ศาลให้ประกัน 'แซม ทะลุฟ้า' กับพวก คดี ม.112 วางหลักประกันคนละ 1 แสนใส่ EM

ศาลให้ประกัน 'แซม ทะลุฟ้า' กับพวก คดี ม.112 วางหลักประกันคนละ 1 แสนใส่ EM - พิพากษาจำคุก 5 ปี 'พิทักษ์พงษ์' คดี ม.112 ไม่รอลงอาญา ก่อนให้ประกันตัว 150,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์

22 พ.ย. 2565 เว็บไซต์เดลินิวส์ รายงานว่านายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางมาฟังคำสั่งในคำร้องขอประกันตัวในคดีหมายเลขดำที่ อ.2407/2565 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพรชัย ยวนยี หรือ แซม ทะลุฟ้า, นายภาณุพงษ์ ศรีกสินธุ์, นายสินบุรี แสนกล้า กับพวกรวมสามคน ซึ่งเป็นกลุ่มทะลุฟ้า ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ข้อหาทำลายทรัพย์สาธารณะ และข้อหาอื่นๆ เกี่ยวกับการชุมนุมในพื้นที่เสียงแพร่เชื้อโรคฯ เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2565

โดยมีการกระทำเป็นการอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบัน โดยการเผาซุ้มและเผาป้อมตำรวจควบคุมสัญญาณจราจรกรณีการประชุมขับไล่รัฐบาล “15 ปีรัฐประหาร” ที่บริเวณหน้าโรงเรียนราชวินิตมัธยม ท้องที่ สน.สำราญราษฎร์ วันที่ 19 ก.ย. 2564

โดยคดีนี้เคยยื่นประกันมา 9 ครั้ง แต่ไม่ได้รับการประกันตัวถูกขังมาตลอด

นายกฤษฎางค์ เผยว่า วันนี้ศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทั้งสามคน คนละ 1 แสนบาท วางเงื่อนไข ใส่กำไลอีเอ็ม ห้ามออกจากบ้านหลังเวลา 20.00-06.00 น. ห้ามกระทำซ้ำในข้อหาที่ถูกฟ้อง ห้ามชุมนุมอันมีลักษณะชุมนุมโดยไม่สงบ ห้ามก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีนักวิชาการระดับ อดีต รมต.สำนักนายกฯ มาเป็นผู้กำกับดูแลด้วย ซึ่งจำเลยทุกคนยอมรับได้ สถานการณ์ผ่อนคลายขึ้น และจำเลยทั้งสามยอมทำตามเงื่อนไข โดยเฉพาะนายพรชัย หรือแซม มีลูกเล็กกำลังเข้าโรงเรียน อยากออกมาเลี้ยงลูก และอดทนที่ถูกขังมาเกือบสองร้อยวัน

ในชั้นสืบพยานจะนำนักวิชาการมาเป็นพยานจำเลย ส่วนพยานโจทก์ไม่ว่าจะอ้างพยานอะไรจะซักค้านเต็มที่ แต่เบื้องต้นขอพาจำเลยทั้งสามไปตรวจร่างกายก่อน

พิพากษาจำคุก 5 ปี 'พิทักษ์พงษ์' คดี ม.112 ไม่รอลงอาญา ก่อนให้ประกันตัว 150,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2565 ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดี “หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ของพิทักษ์พงษ์ (สงวนนามสกุล) พนักงานบริษัทวัย 27 ปี จากการใช้บัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ตั้งเป็นสาธารณะ โพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ พร้อมแนบถาพถ่ายแสดงภาพบุคคลยืนชูมือ ข้างซ้ายชูสามนิ้ว และข้างขวาชูนิ้วกลางหนึ่งนิ้ว หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2563

คำพิพากษาโดยสรุป ศาลเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษในตัวบทกฎหมายที่หนักที่สุดคือมาตรา 112 ลงโทษจำคุก 5 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน เมื่อพิจารณาจากรายงานการสืบเสาะ เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ

หลังจากฟังคำพิพากษา ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวไปคุมขังไว้ที่ห้องขังใต้ถุนศาลอาญา พิทักษ์พงษ์กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า “นึกคำพูดอะไรไม่ออก คำพิพากษาไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ โทษค่อนข้างสูง แต่ก็นั่นแหละครับประเทศไทย หวังว่าจะประกันตัวได้”

ต่อมาหลังยื่นขอประกันตัวจำเลยระหว่างอุทธรณ์คดี เวลา 17.50 น. ได้รับแจ้งว่าศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวพิทักษ์พงษ์ ด้วยหลักประกันเป็นเงินสดจำนวน 150,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ โดยศาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติม

อ่านข่าวนี้โดยละเอียดในเว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท