สปสช.ย้ำดีเลย์ลงนามหลักเกณฑ์กองทุนปี 2566 ไม่กระทบผู้มีสิทธิบัตรทอง พร้อมโอนเงินค่ารักษาโควิดกว่า 1.1 หมื่นล้านบาทให้หน่วยบริการแล้ว

สปสช. ย้ำ ดีเลย์ลงนามหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไม่กระทบสิทธิการรักษาพยาบาล ผู้มีสิทธิบัตรทองยังไปรับบริการที่หน่วยบริการได้ตามปกติ แจงสัปดาห์ที่ผ่านมา สปสช.โอนเงินค่าบริการโควิด-19 กว่า 1.1 หมื่นล้านบาทให้หน่วยบริการกว่า 1,300 แห่งช่วยเสริมสภาพคล่องให้หน่วยบริการแล้ว  

23 พ.ย. 2565 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงประเด็นร่างประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กรณีบริการด้านเสริมสุขภาพและป้องกันให้แก่ประชาชนไทยทุกคน โดยระบุว่า แม้ขณะนี้ร่างหลักเกณฑ์ฯ ฉบับดังกล่าวจะยังไม่ได้รับการลงนามจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) จนอาจทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดผลกระทบกับหน่วยบริการและการให้บริการแก่ประชาชนนั้น 

สปสช. ขอเรียนว่า ประเด็นนี้ไม่ส่งผลกระทบกับการให้บริการแก่ประชาชน หน่วยบริการยังคงให้บริการประชาชนตามปกติเช่นเดิม แม้ว่าการประกาศใช้หลักเกณฑ์ฯฉบับดังกล่าวอาจล่าช้ากว่าปกติไปบ้าง เนื่องจากมีการตีความกฎหมายที่ต่างกันว่าสิทธิในการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ครอบคลุมคนไทยทุกคนหรือเฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทอง  

ขณะเดียวกัน สปสช. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2565 ได้มีการประชุมชี้แจงกับตัวแทนหน่วยบริการทั่วประเทศแล้วรอบหนึ่ง และวันที่ 4 ก.ค. 2565 บอร์ด สปสช. ก็ได้มีการประชุมหารือถึงแนวทางแก้ปัญหา และประธานบอร์ด สปสช.เองก็อยู่ระหว่างการพิจารณาอย่างรอบคอบและจะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุด  

“ดังนั้นเชื่อว่าอีกไม่นานจะมีความชัดเจนว่าจะดำเนินการกับร่างหลักเกณฑ์ฉบับนี้อย่างไรต่อไป ซึ่งในกรณีที่ต้องเสนอเรื่องเพื่อขอความชัดเจนจากคณะรัฐมนตรี ก็ไม่มีผลกระทบกับหน่วยบริการและประชาชน ประชาชนยังคงเข้าถึงสิทธิรักษาพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้เหมือนเดิม” นพ.จเด็จ กล่าว 

นพ.จเด็จ กล่าวย้ำอีกว่า สิทธิในการรับบริการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิบัตรทองยังคงมีสิทธิอยู่เช่นเดิม สามารถเข้ารับบริการได้ตามปกติ เป็นคนละประเด็นกับเรื่องหลักเกณฑ์ฯ ที่เป็นกระบวนการบริหารจัดการระหว่าง สปสช. และหน่วยบริการ ไม่เป็นเหตุให้ระงับสิทธิของผู้มีสิทธิได้ และขอสื่อสารไปยังหน่วยบริการต่างๆว่า ในระหว่างนี้ขอให้จัดบริการตามปกติ ส่วนประเด็นที่ยังเป็นปัญหาอยู่ จะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้แน่นอน 

เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา สปสช.ได้โอนเงินค่าบริการโควิด-19 หลังจากได้รับอนุมัติโครงการค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2565 เพิ่มเติม ให้กับหน่วยบริการ 1,300 กว่าแห่ง เป็นเงินจำนวน 10,038.73 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าบริการตรวจคัดกรอง 350.06 ล้านบาท ค่าบริการให้การรักษาใน รพ. 1,635.38 ล้านบาท ค่าบริการรักษาผู้ป่วยกลุ่มอาการสีเขียว 8,053.29 ล้านบาท และในสัปดาห์นี้จะมีการโอนเงินค่าบริการโควิด-19 เพิ่มเติมให้กับหน่วยบริการอีก 1,700 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 11,738.73 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับหน่วยบริการได้อีก  

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท