Skip to main content
sharethis

ครป. และเครือข่ายภาคประชาชนค้าน กฎกระทรวงเรื่องการซื้อที่ดินของคนต่างด้าว ระบุรัฐบาลมีมติขายชาติ ขายแผ่นดิน ในการให้ต่างชาติมาลงทุนและครอบครองที่ดินได้ ชี้ยังมีสอดไส้อีกในประกาศ BOI ให้ต่างชาติถือครอง 35 ไร่ ในนิติบุคคลต่างชาติที่มี 50 ล้าน 

29 ต.ค. 2565 คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แจ้งข่าวว่าเวลา 13.30 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา นายเมธา มาสขาว เลขาธิการ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ร่วมกับนายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานพีมูฟ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ ในฐานะภาคประชาชน แถลงว่าเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2565 คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. ... ซึ่งร่างกฎกระทรวงนี้ จะมีระยะเวลาบังคับใช้ 5 ปี นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เกณฑ์ที่เปลี่ยนไปจากกฎกระทรวงเดิม คือ มีการเพิ่มประเภทของกลุ่มต่างชาติ 4 กลุ่ม และปรับปรุงประเภทการลงทุนของกองทุนต่างๆ ที่ไม่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน เช่น เพิ่มประเภทการลงทุนผ่านพันธบัตรรัฐบาลไทย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทรัสต์เพื่ออสังหาริมทรัพย์ และต้องถือครองการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และภาคประชาชน ขอคัดค้านมติคณะรัฐมนตรีและนโยบายของรัฐบาล ที่อนุญาตให้ต่างชาติครอบครองที่ดินในเมืองไทยได้หากมีการนำเงินมาลงทุนมากกว่า 40 ล้านบาท เท่ากับเป็นนโยบายขายชาติ ขายแผ่นดิน โดยแท้จริง แม้จะกำหนดระยะเวลาแค่ 5 ปี ก็เพียงพอที่จะทำให้เมืองไทยไร้แผ่นดิน เพราะนายทุนโลกที่มีศักยภาพทั้งสีเทา สีดำ สีขาว ต่างสามารถมาช้อนซื้อที่ดินได้เป็นจำนวนมาก ดังปรากฎว่ากลุ่มทุนจีนสีเทาเข้ามาหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในประเทศไทย

ที่ดินไทยมีแค่ 320 ล้านไร่ หักที่ดินป่าไม้ออกไป 25% ที่ดินในเมืองไทยก็เหลือให้คนไทยไม่เกินคนละ 4 ไร่เท่านั้น และวันนี้คนไทยจำนวนมากไม่มีที่ดินของตนเองเพราะนายทุนเข้าผูกขาด แล้วตอนนี้รัฐบาลยังต้องการให้ต่างชาติถือครองที่ดินเพื่อดึงดูดต่างชาติลงทุนให้ได้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลกร้ายสำหรับคนไทย ถ้าแลกกับให้ถือครองที่ดินคนละไม่เกิน 1 ไร่ เป้าหมายของรัฐบาล 5 ปีคือ 1 ล้านคน เท่ากับ 1 ล้านไร่ แล้วคนไทยจะไปอยู่ที่ไหน คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีที่ดิน ที่นาหลุดลอยไปเพราะระบบการจำนอง โดยธกส.และสหกรณ์การเกษตรปลอมๆ ทั้งหลาย ต้องเช่าที่ดินพ่อค้านายทุนทำการเกษตร แต่พล.อ.ประยุทธ์ มีนโยบายจะประเคนให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ได้ตลอดไป นักการเมืองในยุค พล.อ.ประยุทธ์ ไร้ยางอาย 

นโยบายขายชาติ ชายแผ่นดิน ที่แท้จริงยังมีสอดไส้มากไปกว่านั้น คือประกาศ BOI ที่ 6/2565 วันที่ 8 สิงหาคม 2565 ลงนามโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ใช้อำนาจตามมาตรา 27 พรบ.ส่งเสริมการลงทุน ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 2560 อนุญาตนิติบุคคลต่างด้าวที่มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท สามารถถือกรรมสิทธิ์ถาวรที่พักอาศัยและสำนักงานได้ถึง 35 ไร่ โดยเป็นที่ดินสำหรับที่พักอาศัยผู้บริหารหรือช่างฝีมือ 10 ไร่ สำหรับพนักงาน 20 ไร่ และที่ดินสำนักงาน 5 ไร่ โดยที่ตั้งของสำนักงานและที่อยู่อาศัยไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน ซึ่งหมายความว่าอยู่ได้ทั่วประเทศ 

บทบาทคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นหน่วยงานราชการที่มีอายุครบรอบ 56 ปี ในการทำงานส่งเสริมการลงทุนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2509 ในขณะประเทศกำลังพัฒนาอุตสาหกรรม โดยมีภารกิจหลักคือการส่งเสริมการลงทุนผ่านการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี และสิทธิประโยชน์อื่นๆ แก่เอกชนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยตั้งแต่ปี 2557 ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ 2/2557 มีการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี ลดหย่อนภาษีเงินได้ 50% อีก 5 ปี รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ไม่เกี่ยวกับภาษี การอนุญาตต่างชาติถือหุ้น 100%  

แต่ปัจจุบันประเทศเกิดความเหลื่อมล้ำมหาศาล สมควรยกเลิกการส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างเศรษฐกิจผูกขาด ยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี และสิทธิประโยชน์อื่นๆ แก่เอกชนกลุ่มทุนพวกพ้อง แต่ควรเก็บภาษีทรัพย์สินอัตราก้าวหน้าเพื่อให้คืนส่วนเกินแก่สังคมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและกระจายรายได้ให้มากขึ้น

การให้อนุญาตให้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บริษัทต่างชาติ ตามมาตรา 27 ของกฎหมาย BOI คือภัยคุกคามความมั่นคงของชาติและประชาชน ซึ่งสมควรปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัยนี้โดยด่วน เนื่องจากปัจจุบันนี้กลุ่มทุนต่างชาติได้เข้ามายึดครองกรรมสิทธิ์ที่ดินมากมายในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออกและทั่วภูมิภาค จากดุลยพินิจของฝ่ายบริหารโดยไม่มีมาตรการรองรับ รวมถึงอาจมีการใช้อำนาจส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบท่ามกลางผลประโยชน์ของนักการเมืองและเครือญาติที่อาจมีบุคคลที่เกี่ยวข้องแอบอ้างเป็นนายหน้าค้าขายที่ดินเก็งกำไรในระบบดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันไม่ทราบว่ามีต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินเท่าไหร่แล้ว

ครป.และเครือข่ายภาคประชาชน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและ BOI เปิดเผยข้อมูลการส่งเสริมการลงทุนแก่กลุ่มทุนต่างๆ ทั้งหมดอย่างโปร่งใสและรายงานต่อสาธารณะในระบบอิเลคทรอนิกส์ โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีในโครงการต่างๆ และการอนุญาตให้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บริษัทต่างชาติทั้งหมด ตั้งแต่การประกาศใช้กฎหมายส่งเสริมการลงทุนจนถึงปัจจุบัน ได้อนุมัติให้บริษัทถือครองที่ดินไปแล้วจำนวนมากน้อยเพียงใด คิดเป็นร้อยละเท่าไหร่ของที่ดินประเทศไทย เป็นจำนวนกี่ไร่ กี่โครงการและแก่บริษัทใดบ้าง  

รวมถึง ขอเรียกร้องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ต้องเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง นโยบายสิ้นคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จนปัญหาจนต้องขายชาติ ขายแผ่นดิน อย่างแท้จริง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net