Skip to main content
sharethis

15 พ.ย.2565 ที่ลานคนเมือง กรุงเทพมหานคร กลุ่ม “ราษฎรหยุด APEC2022” ตั้งเวทีคู่ขนานกับการประชุมเอเปค 2022 ที่ผู้นำประเทศต่างๆ ในอาเซียนมาประชุมอยู่ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยกำหนดการเบื้องต้นจะมีกิจกรรมไปจนเวลาประมาณ 20.10 น.

ก่อนเริ่มเวทีเสวนา พชร คำชำนาญ พิธีกรบนเวทีกล่าวถึงความสำคัญของกิจกรรมครั้งนี้ว่าเป็นการประชุมที่จะผ่านโนบายต่างๆ ออกมาใช้กับประชาชนโดยที่คนในประเทศไม่ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบนโยบายและในช่วงที่ผ่านมาประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลนับตั้งแต่รัฐบาลทหาร คสช.เช่น การทวงคืนผืนป่า นโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งกำลังจะถูกเอามาแปลงเป็นนโยบายโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy Model หรือ BCG) แต่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบเหล่านี้กลับถูกข่มขู่คุกคามจากการพยายามเข้ามาส่งเสียงถึงบรรดาผู้นำประเทศที่กรุงเทพ

ราษฎรหยุดAPEC2022 เรียกร้อง "ยกเลิกนโยบาย BCG ประยุทธ์ยุติการเป็นประธานเอเปค และยุบสภา | 16 พ.ย.65

สหภาพคนทำงาน ค้านเอเปค | 16 พ.ย.65

แม่ช้อย

แม่ช้อย อายุ 18 ปี นักเรียนมัธยมปีที่ 6 ผู้ปราศรัยคนแรกจากกลุ่มทะลุฟ้ากล่าวถึงประเด็น BCG ว่ากรรมการที่เข้ามานั่งประชุมกันอยู่ก็คือกลุ่มทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปูนซีเมนต์ ที่ทำโรงงานปูนโดยระเบิดภูเขาเอาทรัพยากรมาใช้แต่กลับไม่มีความโปร่งใส่ในการดำเนินงาน ไทยเบฟฯ และซีพีที่ทำธุรกิจผูกขาดตลาด แล้วการประชุมแบบนี้ยังควรจะเกิดขึ้นอยู่หรือไม่

นอกจากนั้น BCG ที่ถูกเอามาใช้เป็นนโยบายผลักดันการเกษตรไม่ว่าจะใช้เมล็ดพันธุ์ที่ถูกตัดแต่งพันธุกรรม(GMO) มาใช้สร้างการผูกขาดเมล็ดพันธุ์ไม่ให้เกษตรกรสามารถมีอิสระในการใช้เมล็ดพันธุ์ไปปลูกกันเองได้ หรือการส่งเสริมนายทุนต่างชาติเข้ามาปลูกป่าต้นยูคาลิปตัสเพื่อเอามาใช้เป็นคารืบอนเครดิตให้นายทุนกันเองมาซื้อเพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอนของอุตสาหกรรมตัวเอง

แม่ช้อยกล่าวทิ้งท้ายว่าสิ่งเหล่านี้คือความอัปยศที่เกิดขึ้นในการประชุมนี้ ข้อเรียกร้องของพวกเธอคือต้องหยุดการประชุมเอเปคครั้งนี้และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และต้องมีการเลือกตั้งใหม่

สมบูรณ์ คำแหง ประธาน กป.อพช. กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีเรื่องที่ซ่อนเร้นอยู่มากมาย อย่างเช่นเรื่องความพยายามของพล.อ.ประยุทธ์ที่ต้องยืนยันว่ายังไม่ครบวาระ 8 ปี เพราะต้องการมาเป็นประธานเอเปคเพื่อใช้เวทีเอเปคในการฟอกตัวทั้งที่ไม่สง่างามพอมาเป็นผู้นำเอเปค 

สมบูรณ์ยกตัวอย่างเรื่องที่เป็นประเด็นปัญหาในการประชุมครั้งนี้คือเรื่องนโยบายป่าไม้ที่ดินที่จะกระทบกับประชาชนคือเรื่องคาร์บอนเครดิตที่เป็นการยอมให้กลุ่มทุนนานาชาติยังสามารถปล่อยมลพิษได้ต่อไปโดยใช้เงินจ่ายให้กับประเทศที่ปลูกป่าได้เยอะซึ่งก็คือประเทศไทย แล้วรัฐบาลไทยก็กำลังดำเนินนโยบายเพิ่มพื้นที่ป่าอีกว่าสิบล้านไร่ ซึ่งเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าหลังจากการมีการประชุมเอเปคป่าไม้ที่เชียงใหม่ก่อนหน้านี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติก็ออกประกาศแบ่งพื้นที่ป่าชายเลน 44,000 กว่าไร่ให้กับกลุ่มทุนใหญ่ของไทย 17 บริษัท เช่น ปตท. เชลล์ ซีพี เป็นต้น

