Skip to main content
sharethis

โฆษกพรรคก้าวไกลเรียกร้องให้ดำเนินคดี จนท. คฝ. ทำร้ายสื่อ-ประชาชน อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล - 'ผบ.ตร.' ปิด กอร. หลังภารกิจดูแลประชุมเอเปคบรรลุเป้าหมาย - ซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจ 1,156 คน ส่วนใหญ่ระบุพอใจมากไทยจัดเอเปคสำเร็จ มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจ


รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล

20 พ.ย. 2565 ทีมสื่อพรรคก้าวไกลแจ้งข่าวว่า รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกลแถลงข่าว ต่อสื่อมวลชนประเด็นขอให้มีการทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ เพื่อแทนที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งได้ผ่านการลงมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ไปแล้วของสภาผู้แทนราษฎร ปัจจุบันได้ถูกบรรจุเข้าในระเบียบวาระของวุฒิสภา ซึ่งกำลังจะพิจารณาในวันพรุ่งนี้นั้น

ตนในฐานะโฆษกของพรรคก้าวไกล ที่ได้เสนอญัตตินี้นั้น เรามีความตั้งใจให้การทำประชามติครั้งนี้ทำขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้งที่จะมาถึง เพื่อให้การเข้าคูหาของพี่น้องประชาชนเกิดความสะดวก ทำพร้อมกันในคราวเดียว และการจัดการลงประชามติที่หากเกิดขึ้นพร้อมกันกับการเลือกตั้งก็จะประหยัดเงินภาษีของพี่น้องประชาชน

อย่างไรก็ดี ทราบว่าการดำเนินการเช่นนี้ เป็นการดำเนินการที่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของประเทศของเรา อาจจะมีวุฒิสมาชิกบางท่านที่คิดว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจจะติดขัดในเรื่องของระเบียบกฎหมาย จึงมีบางท่านต้องการเสนอว่าควรจะมีการตั้งกรรมาธิการเพื่อศึกษาเรื่องนี้ก่อน ซึ่งอาจจะยาวนานถึง 60 วัน

ซึ่งหากเหตุการณ์ที่ผมกล่าวถึงเกิดขึ้นจริง จะทำให้โอกาสที่จะจัดประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้งเป็นไปได้ยาก และจะส่งผลให้มีค่าใช้จ่าย ทั้งที่เราสามารถประหยัดได้

รวมถึงการดำเนินการประชามติเช่นนี้ก็เป็นกระบวนการที่สอดคล้องตามนัยยะของศาลรัฐธรรมนูญที่หากต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องมีการถามประชาชนก่อน ทั้งนี้ ในประเด็นปัญหาข้อกฎหมายที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น สามารถที่จะดำเนินการแก้ไข เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนได้ หากญัตตินี้ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา ดังนั้น เราจึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะอ้างกฎระเบียบใดๆมาขวางกั้น ความต้องการที่จะสร้างรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนตนและพรรคก้าวไกลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การพิจารณาญัตติดังกล่าวของวุฒิสภา จะดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนหวัง

นอกจากนี้โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวถึง กรณีการสลายการชุมนุมพี่น้องประชาชนของกลุ่มราษฎรหยุด APEC ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีข้อเรียกร้องหลายประการที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม การสลายการชุมนุมดังกล่าวได้เกิดขึ้นอย่างรุนแรงต่อผู้ชุมนุม จนนำไปสู่การจับกุมผู้ชุมนุมจำนวน 25 คน และมีบางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บจยต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล คุณพายุ ดาวดิน ถูกยิงเข้าที่ดวงตา ซึ่งมีโอกาสน้อยมากที่จะกลับมามองเห็นปรกติ คุณ พลาธิพ ดำศรี ถูกทำร้ายอย่างรุนแรง ฟันหัก นอกจากนี้ยังพบกรณีของการประทุษร้ายโดยเจ้าหน้าที่ต่อสื่อมวลชนที่เข้าไปทำข่าวในพื้นที่ เช่นกรณีนักข่าว The Matter ถูกตำรวจควบคุมฝูงชนทำร้ายและมีการกล่าววาจาในลักษณะของการระบายอารมณ์ใส่ ทั้งที่ตัวนักข่าวสวมปลอกแขนสื่อชัดเจนและบอกกล่าวกับเจ้าหน้าที่แล้วว่าตนเป็นสื่อ, กรณีนักข่าวพลเมือง The Isaan Record ถูกตำรวจเข้าทำร้ายร่างกายและจับกุมทั้งที่บอกกล่าวกับเจ้าหน้าที่แล้วว่าตนเป็นสื่อ, กรณีนักข่าว Reuters ถูกปาขวดแก้วจากหลังแนวโล่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา ความรุนแรงเหล่านี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าเกิดขึ้นจากคนไทยที่กระทำต่อคนไทยด้วยกัน

พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการสอบสวนเรื่องนี้ เพื่อหาคนที่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายประชาชน อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล

และหยุดการใช้กฎหมายเพื่อกลั่นแกล้งประชาชน ต้องมีการยกเลิกข้อกล่าวหาที่กำลังดำเนินคดีต่อประชาชน ข้อเสนอนี้ไม่ใช่มีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น แต่รวมไปถึงพนักงานอัยการที่มีอำนาจในการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 142 ที่จะทำความเห็นเสนอต่ออัยการว่าเห็นควรไม่สั่งฟ้อง ส่วนอัยการมีอำนาจตามมาตรา 143 ที่จะออกคำสั่งไม่ฟ้องได้

สุดท้ายรัฐบาล ควรรับฟังประชาชน ไม่ควรปล่อยให้มีการใช้อำนาจเพื่อทำร้ายประชาชนอย่างที่เป็นอยู่

นอกจากนี้ผมในฐานะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ของสภาผู้แทนฯ จะขอนำกรณีการสลายการชุมนุมครั้งนี้ รวมถึงการละเมิดสิทธิอื่นๆ ในระหว่างการประชุม APEC เข้าพิจารณาใน กมธ. โดยเร่งด่วน รังสิมันต์ระบุ

'ผบ.ตร.' ปิด กอร. หลังภารกิจดูแลประชุมเอเปคบรรลุเป้าหมาย

เว็บไซต์ไทยโพสต์ รายงานว่า ณ ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมปิดกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย และการจราจร การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี พ.ศ.2565 ระหว่างวันที่ 14-20 พฤศจิกายน 2565 โดยมี พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.,พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร., ผู้ช่วย ผบ.ตร.,ผู้แทนหน่วยงาน และผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมฯ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี/ผู้อำนวยการกองอำนวยการฯ มอบหมายให้ตน เป็นประธานการแถลงปิดศูนย์ฯ ผลการปฏิบัติในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุวัตถุประสงค์การประชุมฯ เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศไทย การรักษาความปลอดภัยและการจราจร ถือเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการประชุมฯ ครั้งนี้

อย่างไรก็ดี ยังคงมีภารกิจที่ยังไม่แล้วเสร็จ โดยยังคงเหลือเขตเศรษฐกิจเอเปค 4 เขตเศรษฐกิจพิเศษ (ปาปัวนิวกินี จีนไทเป สหรัฐอเมริกา และฮ่องกง) จะเดินทางกลับประเทศตามกำหนดการทั้งหมดในวันนี้ และกองอำนวยการร่วมฯ ยังต้องคงความเข้มข้นในการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง จนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น

ทั้งนี้ ตามแผนรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมอบหมายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก ในการจัดตั้งกองอำนวยการร่วมฯ บูรณาการทุกภาคส่วน ปฏิบัติภารกิจต่างๆ จนกว่าจะเสร็จสิ้นการประชุมฯ นั้น ภาพรวมการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเหตุการณ์ที่น่าสนใจ ดังนี้

1. การรับแจ้งเหตุ 1599 (22 สาย) และ 191 (34 สาย) รวมจำนวน 56 เรื่อง ตรวจสอบและดำเนินการเรียบร้อยทุกเรื่อง

2. การยื่นข้อเรียกร้องผ่านกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 4 เรื่อง

3. บุคคลทิ้งสิ่งของ (ถังดับเพลิง) ลงไปยังพื้นผิวการจราจรวันที่ 14 พ.ย.65

4. จับกุมอาวุธมีด 4 ราย ปืนพก 1 ราย (18 พ.ย.65) และโดรนผิดกฎหมาย 1 ราย (17 พ.ย.65)

5. ตรวจพบเหตุวัตถุต้องสงสัย 8 ราย (รถยนต์ 1 รถจักรยานยนต์ 1 สิ่งของต้องสังสัย 6)

6. ดำเนินคดีบุคคลบุกรุกเข้าไปในงานเลี้ยงรับรองฯ 4 ราย (หอประชุมกองทัพเรือ)

7. การชุมนุมสาธารณะในพื้นที่ กทม. จำนวน 13 กลุ่ม โดยมีการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการชุมนุม 25 ราย ผู้ชุมนุมบาดเจ็บ ประมาณ 10 กว่าราย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 14 นาย (อยู่ระหว่างพักรักษาตัวโรงพยาบาล 1 ราย) และทรัพย์สินของทางราชการเสียหายหลายราชการ (รถกะบะ 4 คัน ฯลฯ) อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนฯ ตำรวจเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ 1 ราย (โรคประจำตัว (จุดคัดกรอง ทก.โรงแรมดิแอทธินี))ภาพรวมการใช้กำลังทุกภาคส่วน จำนวนกว่า 30,000 นาย การนำขบวนผู้นำเขตเศรษฐกิจ คู่สมรส และรัฐมนตรี จำนวนกว่า 508 เที่ยว ตลอดห้วงระยะเวลาการประชุมฯ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า แม้ว่าในวันนี้เป็นการประชุมปิดกองอำนวยการร่วมฯ แต่อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้ รอง ผบ.ตร.(บร) ติดตามทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจนเสร็จสิ้น และเรียบร้อย ในแต่ละภารกิจ ตรวจสอบสถานภาพกำลังพล ยานพาหนะ สิ่งอุปกรณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ กำชับการเบิก-จ่ายงบประมาณและถอดบทเรียนการปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง กับภารกิจของหน่วยในทุกๆ ด้าน

พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี/ประธานคณะกรรมการระดับชาติฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี/ประธานคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยฯ ในนามผู้บังคับบัญชาของ ตร. ซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบหลักตามแผนรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร ขอขอบคุณประชาชนที่ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี และให้ความร่วมมือ ในด้านการปิดปรับเส้นทางการจราจรทั้งวันซ้อมและวันปฏิบัติจริง ตลอดจนการการใช้สถานีรถไฟฟ้าฯ สวนเบญจกิติ และอื่นๆ และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงาน ทุกนาย และทุกหน่วยที่ร่วมปฏิบัติ ที่ได้ตั้งใจและเสียสละ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร พิธีการคนเข้าเมือง ตลอดจนภารกิจที่เกี่ยวข้องด้านต่างๆ ในการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมตลอดห้วงระยะเวลาในทุกๆ การประชุมฯ

“ขอเรียนให้ทราบว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้ ไม่ว่าท่าน จะปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ สถานที่ใด ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ให้กับประเทศชาติ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการจัดการประชุมฯ อย่างสมเกียรติและสมศักดิ์ศรี สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ นานาประเทศต่างชื่นชมและกล่าวขอบคุณประเทศไทยในการ จัดการประชุมฯ ครั้งนี้” ผบ.ตร.กล่าว

ซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจคนระบุพอใจมากไทยจัดเอเปคสำเร็จ มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจ

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยถึงผลการสำรวจเรื่อง ประเมินเอเปค กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จากผู้ถามผู้ตอบและเครื่องมือวัด จำนวน 1,156 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย.ที่ผ่านมา

เมื่อสอบถามถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยและประชาชนได้รับจากการจัดประชุมเอเปคในประเทศไทยต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังวิกฤตโควิด พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.6 ระบุเกิดประโยชน์มากถึงมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 10.3 ระบุปานกลาง และร้อยละ 4.1 ระบุน้อยถึงไม่เกิดประโยชน์เล

ที่น่าสนใจคือ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.5 พอใจมากถึงมากที่สุดต่อ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีผลงานจัดประชุมเอเปคในประเทศไทย ดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังวิกฤตโควิด ในขณะที่ ร้อยละ 11.4 พอใจปานกลาง และร้อยละ 6.1 พอใจน้อยถึงไม่พอใจเลย

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.9 พอใจมากถึงมากที่สุดต่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ทำหน้าที่หารือกับประเทศต่างๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น และอื่น ๆ ในการค้าระหว่างประเทศกับสินค้าไทย เช่น ข้าว กล้วยไม้ และอื่นๆ

และเมื่อสอบถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนในอีก 6 เดือนข้างหน้าต่อเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นกว่านี้ที่เป็นผลพวงจากการประชุมเอเปค ครั้งนี้ พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.8 เชื่อมั่นมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 22.7 เชื่อมั่นปานกลาง และร้อยละ 11.5 เชื่อมั่นน้อยถึงไม่เชื่อมั่นเลย

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่พอใจต่อการจัดประชุมเอเปคในประเทศไทยและพอใจต่อ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ในการทำหน้าที่หารือกับต่างประเทศในด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ

โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตรด้วยการเปิดกว้างในทุกโอกาสสร้างความสมดุลในการเปลี่ยนแปลงหลังวิกฤตโควิด โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ที่กำลังเป็นกระแสตื่นตัวไปทั่วโลกด้วยโมเดลเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่มุ่งเน้นไปยังการสร้างความสมดุลและเปิดทุกโอกาสในการปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า บทบาทสำคัญของการค้าการลงทุนและการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนในเวลานี้ การลดความเหลื่อมล้ำ การขจัดความยากจน ยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น การปฏิรูปการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่หลังวิกฤตโควิด ที่มุ่งเน้นการจัดสภาพแวดล้อมเงื่อนไขทางการค้าและการลงทุนที่เสรี เปิดกว้าง เป็นธรรม ไม่แทรกแซง ไม่เลือกปฏิบัติ มีความโปร่งใสใช้ข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ถูกต้องครอบคลุม และพยากรณ์อนาคตของการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำ

เพื่อรักษาความสมดุลของการลงทุนและการพัฒนาเศรษฐกิจจากการประชุมเอเปคครั้งนี้ที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมกันเป็นเจ้าภาพกับรัฐบาลจัดงานประชุมเอเปคครั้งนี้ได้สำเร็จเป็นที่พึงพอใจและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนทั้งประเทศตามผลโพลที่ค้นพบครั้งนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net