Skip to main content
sharethis

'ไพบูลย์ นิติตะวัน' รองหัวหน้าพรรคในฐานะฝ่ายกฎหมาย พปชร. แจงรับเงินบริจาค 3 ล้านบาทถูกต้องตามกฎหมาย ส่งรายงานแจ้ง กกต.แล้ว มั่นใจไม่โดนยุบพรรค วอนหยุดให้ข่าวบิดเบือนสร้างความเสียหาย -  'ชลน่าน' ไม่เห็นด้วยชงยุบ 'พปชร.' ชี้เงื่อนไขเดียวที่ยุบพรรคการเมืองได้คือ ‘ล้มล้างการปกครอง’ เท่านั้น - 'ชัยณัฐร์' ผู้บริจาคเงินให้ พปชร. ยันไม่เกี่ยวข้องผับดังยานนาวา จ่อฟ้องสื่อ 3 ราย

29 ต.ค. 2565 มติชนออนไลน์ รายงานว่านายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคในฐานะฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ นายทุนจีนที่ได้รับสัญชาติไทย มีชื่อบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จำนวน 3 ล้านบาท เมื่อปี 2564 ว่าเบื้องต้นพรรคพปชร.ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยดำเนินการตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองทุกประการ ไม่มีการฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งขั้นตอนการรับบริจาค กฎหมายพรรคการเมืองเขียนไว้อย่างเคร่งครัด เมื่อได้รับบริจาคมาแล้ว ต้องจัดทำรายงานพร้อมจัดส่งเอกสารหลักฐานต่างๆรวมทั้งสำเนาบัตรประชาชนของผู้บริจาค และรายงานให้กกต.รับทราบ ซึ่งกรณีนี้ได้รับบริจาคมาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564

ทั้งนี้ พรรค พปชร. ให้ความระวังเรื่องการกระทำต่างๆโดยต้องคำนึงให้เป็นไปตามกฎหมายอยู่ กรณีที่เกิดขึ้นขอยืนยันกับสังคมว่าพปชร. ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ แต่มีความเป็นห่วงการให้สัมภาษณ์หรือการแสดงความเห็นของบางคนว่าอย่าไปให้สัมภาษณ์ใส่ความหรือวิพากษ์วิจารณ์จนทำให้พรรคพปชร.เกิดความเสียหายหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะข้อเท็จจริงในกรณีนี้พรรค พปชร.ไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชลน่าน' ไม่เห็นด้วยชงยุบ 'พปชร.' ชี้เงื่อนไขเดียวที่ยุบพรรคการเมืองได้คือ ‘ล้มล้างการปกครอง’ เท่านั้น 

มติชนออนไลน์ ยังรายงานว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ หาวเจ๋อ ตู้ ชายเชื้อชาติจีน ที่เพิ่งได้รับสัญชาติไทย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับผับฉาวย่านยานนาวา มีชื่อบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จำนวน 3 ล้านบาท เมื่อปี 2564 พรรค พท. ได้ตรวจสอบกรณีนี้หรือยัง ว่า พรรค พท. ยังไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น โดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค พท. ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อถามว่า พรรค พท. มีข้อบังคับหรือมาตรการเข้มงวดในการรับเงินบริจาคเพื่อไม่ให้เกิดเหตุเหมือนกับพรรค พปชร. หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลักของการรับเงินบริจาคเขียนไว้ในพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งก็ต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายนั้น แต่ข้อกฎหมายมีหลายมาตราที่สามารถนำมาอ้างอิงเรื่องเงินบริจาคได้ หรือเงินบริจาคก็สามารถนำไปอ้างอิงข้อกฎหมายในเรื่องที่ไม่ใช่เงินบริจาคได้ด้วยอีกต่างหาก

