Skip to main content
sharethis

งานครบรอบวันคล้ายวันเกิด 37 ปีของ 'สยาม ธีรวุฒิ' หรือ "สหายข้าวเหนียวมะม่วง" ผู้ลี้ภัยการเมืองที่สูญหาย กว่า 3 ปี ที่ยังไม่สามารถรับทราบข้อเท็จจริง หลังครอบครัวทราบข่าวเมื่อวันที่ 8 พ.ค.62 ว่ามีตำรวจเวียดนามได้จับกุมและส่งตัว สยาม และเพื่อนร่วมชะตากรรมอีก 2 คน ซึ่งถูกควบคุมตัวจากเวียดนามและส่งกลับมาไทย แต่หลังจากนั้นก็ไม่พบตัวทั้ง 3 คนอีกเลย

31 ต.ค.2565 เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'Cross Cultural Foundation (CrCF)' ของมูลนิธิผสานวัฒนธรรม รายงานว่า กิจกรรมงานครบรอบวันคล้ายวันเกิดของสยาม ธีรวุฒิ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทย ซึ่งสูญหายไปเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 ซึ่งจะมีอายุ 37 ปี ในวันที่ 31 ต.ค. 2565 โดยในกิจกรรมช่วงเช้าครอบครัวของสยาม จัดงานทำบุญเลี้ยงพระ และในช่วงบ่ายมีการกล่าวเปิดงานโดยครอบครัวสยาม ธีรวุฒิ ครอบครัวชัชชาญ บุปผาวัลย์ และครอบครัวของสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ปิดท้ายด้วยการเป่าเทียนตัดเค้กวันเกิด การอ่านบทกวี โดย กลุ่มคนไทยเดิ้ง การบรรยายเรื่องผู้สูญหาย 9 รายซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองไทย โดย กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ไปจนถึงกิจกรรมเสวนา "บังคับสูญหายกับยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน" และสำหรับการเสวนาในหัวข้อ "บังคับสูญหายกับยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน" ผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ ศิริโรจน์ ธนิกกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร เขต 3 พรรคก้าวไกล, ศรีไพร นนทรีย์ กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง, และ สมชาย หอมลออ ที่ปรึกษากฎหมาย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม

ระหว่างการเสวนา ผู้ดำเนินรายการ และวิทยากร ได้เล่าถึงประสบการณ์และความรู้ความเชี่ยวชาญที่แต่ละคนมีทั้งต่อสยาม ธีรวุฒิเอง ประเด็นการบังคับให้บุคคลสูญหาย กลไกด้านกฎหมายทั้งในและระหว่างประเทศ หลักความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน ไปจนถึงเรื่องของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบการทรมานและการบังคับให้บุคคลสูญหาย ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2565 และจะมีผลบังคับใช้ 120 วันนับจากวันที่ประกาศ บัดนี้ เป็นเวลามากกว่า 3 ปีแล้ว ที่ครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก และสังคมไม่สามารถรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีการสูญหายของสยาม ธีรวุฒิ ขณะที่เวลาเดินผ่านไป ความพยายามจดจำเรื่องราวของผู้สูญหายทั้งหลายดูเหมือนจะเผชิญกับความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับการนำความยุติธรรมกลับมาสู่ครอบครัวของผู้สูญหายจะเกิดขึ้นได้นั้น ดังที่ผู้ร่วมเสวนาได้กล่าวสรุปไว้ แค่กฎหมายผ่านและมีผลบังคับใช้อาจไม่เพียงพอ แต่ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความตระหนักรู้ให้กับคนในสังคม การสร้างมวลชนที่เข้มแข็ง ไปจนถึงการมีเจตจำนงทางการเมืองที่สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมีความจริงใจในการตามหาความจริงและการนำความจริงให้ปรากฎ การเยียวยาผู้เสียหายทางตรงและทางอ้อม การนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการลงโทษ และการสร้างความเปลี่ยนแปลงในระบบหรือการปฏิรูปโครงสร้าง ซึ่งเป็นแนวทางหลักที่หลักความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านเน้นย้ำ

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุด้วยว่าติดตามและให้ความช่วยเหลือในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมต่อกรณีการทรมานและการบังคับให้บุคคลสูญหาย ขอยืนหยัดเคียงข้างครอบครัวผู้สูญหายทุกคน และขอเชิญชวนประชาชน สื่อมวลชน และผู้ที่สนใจ ติดตามกรณีการบังคับให้สูญหาย ไปจนถึงการบังคับใช้ พ.ร.บ.ทรมานอุ้มหาย เพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนของประชาชนทุกคน และยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดได้อย่างเป็นจริงและเป็นธรรม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net