง เกี่ยวเนื่องเพื่อนำไปสู่การจัดสรรงบประมาณหรือเปล่าก็ต้องติดตามคดีกันต่อไป

ทั้งนี้ศาลแพ่ง (รัชดา) นัดสืบพยานจำเลยอีกครั้งในวันที่ 22 พ.ย.นี้  เวลา 09.00 น.  เป็นต้นไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net