Skip to main content
sharethis

อานนท์ นำภา พร้อมทนายความ ร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกระดับชั้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรง ม็อบ18พฤศจิกา65 มั่นใจหลักฐานแน่น เอาผิดได้ หวังเป็นบรรทัดฐานใหม่-'ทะลุวัง-โมกหลวง' ทำกิจกรรมสำรวจความเห็น และประณามการใช้ความรุนแรงของตำรวจ

 

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมของกลุ่ม ราษฎรหยุดเอเปค 2022 หลังเดินขบวนจากลานคนเมือง มุ่งหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดที่หัวมุมถนนดินสอ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการยิงกระสุนยาง และแก๊สน้ำตา ทำให้เกิดการปะทะระหว่าง 2 ฝ่าย โดยมีการจับกุมบุคคลอย่างน้อย 26 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก

19 พ.ย. 2565 สำนักข่าวราษฎร เผยแพร่ถ่ายทอดสดวันนี้ (19 พ.ย.) ติดตาม อานนท์ อำภา ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ทศพร เสรีรักษ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ในฐานะตัวแทนคณะราษฎร (รุ่นใหม่) พร้อมทนายความ เดินทางมาร้องทุกข์กล่าวโทษแก่ พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ ในฐานะเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ ในฐานะตัวการ ผู้ใช้ และผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำผิด และ/หรือเจ้าหน้าที่พนักงานตำรวจ หรือบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งหมด ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 295 มาตรา 297 และในความผิดอื่นทุกฐานความผิดพลาดทางอาญาที่เกี่ยวข้องจนกว่าคดีจะถึงที่สุด จากกรณีสลายการชุมนุมของกลุ่ม 'ราษฎรหยุด APEC2022' ข้างต้น

เนื่องด้วย พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะและเป็นผู้บัญชาการในพื้นที่ตามกฎหมายในขณะนั้นได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ซึ่งต่อมาได้มีเจ้าพนักงานตำรวจภายในสังกัดและ/หรือภายใต้การควบคุมดูแลสั่งการของ พ.ต.อ.ทศพล ได้มีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการ เช่น การจำกัดเสรีภาพการชุมนุมของประชาชน การใช้กำลังควบคุมและสลายการชุมนุมเกิดกว่าเหตุและไม่ได้สัดส่วนไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการใช้กำลังประทุษร้ายต่อผู้ร่วมชุมนุมและสื่อมวลชนด้วยการทุบตี เตะ ใช้แก๊สน้ำตา ใช้อาวุธกระสุนยาง รวมทั้งทำการสลายการชุมนมโดยไม่มีเหตุตามกฎหมาย การใช้กำลังและอาวุธของเจ้าพนักงานตำรวจยิงกระสุนยางในระยะประชิดและเล็งปลายกระบอกปืนเหนือลำตัวของผู้ชุมนุมทำให้ผู้ชุมนุมรวมทั้งสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย และในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บสาหัสด้วย

นอกจากนี้ ทางผู้ร้องทุกข์ฯ ขอให้ทางพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกหลักฐานและพยานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการสอบสวนดังต่อไปนี้ 1. แผนปฏิบัติและควบคุมการชุมนุมสาธารณะทั้งหมกในวันที่ 18 พ.ย. 2565 2. รายชื่อเจ้าพนักงานตำรวจทุกนายที่เข้าปฏิบัติงานบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ 3. รายชื่อเจ้าพนักงานตำรวจทุกนายที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องยิงแก๊สน้ำตา และอาวุธปืนยิงกระสุนยาง และ 4. รายละเอียดการเบิกใช้เครื่องยิงแก๊สน้ำตา อาวุธปืนยิงกระสุนยาง กระสุนยาง โดยขอรายละเอียดว่าหน่วยงานใด ผู้ใด เป็นผู้ขอเบิกใช้ในจำนวนเท่าใด และได้ส่งคืนในจำนวนเท่าใด

มติชนออนไลน์ รายงานว่าเมื่อเวลา 13.40 น. ปนัสยา เปิดเผยด้วยว่า ไม่คิดว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น มีคนได้รับบาดเจ็บถึงขั้นตาบอด ทั้งที่มีการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี ระหว่างมีการประชุมของผู้นำต่างประเทศมาประชุมเอเปค แต่ในสายตาของตำรวจไม่ได้มองแบบนั้น ไม่แน่ใจว่าเขาคิดกับเราเกินไปแบบไหน ซึ่งกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ตนเองรู้สึกช็อกและตกใจกับเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

"กับคนที่ถูกยิงจนถึงขั้นตาบอด จึงไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ต้องใช้อารมณ์ในการปฏิบัติหน้าที่มากมายขนาดนั้น มีคลิปและภาพปรากฏชัดเจน ทั้งนี้ เชื่อว่าภายในของตำรวจทุกคนไม่ได้มาเพื่อชุมนุมมาตีประชาชนอาจจะมาจากคำสั่ง แต่ขอให้มีวิจารณญาณทำหน้าที่ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวอีก" น.ส.ปนัสยา กล่าว และมีการอ่านแถลงการณ์ของกลุ่มแนวร่วมฯ ที่เธอนำมาด้วย

แถลงการณ์ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม

เบื้องหลังรอยยิ้มทักทาย และภายใต้คำกล่าวสุนทรพจน์สวยหรูแบบอย่างครรลองอารยะประเทศ ด้วยเวลาเพียง 3 วัน ระหว่างการประชุม APEC 2022 ณ ประเทศไทย พวกท่านคงเห็นแล้วว่า อะไรกำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทยขณะนี้ (What happending in Thailand) รัฐบาลเผด็จการในคราบประชาธิปไตยของเรา ได้แสดงการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงให้ประจักษ์แก่สายตาของพวกท่าน อย่างที่พวกเราประชาชนแทบไม่จำเป็นต้องบรรยายขยายความเลวร้ายใดๆ ของรัฐบาลเพิ่มเติมแก่พวกท่านอีก 

ในขณะที่การประชุมของท่านกำลังดำเนินอยู่ ห่างออกไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ความมั่นคงภายใต้การบังคับบัญชาสูงสุดโดยนายกรัฐมนตรี ได้ไล่ทุบตีและกราดยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมที่ปราศจากเครื่องป้องกันอย่างบ้าคลั่ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นอาจต้องสูญเสียการมองเห็นไปตลอดชีวิต การใช้กำลังกดขี่ปราบปรามที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกรณีเฉพาะในระหว่างการประชุม APEC 2022 เท่านั้น แต่ด้วยข้อกล่าวอ้างอย่างการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย ความรุนแรงที่รัฐเผด็จการกระทำต่อประชาชน เกิดขึ้นจนแทบจะกลายเป็นเหตุการณ์ปกติ แน่นอนว่าในบรรดากรณีทั้งหลาย รวมทั้งในกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นการใช้อาวุธและใช้กำลังสลายการชุมนุม ที่ละเมิดต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights) และหลักการพื้นฐานว่าด้วยการใช้กำลังและอาวุธโดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย (Basic Principle of the Use of Force and Firearm by Law Enforcement Officials) ทั้งยังละเมิดกฎหมายภายในประเทศอย่าง คู่มือการปฏิบัติงานพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ รวมถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

พวกเราขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไม่มีผู้ชุมนุมคนใดต้องการที่จะทำลายการประชุม APEC2022 หรือก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้นำประเทศ พวกเราเพียงแต่อยากจะส่งสารถึงพวกท่าน ดังที่พวกท่านน่าจะตระหนักดีแล้วว่าสถานการณ์ในประเทศไทยปัจจุบันนี้น่ากังวลเพียงใดต่อประเด็นสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิในการแสดงความคิดเห็น และสิทธิในการชุมนุมสาธารณะ เราขอวิงวอนให้พวกท่านโปรดรับฟังเรา และย้ำเตือนต่อรัฐบาลของประเทศไทยให้หยุดคุกคามและทำร้ายผู้เห็นต่างที่ต่อสู้เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย

และเราขอเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งหลาย ขอพวกท่านโปรดมองเข้าไปยังนัยตาของบุคคลที่ยืนอยู่ ณ ปลายกระบอกปืนของท่าน บุคคลผู้มีเลือดเนื้อและความเจ็บปวดเช่นเดียวกับผู้คนที่ท่านรักและห่วงใย พวกเขาเหล่านั้นอาจเป็นใครบางคนที่ท่านเคยรู้จัก อาจเป็นญาติพี่น้องห่างๆ ที่ท่านเคยพบ พวกเขาอาจเป็นอนาคตมิตรสหายที่ดีในวันที่ท่านทนทุกข์ หรืออาจเป็นอดีตเพื่อนร่วมสุขที่ ณ ภูมิลำเนา ทั้งพวกเขาและท่านต่างเป็นมนุษย์ผู้มีความเจ็บปวด ความขุ่นเขือง ความสุข และความเศร้าเช่นเดียวกัน และด้วยภาระหน้าที่ อาชีพ หรือคำสั่งที่ทำให้พวกท่านจำเป็นต้องยืนอยู่หลังแนวโล่ตรงอีกฟากฝั่งของท้องถนน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ท่านจำเป็นต้องเห็นเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าของพวกท่านเป็นศัตรู

พวกเราเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจว่า ในบรรดาพวกท่านทั้งหมด ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว ที่ตัดสินใจเข้ารับราชการเพื่อก้าวเท้าออกจากบ้านด้วยความมุ่งหวังที่จะทำร้ายบุคคลที่ท่านไม่เคยแม้แต่จะเคยพบหน้าค่าตา คำสั่งของเผด็จการไม่อาจเปลี่ยนให้ท่านกลายเป็นปีศาจเช่นเดียวกับความขัดแย้งทางการเมือง ที่ไม่เคยหยุดพวกเราให้เชื่อมั่นว่า สักวันท่านจะหวนกลับมายืนอยู่เคียงข้างประชาชน พวกเราต่างมุ่งหวังและใฝ่ฝันถึงสังคมที่ดีกว่า สังคมที่พวกท่านจะไม่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจกดขี่ของใคร สังคมที่พวกท่านจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ และเพื่ออนาคตของตัวท่าน และพวกเราทุกคน โปรดกลับมายืนอยู่เคียงข้างประชาชน 


แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม

สร้างบรรทัดฐานใหม่

เมื่อเวลา 16.45 น. อานนท์ นำภา ให้สัมภาษณ์หลังร้องทุกข์กล่าวโทษ เผยว่า ตอนเข้าไปแจ้งความทาง ผู้การกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) เป็นผู้รับเรื่องแทน สน.สำราญราษฎร์ เนื่องจากผู้กล่าวโทษแจ้งความกับผู้กำกับ สน.สำราญราษฎร์ ดังนั้น จะให้ สน.สำราญราษฎร์ สอบสวนเกรงจะไม่เหมาะสม จึงให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน กรณีการสลายการชุมนุมม็อบ18พฤศจิกา65

แม้ว่าก่อนหน้านี้การเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ผู้กระทำผิดนั้นจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่อานนท์ ประเมินว่าการเอาผิดเจ้าหน้าที่ครั้งนี้น่าจะประสบความสำเร็จ เนื่องจากมีพยานและหลักฐานที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอขนาดสั้น หรือภาพอื่นๆ ที่สะท้อนว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนทำเกินกว่าเหตุ

ต่อกรณีที่วานนี้ (18 พ.ย.) บีบีซีไทย รายงาน พล.ต.ต. อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจรการประชุมเอเปค  (กอร.รปภ.จร.) ชี้แจงการสลายการชุมนุมที่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้ชุมนุมฝ่าฝืนกฎหมาย และทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่โดยการขว้างปาก้อนหิน และสิ่งของ ทำลายรถกระบะของทางราชการ ตำรวจจึงมีความจำเป็นต้องใช้กำลังป้องกันตัวเอง 

นอกจากนี้ อาชยน พูดถึงกรณีการใช้กระสุนยางจากฝั่งเจ้าหน้าที่ว่า ทั้งหมดเป็นไปตามหลักกฎหมาย ตามยุทธวิธี เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย และเป็นไปตามมาตรการรักษาความปลอดภัย ดูแลความสงบเรียบร้อย

อานนท์ กล่าวต่อประเด็นนี้โดยการแสดงความไม่เห็นด้วย เพราะการใช้กระสุนยางของเจ้าหน้าที่ไม่มีการแจ้งเตือน และยิงในระดับศีรษะ ซึ่งมีประชาชนถูกกระสุนที่บริเวณดวงตา หรือกรณีที่มีประชาชนหรือสื่อมวลชนล้มลง เจ้าหน้าที่ก็ไปดึงตัวและใช้กำลังทำร้ายโดยการกระทืบก่อนจับกุม ซึ่งนี่ไม่ใช่ตามยุทธวิธีแน่นอน

"ต่อให้ผู้ชุมนุมมีพฤติกรรมอะไรพวกนี้ (ขว้างปาก้อนหิน-สิ่งของ) ตำรวจก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรพวกนั้นเลย คือจับก็คือจับ คือสื่อมวลชน คุณไปกระทืบเขาได้ไง" อานนท์ กล่าว

