ระหว่างโปรตุเกสฟาดแข้งกับอุรุกวัยในศึกบอลโลก มีคนบุกเข้าไปในสนามพร้อมกับธงสีรุ้งที่แสดงการสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ รวมถึงสวมเสื้อตราซูเปอร์แมนที่มีข้อความว่า "Save Ukraine" หรือ "ช่วยยูเครนด้วย" ที่ด้านหน้า และมีข้อความสนับสนุนผู้หญิงในอิหร่านที่กำลังประท้วงรัฐบาลอยู่ด้วย
มีบุคคลที่สื่อยังไม่ทราบชื่อที่ต่อมามีรายงานว่าเป็นชาวอิตาเลียนชื่อ มาริโอ เฟอรี่ บุกเข้าไปในสนามแข่งฟุตบอลโลกช่วงที่โปรตุเกส กับ อุรุกวัย กำลังแข่งขันกันอยู่ในสนามกีฬาลูซาอิลไอคอนิกสเตเดียม เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา บุคคลดังกล่าววิ่งเข้าไปในสนามพร้อมแสดงออกด้วยการโบกธงสีรุ้งสัญลักษณ์ของ LGBTQ+ และมีข้อความ "ช่วยยูเครนด้วย" บนเสื้อของตัวเอง เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ฟีฟ่าส่งสัญญาณกดดันไม่ให้มีการ "แสดงออกทางการเมือง" ในการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้
สื่อต่างประเทศเรียกบุคคลดังกล่าวนี้ว่า "Pitch invader" ที่แปลตรงตัวว่า "ผู้บุกเข้าไปในสนาม" ถึงแม้ว่าช่องโทรทัศน์นานาชาติของฟีฟ่าจะหลีกเลี่ยงไม่นำเสนอภาพเหตุการณ์ "ผู้บุกเข้าไปในสนาม" คนนี้ แต่ผู้ชมก็สามารถมองเห็นบุคคลผู้นี้วิ่งไปในสนามพร้อมโบกธงสีรุ้งในขณะที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งไล่ตามตัวเขาได้
การแข่งขันระหว่างโปรตุเกสและอุรุกวัยจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายโปรตุเกสด้วยคะแนน 2 ต่อ 0 กรณีของผู้บุกเข้าไปในสนามในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่การแข่งขันผ่านไปแล้ว 51 นาที นอกจากธงสีรุ้งและเสื้อ "ช่วยยูเครนด้วย" แล้ว ภาพจากเก็ตตีโฟโตยังเปิดเผยให้เห็นคำว่า "ขอแสดงความนับถือต่อผู้หญิงชาวอิหร่าน" (Respect for Iranian Woman) อยู่ที่ด้านหลังเสื้อของบุคคลผู้นี้ด้วย
การแสดงออกของผู้บุกเข้าไปในสนามในครั้งนี้จึงกลายเป็นการแสดงออกถึงประเด็นของโลก 3 ประเด็น ไปพร้อมๆ กันคือเรื่องความหลากหลายทางเพศหรือ LGBTQ+ ที่ประเทศเจ้าภาพฟุตบอลโลกอย่างกาตาร์ยังมีกฎหมายห้ามการรักเพศเดียวกันจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้านี้ แต่ทางฟีฟ่าและกาตาร์ก็พยายามเซนเซอร์ไม่ให้มีการแสดงออกเกี่ยวกับประเด็นนี้
เช่นเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา แฟนบอลชาวเยอรมันเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้สั่งให้เขาถอดเครื่องนุ่งห่มหรือเครื่องประดับที่เป็นสีรุ้งออกจากตัวถึงจะอนุญาตให้พวกเขาเข้าชมฟุตบอลโลกในสนามนัดที่มีการแข่งขันระหว่างฝรั่งเศสกับเดนมาร์กได้
นอกจากนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีกรณีที่นักข่าวอเมริกันและอดีตกัปตันทีมฟุตบอลหญิงถูกควบคุมตัวและถูกสั่งให้ถอดชุดและเครื่องประดับสีรุ้งออก นักข่าวชาวอเมริกันถูกควบคุมตัวไว้เป็นเวลา 25 นาทีก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัว โดยที่ตัวแทนของฟีฟ่ากับสมาชิกอาวุโสของทีมรักษาความปลอดภัยของสนามได้ออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์นี้
นอกจากเรื่อง LGBTQ+ แล้ว ผู้บุกสนามรายนี้ยังได้สื่อถึงประเด็นสงครามยูเครนที่เกิดขึ้นหลังจากการรุกรานโดยรัสเซียเมื่อปลายเดือน ก.พ. 2565 จนถึงตอนนี้ และกรณีการประท้วงในอิหร่านครั้งล่าสุด ที่เริ่มต้นโดยการนำของกลุ่มผู้หญิงซึ่งไม่พอใจต่อกรณีการเสียชีวิตของ มาห์ซา อามินี โดยที่เธอเสียชีวิตขณะอยู่ภายใต้การควบคุมตัวโดยตำรวจศีลธรรมที่อ้างว่าเธอสวมฮิญาบไม่ถูกต้อง การประท้วงมีความต่อเนื่องจากประเด็นเรื่องการจำกัดเสรีภาพของผู้หญิงกลายเป็นการประท้วงต่อต้านระบอบอำนาจนิยมของอิหร่านในเวลาต่อมา
ล่าสุดเมื่อเวลา 18.13 น. ฟาบริซิโอ โรมาโน ผู้สื่อข่าวฟุตบอลชาวอิตาเลียนรายงานว่ามาริโอได้รับการปล่อยตัวแล้วโดยไม่ได้ถูกลงโทษตามมาแต่อย่างใด
The pitch invader during the Portugal-Uruguay match, Italian guy Mario Ferri, has just announced that he has been released with no consequences. #Qatar2022 pic.twitter.com/W1OFmlHnbS
— Fabrizio Romano (@FabrizioRomano) November 29, 2022
เรียบเรียงจาก