‘จุฑาพร เพื่อไทย’ ชี้ส่งออกไทยหดตัว เศรษฐกิจไทยตามหลังเพื่อนบ้าน แนะเตรียมรับเศรษฐกิจถดถอยปี 66

โฆษกฝ่ายเศรษฐกิจของเพื่อไทย ชี้ส่งออกไทยเริ่มติดลบซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ำกว่าเพื่อนบ้าน เร่งแก้ปัญหาราคาพลังงาน เพื่อเตรียมรับมือปัญหาเศรษฐกิจโลกปีหน้ากระทบไทย

29 พ.ย.2565 ฝ่ายสื่อสารพรรคเพื่อไทยรายงานว่าวันนี้ จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางรัก สาทร ปทุมวัน และโฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวช้าตามหลังเพื่อนบ้าน แนะเร่งแก้ปัญหาราคาพลังงานทั้งไฟฟ้าและเชื้อเพลิง

จุฑาพรกล่าวว่าการส่งออกของไทยในเดือนตุลาคมเริ่มติดลบที่ -4.4% เป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าห่วงว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเริ่มแผ่ว มีแนวโน้มอาจจะไม่สู้ดีนักในปลายปีนี้ และจะต่อเนื่องไปถึงปีหน้าด้วย ทั้งนี้ขอตอกย้ำว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ที่ขยายได้ 4.5% นั้น แม้จะดูเหมือนดี แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียนจะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำมากเพราะในไตรมาส 3 มาเลเซียขยายได้ 14.2% เวียดนาม 13.7% ฟิลิปปินส์ 7.6% อินโดนีเซีย 5.7% แม้ประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นสิงคโปร์ยังขยายได้ 4.4% และถ้านับ 9 เดือนตั้งแต่ต้นปีไทยขยายได้เพียง 3.1% เท่านั้นซึ่งต่ำกว่าประเทศอาเซียนอื่นเช่นกัน

นอกจากนั้นโฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจยังย้ำว่าต้องไม่ลืมว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นคืนที่เดิมจากการติดลบ 6.2% ในปี 2563 เพราะปี 2564 ขยายได้เพียง 1.5% ปีนี้ก็น่าจะได้เพียง 3% กว่า ซึ่งยังห่างจากที่เศรษฐกิจไทยที่ตกลงมาพอสมควร ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศอื่นในอาเซียนได้ขยายตัวเกินกว่าที่ตกลงมาไปมากแล้ว

จุฑาพรชี้ว่าสถานการณ์ข้างต้นสะท้อนว่าคนไทยส่วนใหญ่รายได้ไม่เพิ่มขึ้น แถมรายได้ยังลดลงด้วย ในขณะที่เงินเฟ้อสูงมากหมายถึงค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพพุ่งสูงมาก การที่รัฐบาลได้เลื่อนการขึ้นราคาค่าไฟฟ้าในงวด มกราคม-เมษายน ออกไปก่อน เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และเป็นไปตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเรียกร้อง เพราะค่าไฟฟ้าได้ขึ้นมาจากหิน่วยละ 3.70 บาท มาเป็น 4.72 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นมา 28% แล้ว ถ้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นหน่วยละ 5.37 บาท, 5.70 บาท หรือ 6.03 บาท จะหนักมาก

นอกจากนี้จุฑาพรยังกล่าวถึงอีกข้อเสนอของพรรคคือการสั่งเก็บเงินจากโรงแยกก๊าซเดือนละ 1,500 ล้านบาท จำนวน 4 เดือน รวม 6,000 ล้านบาท เพื่อมาลดต้นทุนค่าไฟฟ้า ซึ่งจะนำมาลดค่าไฟฟ้า หรือลดค่าก๊าซหุงต้ม ก็ทำได้ทั้งสองทาง และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยทำมาแล้วในอดีต และน่าจะพิจารณาเก็บเงินในระยะยาวไม่ใช่เพียง 4 เดือน เพราะจะสามารถช่วยประชาชนได้มาก อีกทั้งก๊าซธรรมชาติที่ขุดได้จากในอ่าวไทยเป็นสมบัติของคนไทยทั้งประเทศ แต่ยังกังวลว่าหลังจากเมษายนปีหน้าแล้ว ค่าไฟฟ้าก็ต้องขึ้นสูงอีกถ้าหากยังไม่ได้แก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง จะเป็นแค่การถ่วงเวลาการขึ้นราคาเท่านั้น

โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจยังแต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ ปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยสถาบันการเงินระดับโลกได้คาดการณ์ดังนี้

  • มอร์แกน สแตนลีย์ เศรษฐกิจโลก 2.2% สหรัฐฯ 0.05% จีน 5%
  • โกลด์แมน แซคส์ เศรษฐกิจโลก 1.80% สหรัฐฯ 1.1% จีน 4.50%
  • บาร์เคลย์ส เศรษฐกิจโลก 1.70% สหรัฐฯ -0.1% จีน 3.80%
  • บีเอ็นพี พาริบาส์ เศรษฐกิจโลก 2.3% สหรัฐฯ -0.1% จีน 4.50%

จุฑาพรยังกล่าวอีกว่า จากปัญหาเศรษฐกิจโลกถดถอยจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เพราะขนาดเศรษฐกิจโลกยังไม่ถดถอย เศรษฐกิจไทยก็เริ่มจะแผ่ว การส่งออกของประเทศไทยก็เริ่มติดลบแล้ว ถ้าเศรษฐกิจโลกถดถอย เศรษฐกิจไทยจะยิ่งทรุดหนักได้ ดังนั้นรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารในปีหน้าจะต้องสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ หากยังบริหารแบบในปัจจุบันจะไม่สามารถรับมือกับปัญหาได้ คนไทยจะยิ่งลำบาก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท