Skip to main content
sharethis

ประชาชนจากกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย จ.มุกดาหาร บุกเทศบาลฯ ยื่นหนังสือทวงถาม ถอนมติใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ สร้างโรงไฟฟ้ากังหันลม ก่อนมีปากเสียงกับรองนายกฯ อบต. หากโครงการไปต่อเตรียมร้องเรียนอธิบดีการปกครองส่วนท้องถิ่น-ดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

29 พ.ย. 2565 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งวันนี้ (28 พ.ย.) เวลาประมาณ 8.00 น. ประชาชนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย ราว 50 คน ได้เดินทางไปที่เทศบาลตำบลคำป่าหลาย อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร หลังทราบข่าวว่าจะมีการประชุมสภาฯ สมัยสามัญ โดยจะมีการรับรองมติเห็นชอบให้ใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ เพื่อทำโรงไฟฟ้ากังหันลม ที่ประชาชนในพื้นที่คัดค้านอยู่ในวาระการประชุมด้วย ชาวบ้านจึงยื่นคำขาดให้เทศบาลฯ มีหนังสือยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะเลิกมติดังกล่าว ก่อนที่จะมีการประชุมวาระอื่นๆ

บรรยากาศขณะกลุ่มรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย ยื่นหนังสือให้เทศบาลฯ

เวลาประมาณ 09.00 น. สมาชิกสภาเทศบาลฯ ได้ทะยอยเดินทางเข้ามาที่เทศบาลฯ แต่รองนายกฯ ที่เดินเข้ามาหาชาวบ้าน กลับเข้ามากล่าวหาว่าชาวบ้านเป็นพวกหัวรุนแรง และมีการชี้หน้าสั่งให้ประชาชนเปิดแมส เรียกขอดูบัตรประชาชน ทั้งยังถามประชาชนอีกว่า "เก่งมาจากไหน" ซึ่งทำให้ชาวบ้านไม่พอใจต่อท่าทีคุกคามและไม่เหมาะสมดังกล่าว

เวลา 10.00 น. เทศบาลฯ แจ้งตำรวจ สภ.คำป่าหลาย กว่า 10 นาย เข้ามาในพื้นที่เทศบาลฯ โดยอ้างเรื่องความสงบเรียบร้อย มีการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอของประชาชน พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเป็นตัวแทนในการเจรจาร่วมกับประธานสภาฯ หลายครั้ง แต่ก็ยังคงยืนยันว่าไม่สามารถยกเลิกมติให้ได้ ซึ่งชาวบ้านยังคงยืนยันว่ากระบวนการที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้นต้องถูกเพิกถอน สุดท้ายทางเทศบาลคำป่าหลาย ได้ทำหนังสือแจ้งต่อชาวบ้านว่าเลื่อนการประชุมในวันนี้ออกไปก่อน ในเวลาประมาณ 11.30 น. โดยไม่ได้มีการแจ้งว่าจะเลื่อนประชุมออกไปเมื่อใด

ช่วงที่ประชาชนระบุว่าเป็นการกระทำที่คุกคามจากฝั่งเจ้าหน้าที่รัฐ

ปัญหาเรื่องโรงไฟฟ้ากังหันลม ในพื้นที่ ต.คำป่าหลาย สืบเนื่องมาจากบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ได้มีการยื่นขอใช้พื้นที่ป่าสงวนป่าดงหมู แปลงที่สอง เพื่อทำโรงไฟฟ้ากังหันลม โดยที่ไม่มีการแจ้งข้อมูลใดๆ ให้ชาวบ้านทราบล่วงหน้า ขณะที่ชาวบ้านยังตั้งคำถามกับหลักแดงที่ถูกนำมาปักในที่ดินทำกิน แต่เมื่อมีการยื่นเรื่องเพื่อจะขอมติการใช้พื้นที่ป่าฯ เข้าสู่สภาเทศบาลฯ จึงมีข้อมูลหลุดออกมาว่า หลักแดงที่ถูกนำไปปักในที่ชาวบ้าน คือหลักเขตโครงการกังหันลม ชาวบ้านจึงรวมตัวกันไปยื่นหนังสือคัดค้าน ในวันที่ 14 ต.ค. 2565 เพราะโครงการทับที่ทำกิน และทับพื้นที่ที่อยู่ในกระบวนการแก้ไขปัญหาการทวงคืนผืนป่าโดยมิชอบ โดยหลังจากเทศบาลรับหนังสือร้องเรียนของชาวบ้าน ก็ได้มีมติเห็นชอบให้บริษัทฯกังหันลมใช้พื้นที่ป่าในวันเดียวกัน โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีการประชาคมหมู่บ้าน และโครงการต้องไม่ทับที่ทำกินของชาวบ้าน หากไม่เป็นไปตามนี้ ให้ถือว่ามติเป็นโมฆะ

จนนำมาสู่การตั้งคำถามจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า เหตุใดเทศบาลคำป่าหลาย จึงเพิกเฉยต่อเสียงความเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่ เพราะกระบวนการประชาคมและการตรวจสอบพื้นที่ สมควรต้องทำก่อนที่เทศบาลฯจะมีมติ และเทศบาลฯทราบดีตั้งแต่ต้นว่าโครงการทับที่ทำกินของชาวบ้าน จึงได้มีการยื่นหนังสือคัดค้านถึงผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาไม่ใช่การแก้ไขปัญหาแต่เป็นการคุกคามจากตัวแทนบริษัทฯ และเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งการข่มขู่ว่าจะฟ้องคดี และการเสนอผลประโยชน์เพื่อให้ยุติการคัดค้าน

อย่างไรก็ตาม เทศบาลคำป่าหลายยังคงยืนยันว่ามีอำนาจในการลงมติเห็นชอบ โดยไม่ต้องจัดประชาคม และการตรวจสอบพื้นที่ของประชาชนเป็นเรื่องในกระบวนการถัดไป ไม่ใช่หน้าที่ของเทศบาล ซึ่งคำตอบดังกล่าวเป็นการปัดความรับผิดชอบอย่างชัดเจน การมาเทศบาลฯ ในวันนี้ จึงเป็นการยืนยันต่อเทศบาลว่าต้องหยุดกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเลิกมติที่สร้างความเดือดร้อนของชาวบ้าน และหากยังเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้ากังหันลมต่อไป ชาวบ้านจะดำเนินการร้องเรียนต่ออธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการเลื่อนประชุมหนีชาวบ้าน พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่เทศบาลคำป่าหลาย ผนวกกับการคุกคาม และการเสนอผลประโยชน์ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้เห็นว่าทั้งรัฐและเอกชนต้องการเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้ากังหันลม โดยไม่สนใจวิธีการและความถูกต้อง ซึ่งต้องช่วยกันจับตาสถานการณ์ในพื้นที่ต่อไป


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net