ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระบรมราชโองการ แต่งตั้งข้าราชการในพระองค์ฝ่ายตำรวจและทหาร 326 นาย 8 ฉบับ ไม่ปรากฏผู้ใดเป็นผู้รับสนองฯ ขณะที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา พระราชทานยศข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหารชั้นสัญญาบัตร พร้อมพระราชทานคืน เครื่องราชฯ ร้อยตรีที่เพิ่งปลดไปเมื่อ 8 ส.ค.
25 พ.ย.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ ( 24 พ.ย.) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งข้าราชการในพระองค์และพระราชทานยศ ทั้งข้าราชการในพระองค์ฝ่ายตำรวจ และข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร จำนวน 8 ฉบับ มีผู้ได้รับการแต่งตั้งหรือพระราชทานยศ รวม 326 นาย โดยทั้ง 8 ฉบับ ไม่ปรากฏผู้ใดเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ขณะที่เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชทานยศข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหารชั้นสัญญาบัตร พร้อมพระราชทานคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตรา เป็นกรณีพิเศษ โดยไม่ปรากฎผู้ใดเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ โดยชื่อพระราชทานยศและคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้นชื่อ พลอาสาสมัคร พงศกร บุญส่ง เป็น ร้อยตรี โดยที่เมื่อ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา เพิ่งมีพระบรมราชโองการให้ปลด ร้อยตรี พงศกร นายทหารสัญญาบัตรออกจากราชการ และถอดออกจากยศทหาร พร้อมเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตรา
โดย ระบรมราชโองการให้ปลด ร้อยตรี พงศกร เมื่อวันที่ 8 ส.ค.นั้น ระบุว่า ร้อยตรี พงศกร ดำรงตำแหน่งรักษาราชการ ผู้บังคับหมวดปฏิบัติการทหารรักษาวังที่ 1 หมวดมาตรฐานทหารรักษาวังที่ 3 กองร้อยทหารรักษาวังที่ 3 กองพันที่ 1 กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ออกจากราชการและถอดออกจากยศทหาร พร้อมเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตรา โดยไม่มีเบี้ยหวัด เนื่องจากประพฤติผิดวินัยทหารร้ายแรง บกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับกองรักษาการณ์หย่อนยาน ไม่ได้มาตรฐานของทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับยศและตำแหน่ง ขาดความสำนึกในการเป็นทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เป็นนายทหารพ้นราชการประเภทที่ 2 สังกัด ส่วนราชการในพระองค์
สำหรับการพระราชทานยศทหารชั้นนายพล และแต่งตั้งข้าราชบริพารในพระองค์ จะระบุว่าอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประกอบมาตรา 4 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 และมาตรา 10 มาตรา 13 มาตรา 15 และมาตรา 18 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหาร งานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติยศทหาร พุทธศักราช 2479 (ดู ตัวอย่างพระบรมราชโองการ วันที่ 24 พ.ค.62 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/B/024/T_0001.PDF และ พระบรมราชโองการ วันที่ 31 ก.ค.2562 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/B/043/T_0001.PDF)
เทียบการคืนยศหรือให้ปลดนายทหารสัญญาบัตร ก่อนและหลัง 10 พ.ค. 60 ที่ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้
กรณีการคืนยศหรือให้ปลดนายทหารสัญญาบัตร ก่อนหน้าที่มี พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 ประกาศใช้ จะออกเป็น ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น เมื่อวันที่ 12 เม.ย.60 ก่อน พ.ร.บ.ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ ก็มีประกาศสำนักนายกฯ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ อย่าง “ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ปลดนายทหารสัญญาบัตรออกจากราชการให้ถอดยศทหาร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ [พันเอก ธนวัฒน์ พัฒนทอง พันโท ภูวดล ใจหวัง] ดู http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/B/017/1.PDF หรือย้อนไปเมื่อปี 50 การให้นายทหารสัญญาบัตรพ้นจากราชองครักษ์พิเศษ แม้จะอยู่ใน สํานักงานฝ่ายเสนาธิการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ก็มีนายกฯ ซึ่งสมัยนั้นคือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เช่นกัน (ดู http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2550/D/109/14.PDF"
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)