เมื่อถามว่า หมายความว่ามีทางที่จะหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายในการบริจาคเงินให้พรรคการเมืองใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายมีหรือไม่ต้องไปดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะเราต้องยอมรับว่าการใช้บังคับกฎหมายของประเทศเราอ่อนด้อยมาก ยกตัวอย่างกรณีการรับบริจาคเงิน ต้องดูว่าผู้บริจาคเป็นใคร เงินที่มาชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และเป็นไปตามจำนวนที่กำหนดหรือไม่ ถ้าบริจาคเกิน 10 ล้านบาท แทนที่จะตีเป็นเงินบริจาคก็จะตีเป็นประเด็นอื่น ดังนั้นการบังคับใช้กฎหมายจึงมีช่องทางมาก ที่สำคัญผู้บริหารของพรรคนั้นต้องรู้ และแสวงหาข้อมูลให้ได้ว่า ผู้บริจาคและเงินบริจาคมีที่มาที่ไปอย่างไร

เมื่อถามว่า จากข้อมูลที่ปรากฏคิดว่าพรรค พปชร. จะถูกยุบจากกรณีเงินบริจาคนี้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้นายชูศักดิ์ ได้เปิดเผยข้อมูลแล้วว่ากฎหมายปัจจุบันมีช่องให้ร้อง ซึ่งพรรค พท. ไม่เห็นชอบด้วยกับช่องทางที่จะร้องยุบพรรคตามกฎหมายปัจจุบันที่มีถึง 13 ช่องทาง แบ่งเป็นตามรัฐธรรมนูญ 3 ช่องทาง และกฎหมายลูก 10 ช่องทาง พรรค พท. ประกาศชัดว่าเราไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคโดยไม่มีเหตุผล ทั้งนี้เราเคยเสนอแก้กฎหมายและแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าการจะให้ยุบพรรค ขอให้มีเหตุเดียวคือการล้มล้างการปกครองเท่านั้น

ชัยณัฐร์' ผู้บริจาคเงินให้ พปชร. ยันไม่เกี่ยวข้องผับดังยานนาวา จ่อฟ้องสื่อ 3 ราย

เว็บไซต์ไทยโพสต์ รายงานว่านายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ผู้บริจาคเงินให้แก่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จำนวน 3 ล้านบาท เมื่อปี 2564 และมีกระแสข่าวว่ามีความเชื่อมโยงกับผับชาวจีนย่านยานนาวา กล่าวถึงกรณีที่สื่อบางฉบับนำเสนอข่าวสารผ่านสื่อสาธารณะและระบบคอมพิวเตอร์กล่าวหาว่าตนเองเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินกิจการที่อาคารจินหลิง ซึ่งเจ้าพนักงานได้เข้าตรวจค้นพบยาเสพติดและกล่าวหาว่าตนเองเป็นมาเฟีย เป็นผู้มีอิทธิพลในลักษณะเพื่อให้เกิดความเสียหาย ว่า ขอยืนยันว่าการรายงานข่าวเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง ตนเป็นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวโดยสุจริตมานานแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับการกระทำตามรายงานข่าวแน่นอน

"สถานที่ประกอบการดังกล่าว เป็นของสมาคมไหหนำ และให้เช่าแก่ผู้อื่น ซึ่งทราบว่าผู้เช่าได้นำสถานที่ดังกล่าวให้เช่าช่วงแก่ผู้อื่นไปตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 และผู้เช่าช่วงซึ่งเป็นผู้ประกอบการในสถานที่ดังกล่าว ได้ต่อสัญญาครั้งที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1ตุลาคม 2565 เป็นเวลา 3 ปี โดยที่ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และทราบว่าผู้เช่าช่วงก็มีตัวตนเป็นหลักแหล่ง"นายชัยณัฐร์ ระบุ

นายชัยณัฐร์ กล่าวอีกว่า การนำเสนอข่าวดังกล่าวจึงเป็นการหมิ่นประมาทโดยทางสาธารณะและระบบคอมพิวเตอร์ เป็นความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาทหลายกรรมความผิด และต้องรับผิดทางแพ่งด้วย ดังนั้นตนจึงจำเป็นต้องปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง โดยจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง และขอบารมีศาลคุ้มครองความเสียหายของตนต่อไป ซึ่งคาดว่าจะดำเนินคดีได้ภายในสัปดาห์หน้านี้ และตนขอให้สื่อมวลชนทั้ง 3 รายดังกล่าว ยุติการกระทำผิดซ้ำตั้งแต่บัดนี้ เพื่อมิให้เพิ่มกรรมและการกระทำความผิดมากไปอีก

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net