Skip to main content
sharethis

ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ออกแถลงการณ์ 'ประณามนโยบายมุ่งค้าที่ดินสนองผู้มั่งคั่ง ซ้ำเติมวิกฤตที่ดินไทย ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำทางสังคม' ร้องรัฐบาลหยุดนโยบายที่มุ่งเปลี่ยนที่ดินเป็นสินค้าที่ไม่ได้ตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในวิกฤตความเหลื่อมล้ำ การกระจุกตัว ความไม่เป็นธรรมในสิทธิที่ดินของสังคมไทย

 

2 พ.ย.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส. หรือ P-Move) ออกแถลงการณ์ในหัวข้อ เรื่อง ประณามนโยบายมุ่งค้าที่ดินสนองผู้มั่งคั่ง ซ้ำเติมวิกฤตที่ดินไทย ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำทางสังคม

แถลงการณ์ของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ประณามรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยระบุว่าทำให้ “ที่ดินคือชีวิต” ยิ่งกลับกลายเป็น “สินค้า” ในระบบทุนนิยม ใช้หลักมือใครยาวสาวได้สาวเอาเอื้อต่างชาติ มองเพียงเม็ดเงินทางเศรษฐกิจโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของผู้คนที่จะต้องได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง การเดินหน้าตอกย้ำซ้ำเติมปัญหาที่ดินและความเหลื่อมล้ำให้ยิ่งหยั่งรากลึกในสังคมไทยของรัฐบาลในครั้งนี้คือระเบิดเวลาสู่ความพังพินาศและหายนะในอนาคตที่มีชีวิตของประชาชนเป็นเดิมพัน

ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ยังเรียกร้องให้รัฐบาลต้องหยุดนโยบายที่มุ่งเปลี่ยนที่ดินเป็นสินค้าที่ไม่ได้ตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในวิกฤตความเหลื่อมล้ำ การกระจุกตัว ความไม่เป็นธรรมในสิทธิที่ดิน ของสังคมไทย โดยเฉพาะการเอื้อประโยชน์การซื้อขายที่ดินให้กลุ่มทุนผู้มั่งคั่งโดยทันที รวมถึงยกเลิกกฎหมายและนโยบายที่เดินหน้าในสมัยรัฐบาลเผด็จการ คสช. ที่ละเมิดสิทธิในที่ดินทำกินที่อยู่อาศัยของชุมชน แล้วเร่งเดินหน้านโยบายการเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า ต้องเดินหน้ากลไกธนาคารที่ดินที่สามารถกระจายการถือครองที่ดินได้อย่างเป็นธรรม ตลอดจนต้องหยุดการผูกขาดอำนาจการจัดการที่ดินและทรัพยากร แล้วคืนสิทธิชุมชนและอำนาจให้ท้องถิ่นสามารถจัดการที่ดินและทรัพยากรได้ด้วยตนเอง 

โดยมีรายละเอียดแถลงการณ์ดังนี้ : 

แถลงการณ์ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.)

เรื่อง ประณามนโยบายมุ่งค้าที่ดินสนองผู้มั่งคั่ง ซ้ำเติมวิกฤตที่ดินไทย ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำทางสังคม

ตลอดระยะเวลา 8 ปีในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สร้างความเหลื่อมล้ำ การผูกขาดอำนาจการจัดการที่ดินอยู่ทรัพยากรอยู่ที่รัฐราชการ และการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนนั้นทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยิ่งสะท้อนชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อรัฐบาลยังคงเดินหน้านโยบาย ขายผืนดินถิ่นอาศัยที่ควรจะเป็นสิ่งส่วนรวมของคนในสังคมให้กลายเป็นสินค้าในตลาดทุนนิยม มุ่งตอบสนองตัวเลขทางเศรษฐกิจของคนบางกลุ่มทั้งในประเทศและกลุ่มเศรษฐีหรือทุนต่างประเทศ ในขณะที่ประชาชนจำนวนมหาศาลยังต้องเผชิญกับปัญหาการเข้าไม่ถึงการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ไร้สิทธิในที่ดิน ต้องต่อสู้เรียกร้องกับอำนาจรัฐที่ผูกขาดที่ดินและคนรุ่นต่อไปที่แทบจะไม่มีโอกาสในการเข้าถึงสิทธิในที่ดินเพื่อคุณภาพชีวิตพื้นฐานอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้อำนาจเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีวาระการพิจารณาที่นำเสนอโดยกระทรวงมหาดไทย เสนอร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยรัฐบาลให้สิทธิชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสามารถซื้อและถือครองที่ดินในประเทศไทยได้ไม่เกิน 1 ไร่ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีการลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท อย่างน้อย 3 ปี โดยคาดการณ์กันว่าจากมาตรการดังกล่าว ภายใน 5 ปี (2565- 2569) จะมีชาวต่างชาติ มาพำนักในไทยมากกว่า 1 ล้านคน และจะช่วยเพิ่มเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่า 1 ล้านล้านบาท

ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) เห็นว่า การดำเนินการเช่นนี้ของรัฐบาล จะยิ่งซ้ำเติมปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชน โดยเฉพาะคนจนและกลุ่มเกษตรรายย่อย ปัญหาการกระจุกตัวของที่ดินและปัญหาความเหลื่อมล้ำของไทยนั้นอยู่ในระดับที่รุนแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการที่มีกลุ่มทุนและบริษัทยักษ์ใหญ่สามารถถือครองที่ดินได้สูงสุดถึง 630,000 ไร่ ในขณะที่ประชาชนอีกประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 50 ล้านคน ไม่อาจเข้าถึงที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมายได้เลยแม้เพียงตารางนิ้วเดียว รวมถึงสถานการณ์ดังกล่าวยิ่งทวีรุนแรงขึ้นอีกหลังพิษโควิด-19 ที่ปรากฏตัวเลขของคนไร้บ้านที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมหาศาล

เมื่อประชาชนไม่สามารถเข้าถึงที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ จึงจำต้องอยู่อาศัยและทำกินอยู่ในผืนดินผืนป่าที่รัฐประกาศทับ ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ปรากฏภาพโศกนาฏกรรมการแย่งยึดที่ดินโดยป่าเถื่อนของหน่วยงานภายใต้นโยบายรวมศูนย์อำนาจการจัดการที่ดินและทรัพยากรของรัฐอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลไหน ประชาชนต่างถูกพรากสิทธิ ติดคุก ถูกกล่าวหาและจัดการประหนึ่งอาชญากร หลายชุมชนต้องถูกบังคับคดีไล่รื้อ ด้วยข้ออ้างว่ารัฐบาลต้องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รัฐบาลนี้ยังไม่หยุดอ้างวาทกรรมการพัฒนา ประเคนที่ดินให้นายทุนทั้งไทยและต่างชาติให้สามารถถลุงทำลายทรัพยากรอย่างตะกละตะกราม กอบโกยผลประโยชน์อย่างมูมมามไม่เคยรู้จักพอ

อีกทั้งเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2565 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังได้ชงวาระประเคนผืนป่าให้นายทุนเข้าทำประโยชน์ผ่าน ครม. เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้เพื่อปลูกป่าและทำสวนป่าตามกฎหมาย อ้างเรื่องการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน เปิดโอกาสให้นายทุนผู้ทำลายล้างโลกได้ “ฟอกเขียว” ตัวเองตามอำเภอใจ ในขณะที่ประชาชนที่อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่ากลับถูกข้อจำกัดทางกฎหมายมากมายเล่นงาน จนไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามวิถีคนอยู่กับป่า และถูกตราหน้าให้เป็นแพะรับบาปในปัญหาการตัดไม้ทำลายป่ามาโดยตลอด

ขปส. เห็นว่า ท่ามกลางความเหลื่อมล้ำต่ำสูงในทางนโยบายของรัฐบาลประยุทธ์นั้น รัฐบาลกลับทำหูทวนลมต่อเสียงเรียกร้องและการผลักดันทางนโยบายของภาคประชาชนเพื่อให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม โดยเฉพาะกลไกว่าด้วยการเก็บภาษีที่ดิน ที่ภาคประชาชนพยายามผลักดันให้เกิดการเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้าเพื่อให้นายทุนผู้ถือครองที่ดินมากต้องกระจายที่ดินออกมาให้หน่วยงานด้านการกระจายการถือครองที่ดินจัดการ แต่กลับเป็นกลไกภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่อาจแก้ปัญหาได้ เปิดช่องทางให้นายทุนยังคงสามารถกว้านซื้อที่ดินและเลี่ยงการจ่ายภาษีได้ต่อไป รวมถึงการปฏิบัติงานของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ. กลับไม่ดำเนินการตามเจตนารมณ์ของภาคประชาชน ยังคงใช้แนวคิดแบบสถาบันการเงินทั่วไปที่ค้ากำไรกับชาวบ้าน ขูดรีดดอกเบี้ยมหาศาลจากเกษตรกร ไม่เคยจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อเร่งดำเนินการกระจายการถือครองที่ดินและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะนำไปสู่การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมได้ 

ฉะนั้น ขปส. จึงขอประณามรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ครม. ที่ทำให้ “ที่ดินคือชีวิต” ยิ่งกลับกลายเป็น “สินค้า” ในระบบทุนนิยม ใช้หลักมือใครยาวสาวได้สาวเอาเอื้อต่างชาติ มองเพียงเม็ดเงินทางเศรษฐกิจโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของผู้คนที่จะต้องได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง การเดินหน้าตอกย้ำซ้ำเติมปัญหาที่ดินและความเหลื่อมล้ำให้ยิ่งหยั่งรากลึกในสังคมไทยของรัฐบาลในครั้งนี้คือระเบิดเวลาสู่ความพังพินาศและหายนะในอนาคตที่มีชีวิตของประชาชนเป็นเดิมพัน

ขปส. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลต้องหยุดนโยบายที่มุ่งเปลี่ยนที่ดินเป็นสินค้าที่ไม่ได้ตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในวิกฤตความเหลื่อมล้ำ การกระจุกตัว ความไม่เป็นธรรมในสิทธิที่ดิน ของสังคมไทย โดยเฉพาะการเอื้อประโยชน์การซื้อขายที่ดินให้กลุ่มทุนผู้มั่งคั่งโดยทันที รวมถึงยกเลิกกฎหมายและนโยบายที่เดินหน้าในสมัยรัฐบาลเผด็จการ คสช. ที่ละเมิดสิทธิในที่ดินทำกินที่อยู่อาศัยของชุมชน แล้วเร่งเดินหน้านโยบายการเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า ต้องเดินหน้ากลไกธนาคารที่ดินที่สามารถกระจายการถือครองที่ดินได้อย่างเป็นธรรม ตลอดจนต้องหยุดการผูกขาดอำนาจการจัดการที่ดินและทรัพยากร แล้วคืนสิทธิชุมชนและอำนาจให้ท้องถิ่นสามารถจัดการที่ดินและทรัพยากรได้ด้วยตนเอง 

2 พฤศจิกายน 2565

ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net