"ถ้าดูในหลักการของคาร์บอนเครดิต ป่าชายเลนจะมีเปอร์เซนต์ในการดูดซับคาร์บอนมากกว่าป่าบนบกถึง 10% เพราะฉะนั้นมูลค่าของคาร์บอนเครดิตที่จะได้รับจะมากกว่าป่าปกติ" สมบูรณ์แจกแจงเหตุผลที่กลุ่มทุนต่างๆ ก็อยากได้พื้นที่ป่าชายเลนเหล่านี้ เพราะในขณะที่พื้นที่ป่าชายเลนของประเทศไทยมีอยู่ 2.8 ล้านไร่ แต่ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาไทยสามารถปลูกป่าชายเลนให้กลับมาสมบูรณ์ได้เพียง 1.5 ล้านไร่ ทำให้ยังเหลือพื้นที่อีก 1.3 ล้านไร่ที่รัฐไทยยังถือว่าเป็นป่าเสื่อมโทรม กระทรวงทรัพยากรฯ และรัฐบาลชุดนนี้กำลังจะยกพื้นที่ป่าทั้งหมด 1.3 ล้านไร่นี้ให้กับกลุ่มทุนเหล่านี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนึ่งในข้อตกลงที่จะมีการเซนรับรองในวันสุดท้ายของการประชุมเอเปคครั้งนี้คือวันที่ 18 พ.ย.

ประธาน กป.อพช.ระบุว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนจะต้องรับรู้และเข้าใจ นอกจากนั้นพื้นที่ 1.3 ล้านไร่ที่รัฐไทยกำลังจะยกให้กลุ่มทุนนั้นก็ไม่ได้เป็นพื้นที่ว่างเปล่าแต่พื้นที่กว่าครึ่งก็เป็นชุมชนของชาวบ้านแล้วเพียงแต่ยังไม่ได้รับรองกระทรวงฯ ทำให้สถานะความเป็นอยู่ของชาวบ้านไม่มั่นคงและอาจกลายเป็นผู้บุกรุกป่าชายเลนแทน และเมื่อเกิดการจัดสรรที่ดินเหล่านี้ไปให้กลุ่มทุนแล้วกลุ่มทุนก็จะเข้าไปไล่ที่แทนรัฐ เป็นผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนและง่ายมาก 

ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล แกนนำประกาศบนเวทีให้กับมวลชนที่มาร่วมชุมนุมว่าให้ทุกคนเตรียมพร้อมในวันที่ 18 พ.ย. กลุ่มราษฎรหยุด APEC2022 จะตั้งขบวนที่ลานคนเมืองแล้วเดินไปที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์พร้อมกับข้เรียกร้องและความอยากปกป้องทรัพยากรและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้ผู้นำต่างชาติและรัฐบาลได้เห็นว่าภาคประชาชนเข้มแข็งแค่ไหน และขอเชิญชวนมาเรียนรู้ปัญหาของประชาชนในพื้นที่ที่กำลังจะได้รับผลกระทบจากผลของนโยบายที่จะออกมาจากการประชุมเอเปคครั้งนี้ที่ประชาชนเหล่านี้จะได้มานำเสนอในวันพรุ่งนี้ (17 พ.ย.) 

สำหรับการชุมนุมที่ลานคนเมืองนี้จะเป็นการชุมนุมค้างคืนไปจนถึงวันที่ 18 พ.ย.2565

ราษฎรเชียงใหม่มาสมทบ

21.18 น. ราษฎรหยุด APEC จากเชียงใหม่ เดินทางด้วยรถไฟมาถึงกรุงเทพที่หัวลำโพง และกำลังเดินขบวนออกจากสถานีเพื่อไปร่วมกับกลุ่มที่มาตั้งเวทีที่ลานคนเมือง

สมาชิกที่ร่วมขบวนมาเริ่มอ่านแถลงการณ์ว่าการประชุมเอเปคที่ส่งเสริมาการค้าเสรีสุดโต่งโดยอาศัยอำนาจรัฐในการผลักดันแย่งชิงทรัพยากรอย่างกว้างขวางสร้างความเหลื่อมล้ำทำให้มีเพียงบริษัทข้ามชาติ กลุ่มทุนผูกขาดและชนชั้นนำที่กุมอำนาจอยู่ได้ประโยชน์เท่านั้น แล้วรัฐบาลเผด็จการของไทยก็ยังภูมิใจที่จะจัดประชุมเอเปคที่เลวร้ายนี้ที่เป็นเวทีแสวงหาความร่วมมือของชนชั้นนำที่พร้อมจะละทิ้งคนส่วนใหญ่ไว้ข้างหลัง ประชาชนทั้งหลายไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมและมีอำนาจตัดสินใจอนาคตของตัวเอง

“ดังนั้นสังคมที่เท่าเทียมและเป็นธรรมไม่มีทางปรากฏขึ้นในภายหลังการประชุมนี้ เรายืนยันศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน เราจึงมีสิทธิที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ มีที่อยู่อาศัย มีที่ดินทำกินอย่างเสมอภาค มีสิ่งแวดล้อมที่ดี และได้รับการปกป้อง มีโอกาสและทางเลือกในการดำเนินชีวิตและมีอำนาจในการกำหนดอนาคตของพวกเรา และมีอำนาจในการกำหนดชุมชนและสังคมของเรา”

ตัวแทนกล่าวต่ออีกว่าการประชุมเอเปคนี้ได้ทำลายคุณค่าทั้งหมดของความเป็นคนและการอยู่ร่วมกันของสังคม ให้เหลือเพียงคุณค่าทางเศรษฐกิจทุนนิยม คนส่วนใหญ่พร้อมจะยืนหยัดต่อต้านทุบทำลายกำแพงแห่งการกดขี่ และสามัญชนจะไม่ยอมแพ้

หมายเหตุ - เพิ่มเติมเนื้อหา 21.56 น. 16 พ.ย.2565

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net