นอกจากนี้ อานนท์ กล่าวด้วยว่า เขาอยากให้การเอาผิดเจ้าหน้าที่ครั้งนี้เป็นหมุดหมาย หรือบรรทัดฐานใหม่ในการควบคุมการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ต่อผู้ชุมนุมอีกด้วย 

"ที่เจ้าหน้าที่รัฐมันใช้ความรุนแรงกับเราได้ เพราะเขาไม่เคยได้รับโทษจากการสลายการชุมนุมที่มันไม่ชอบเลยไม่ว่ายุคสมัยไหน ถ้าเราทำบรรทัดฐานตำรวจที่ใช้ความรุนแรง หรือว่ามันทำผิดกฎหมายเอง มันก็ต้องได้รับโทษ" ทนายความจากศูนย์ทนายฯ ระบุ

ท้ายสุด ทนายอานนท์ ฝากทิ้งท้ายถึงเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนที่ปฏิบัติหน้าที่ต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่จากควบคุม และจับกุม เป็นอำนวยความสะดวกให้ประชาชน เพราะประชาชนเขามาใช้เสรีภาพการแสดงออก และเรียกร้องให้องค์กรสื่อมวลชนออกมาเรียกร้องเพื่อตัวเองมากขึ้น เนื่องจากมีสื่อได้รับผลกระทบจากการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมครั้งนี้

"ต้องเปลี่ยนมุมมองเจ้าหน้าที่ก่อน ให้เขามองว่าการใช้เสรีภาพการชุมนุมเป็นเสรีภาพตามหลักกฎหมาย และก็หน้าที่ของเขาคือการอำนวยความสะดวก ไม่ใช่มาปราบม็อบ และก็สังคมต้องเปิดใจรับฟังความเห็น ประชาชนที่ไม่ได้มีปากมีเสียง เป็น 'เซเลบ' มันจะไปใช้เสรีภาพช่องอื่นได้ไง เขาก็ต้องชุมนุม" อานนท์ ทิ้งท้าย

ทะลุวัง-โมกหลวงฯ แทคทีมทำกิจกรรม ประณามการใช้กำลังสลายการชุมนุม ม็อบ18พฤศจิกา65

19 พ.ย. 2565 ผู้สื่อข่าวถ่ายทอดสดจากสยามสแควร์ หลังวันนี้ (19 พ.ย.) กลุ่มทะลุวัง และโมกหลวงริมน้ำ นัดหมายทำกิจกรรม "หมีพูห์ทำโพลล์ เห็นด้วยหรือไม่? ที่ตำรวจ 'เล็งยิงหัวประชาชน' เพื่อสลายการชุมนุม" โดยเดินสำรวจความคิดเห็นประชาชนตั้งแต่สยามสแควร์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน-เซ็นทรัลเวิลด์ โดยถูก รปภ.ห้างฯ คอยสกัดระหว่างทาง 

ก่อนนักกิจกรรมที่แต่งตัวด้วยชุดสีแดง ซึ่งเป็นสีเดียวกับตัวละคร 'หมีพูห์' เดินทางมุ่งหน้าทำกิจกรรมสาดเลือดหมู บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประณามตำรวจสลายการชุมนุมม็อบ18พฤศจิกา65 เกินเหตุ ทำให้ประชาชนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ และมีผู้บาดเจ็บสาหัสจากการถูกกระสุนยางจากฝั่งเจ้าหน้าที่เข้าที่บริเวณดวงตาขวา

นอกจากนี้ กลุ่ม "โมกหลวงริมน้ำ-ทะลุวัง" และมวลชนอิสระ ร่วมกันชูป้ายข้อความและขอประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากรัฐไทยรับใช้เผด็จการ พร้อมตะโกน “เอเปคเลือด” ตำรวจยิงประชาชนตาบอด ตำรวจทำร้ายประชาชน ทำร้ายคนในชาติเพื่อต้อนรับมหกรรมทุนผูกขาด #APEC2022 #STOPAPEC2022 #BLOODLYAPEC

สำหรับ 'หมีพูห์' ตัวละครจากหนังสือนิยายเรื่อง "วินนี-เดอะ-พูห์" หรือ "Winnie the Pooh" ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 2496 

หมายเหตุ - มีการรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมในเนื้อหารายงาน และมีการปรับพาดหัวและโปรย เมื่อ 21 พ.ย. 2565 เวลาประมาณ 00.06 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net