กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร เสนอชะลอเอกชนใช้แบรนด์ "ไทย-เดนมาร์ค" ผลิตนม ชี้อาจเข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุน ยังมีข้อสงสัยเรื่องเงินลงทุนและการแข่งขัน เตรียมส่งให้อัยการสูงสุด กฤษฎีกา และ สคร.พิจารณา
เว็บไซต์สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2565 ว่านายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การส่งเสริมโคนมแห่งประเทศไทย (สร.อ.ค.ส.) กรณีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมจะให้องค์การส่งเสริมโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค) นำเครื่องหมายการค้า ไทย-เดนมาร์ค ภายใต้โลโก้สัญลักษณ์รูปวัวแดง ให้บริษัทเอกชนต่างชาติในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับทารก โดยเชิญ ประธาน สร.อ.ค.ส.ร. ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ร่วมให้ข้อมูล
ภายหลังการพิจารณา กมธ.เห็นว่าควรจะชะลอเรื่องดังกล่าวไว้ก่อน เพื่อให้หน่วยงานต่างๆได้พิจารณาว่าเข้าเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือไม่ อีกทั้งการเปิดประมูลให้กับเอกชนรายเดียว โดยไม่มีการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป จะขัดต่อพระราชบัญญัติในการทำสัญญากับรัฐ หรือ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (พ.ร.บ.ฮั้วประมูล) หรือไม่ ซึ่ง กมธ.ได้ขอให้ อ.ส.ค. กลับไปพิจารณา และจะดำเนินการสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนจากอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ต่อไป โดยย้ำว่าเครื่องหมายการค้า "ไทย-เดนมาร์ค" ภายใต้โลโก้สัญลักษณ์รูปวัวแดง เป็นของรัฐบาลและเกษตรกรไทย ดังนั้น กมธ.จะติดตามและตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มข้น
Thai PBS รายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ กมธ. ยังเห็นว่าการอนุญาตให้บริษัทเอกชนมาดำเนินการผลิตนมสูตร 2 (นมผง) สำหรับทารกจนถึงเด็ก 6 ขวบ อาจเกิดปัญหาในอนาคต กรณีรัฐบาลจะจัดหานมโรงเรียน ก็จะต้องซื้อกับบริษัทเอกชน ประกอบกับการพิจารณาให้บริษัทเอกชน เข้ามาดำเนินการในนามไทย-เดนมาร์คก็ไม่อยู่ในแผน